Add parallel Print Page Options

ภาค 4

บทที่ 90-106

สอนพวกเราให้รับสติปัญญา

คำอธิษฐานของโมเสส คนของพระเจ้า

พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เป็นที่พึ่งพิงของพวกเรา
    ทุกชั่วอายุคน
พระองค์เป็นพระเจ้าจากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
    ก่อนที่จะสร้างภูเขา พื้นแผ่นดิน และโลก

พระองค์ทำให้มนุษย์กลับสภาพไปเป็นผงคลีโดยกล่าวว่า
    “กลับไปเถิด ลูกๆ ของมนุษย์เอ๋ย”
ด้วยว่าในสายตาของพระองค์ 1,000 ปี
    เป็นเหมือนกับวันเดียวที่ผ่านไป
    ดั่งยามเดียวในตอนค่ำ
พระองค์ทำให้ชีวิตของพวกเขาสิ้นสุดลงโดยฉับพลัน
    ดุจหญ้าที่งอกขึ้นใหม่ในยามเช้า
ในยามเช้ามันมีชีวิตชีวา และงอกขึ้นมา
    พอยามเย็นมันก็เอนลู่ลงเหี่ยวเฉาไป

ด้วยว่า พวกเราถูกทำลายด้วยความกริ้วของพระองค์
    และการลงโทษของพระองค์ทำให้เราหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ความชั่วของพวกเราไม่อาจหนีพ้นพระองค์
    แม้บาปกระทำในที่ลับก็กลับกระจ่าง ณ เบื้องหน้าพระองค์
เพราะวันเวลาผ่านไปภายใต้การลงโทษของพระองค์
    ชีวิตของเราสิ้นสุดลงดั่งการถอนหายใจ
10 อายุขัยของเราคือ 70 ปี
    หรือไม่ก็อาจถึง 80 ปีหากว่าเป็นคนแข็งแรง
ถึงกระนั้นในช่วงชีวิตยังมีความทุกข์ยากและลำบาก
    ไม่ช้าก็หมดไป และเราก็บินจากไป
11 ใครทราบถึงอานุภาพของความกริ้วของพระองค์
    และใครจะทราบว่า การลงโทษของพระองค์น่าหวาดหวั่นเพียงไร
12 ฉะนั้น โปรดสอนพวกเราให้นึกถึงวันเวลาว่าล่วงไปอย่างรวดเร็ว
    เราจะได้รับสติปัญญาจากพระเจ้าไว้ในจิตใจ
13 หันกลับมาเถิด โอ พระผู้เป็นเจ้า จะอีกนานเพียงไร
    โปรดสงสารบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เถิด
14 ให้พวกเราพอใจกับความรักอันมั่นคงของพระองค์ในยามเช้าเถิด
    และเราจะเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีตลอดชีวิต
15 ให้พวกเราได้รับความยินดีมากเท่ากับความยากลำบากที่พระองค์ให้เราได้รับ
    และนานหลายปีเท่าๆ กับความยากลำบากที่พวกเราประสบ
16 ขอให้การกระทำของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
    และความยิ่งใหญ่ของพระองค์แก่ลูกหลานของเขาเถิด
17 ให้ความพึงพอใจของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราอยู่กับพวกเราเถิด
    ขอพระองค์เสริมสร้างสิ่งที่พวกเรากระทำเพื่อพวกเรา
    โปรดเสริมสร้างสิ่งที่พวกเรากระทำด้วยเถิด

พระเจ้าเป็นที่พึ่งพิงของท่าน

ผู้ที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกป้องขององค์ผู้สูงสุด
    จะพักอยู่ในร่มเงาของผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพ
ข้าพเจ้าจะพูดกับพระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์เป็นที่พักพิงและเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    พระเจ้าของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าไว้วางใจ”

เพราะว่า พระองค์จะช่วยท่านให้หลุดพ้นจากกับดักที่ซ่อนไว้
    จากโรคระบาดร้ายแรง
พระองค์จะโอบอุ้มท่านด้วยปีกของพระองค์
    ท่านจะพักพิงอยู่ภายใต้ปีกของพระองค์
    ความสัตย์จริงของพระองค์จะเป็นโล่ป้องกันและเป็นดั้ง
ท่านไม่ต้องกลัวสิ่งอันน่าหวาดหวั่นในยามค่ำ
    หรือลูกศรที่แล่นออกไปในความสว่างของวัน
หรือโรคระบาดที่แพร่ไปในความมืด
    หรือภัยพิบัติที่มาทำลายตอนเที่ยงวัน
คนนับพันจะล้มลงข้างๆ ท่าน
    คนนับหมื่นทางขวามือท่าน
    แต่มันจะไม่มาใกล้ถึงตัวท่าน
ท่านสามารถมองดูด้วยตาของท่าน
    และเห็นคนชั่วร้ายถูกลงโทษ

เพราะท่านให้พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่พึ่งพิงของท่าน
    พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เป็นที่ลี้ภัยของท่าน
10 ไม่มีภัยใดๆ จะกล้ำกรายท่านได้
    วิบัติจะไม่เข้าใกล้กระโจมของท่าน
11 เพราะพระองค์จะสั่งความเกี่ยวกับท่านกับเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์
    ให้ปกป้องท่านไม่ว่าจะไปที่ใด
12 ทูตสวรรค์จะช่วยรับท่านไว้ในมือ
    เพื่อว่าเท้าของท่านจะได้ไม่กระทบแม้หินสักก้อน[a]
13 ท่านจะเดินย่ำสิงโตและงูเห่า
    และจะเหยียบขยี้สิงโตหนุ่มและงู

14 พระองค์กล่าวว่า “ผู้ที่รักเราจะปลอดภัย
    เราจะปกป้องคนที่รู้จักชื่อของเรา
15 เราจะตอบคนที่ร้องเรียกถึงเรา
    เราจะอยู่กับคนที่ทุกข์ยาก
    เราจะช่วยเหลือและให้เกียรติแก่เขา
16 เราจะทำให้เขาได้พอใจกับชีวิตอันยืนยาว
    และแสดงให้เขาเห็นความรอดพ้นที่มาจากเรา”

เพลงสรรเสริญ เพลงสดุดี

บทเพลงสำหรับวันสะบาโต

การขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งดี
    รวมทั้งการบรรเลงเพลงแด่พระนามของพระองค์ โอ องค์ผู้สูงสุด
นับว่าเป็นสิ่งดีที่จะประกาศความรักอันมั่นคงของพระองค์ในยามรุ่งอรุณ
    และความสัตย์จริงของพระองค์ในยามราตรี
กับดนตรีจากพิณสิบสาย
    และเพลงจากพิณเล็ก

โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าดีใจเพราะกิจการของพระองค์
    ข้าพเจ้าเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีเพราะฝีมือการทำงานของพระองค์
โอ พระผู้เป็นเจ้า งานของพระองค์ช่างยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้
    ความนึกคิดของพระองค์ช่างลึกซึ้ง
คนสมองทึบไม่สามารถรู้ได้
    คนโง่เขลาก็ไม่เข้าใจในเรื่องนี้
คือเวลาคนชั่วเติบโตดั่งต้นหญ้า
    และคนเลวทุกคนเจริญรุ่งเรือง
    พวกเขาจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง

โอ พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์จะเป็นที่ยกย่องเชิดชูตลอดกาล

ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้า ศัตรูของพระองค์
    ดูเถิด ศัตรูของพระองค์จะสิ้นชีพ
    คนเลวทุกคนจะหนีกระเจิดกระเจิงไป
10 แต่พระองค์ชูพละกำลังของข้าพเจ้าขึ้นดั่งชูเขาของกระทิง
    พระองค์เจิมน้ำมันใหม่บนตัวข้าพเจ้า
11 ข้าพเจ้าได้เห็นพวกศัตรูพ่ายแพ้ด้วยตาของข้าพเจ้า
    หูข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องของพวกคนชั่ว

12 คนมีความชอบธรรมจะงอกงามอย่างต้นอินทผลัม
    เติบโตอย่างต้นซีดาร์ในเลบานอน
13 เขาเป็นดั่งต้นที่ปลูกไว้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า
    จะงอกงามในลานพระตำหนักของพระเจ้าของเรา
14 และยังออกผลในยามชรา
    ยังสดและเขียวชอุ่ม
15 เพื่อประกาศว่า “พระผู้เป็นเจ้าเที่ยงธรรม
    พระองค์เป็นศิลาของข้าพเจ้า และกอปรด้วยความเป็นธรรมโดยบริบูรณ์”

พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

พระผู้เป็นเจ้าครองบัลลังก์ พระองค์พรั่งพร้อมด้วยความยิ่งใหญ่
    พระผู้เป็นเจ้าพรั่งพร้อมด้วยอานุภาพ
โลกถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคง และไม่อาจเคลื่อนย้ายไปที่ใดๆ ได้
บัลลังก์ของพระองค์ถูกจัดตั้งไว้อย่างมั่นคงนับแต่แรกเริ่ม
    พระองค์ดำรงอยู่ตั้งแต่นิรันดร์กาล

โอ พระผู้เป็นเจ้า กระแสน้ำดังครืนครั่น
    กระแสน้ำส่งเสียงครืนๆ
    กระแสน้ำคำรามด้วยคลื่นกระทบ
แต่ผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าเสียงครืนครั่นของกระแสน้ำหลายสาย
    และมีอานุภาพยิ่งกว่าคลื่นในท้องทะเล
    คือพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงส่งผู้มีมหิทธานุภาพ

คำสั่งของพระองค์เป็นสิ่งแน่นอน
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ความบริสุทธิ์เหมาะกับพระตำหนักของพระองค์
    นานแสนนาน

ความมั่นใจของผู้มีความชอบธรรม

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งการลงโทษ
    โอ พระเจ้าแห่งการลงโทษ โปรดแสดงให้ประจักษ์เถิด
โอ ผู้พิพากษาโลก ลุกขึ้นเถิด
    สนองตอบคนหยิ่งยโสตามที่เขาควรได้รับ
โอ พระผู้เป็นเจ้า จะนานเพียงไร
    จะนานเพียงไรที่คนชั่วร้ายยังคงเบิกบานใจกัน
พวกเขาพ่นถ้อยคำยโส
    คนทำความชั่วทั้งปวงล้วนแต่โอ้อวดกัน
โอ พระผู้เป็นเจ้า พวกเขาขยี้ชนชาติของพระองค์
    และกดขี่ข่มเหงผู้สืบมรดกของพระองค์
พวกเขาฆ่าหญิงม่ายและคนต่างด้าวที่ตั้งรกรากอยู่
    และฆ่าเด็กกำพร้า
แล้วพวกเขาพูดว่า “พระผู้เป็นเจ้าจะไม่เห็นหรอก
    พระเจ้าของยาโคบไม่หยั่งรู้”

จงเข้าใจเถิด พวกเจ้าช่างโง่เขลาเหลือเกิน
    เมื่อไหร่เจ้าจึงจะมีสติปัญญาบ้าง
พระองค์เป็นผู้สร้างหูให้เรา พระองค์จะไม่ได้ยินหรือ
    และพระองค์สร้างดวงตา พระองค์จะไม่เห็นหรือ
10 ผู้ที่สอนให้บรรดาประชาชาติมีวินัยจะไม่ลงโทษหรือ
    และผู้สั่งสอนมนุษย์ขาดความรู้หรือ
11 พระผู้เป็นเจ้าทราบความนึกคิดของมนุษย์ว่า
    เป็นเพียงประหนึ่งไอน้ำ[b]

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า คนมีความสุขได้แก่คนที่พระองค์สอนให้มีวินัย
    และคนที่พระองค์สั่งสอนจากกฎบัญญัติของพระองค์
13 เพื่อให้เขาปลอดภัยในยามมีคนปองร้าย
    จนกระทั่งหลุมศพจะถูกขุดรอไว้ให้คนชั่ว
14 เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทอดทิ้งชนชาติของพระองค์
    และพระองค์ไม่ละเลยผู้สืบมรดกของพระองค์
15 ความเป็นธรรมจะกลับมายังผู้มีความชอบธรรม
    และผู้มีใจเที่ยงธรรมจะตามหลังไป

16 ใครลุกขึ้นช่วยข้าพเจ้าต่อต้านคนเลว
    ใครอยู่ข้างข้าพเจ้าต่อสู้คนชั่ว
17 ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ช่วยข้าพเจ้า
    อีกไม่นานชีวิตข้าพเจ้าก็คงจะลงไปอยู่ในความเงียบสงัดแห่งความตาย
18 เวลาข้าพเจ้าพูดว่า “เท้าของข้าพเจ้าพลาด”
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ความรักอันมั่นคงของพระองค์พยุงข้าพเจ้าไว้
19 เวลาจิตใจข้าพเจ้าว้าวุ่นสับสน
    พระองค์ปลอบประโลมจิตวิญญาณทำให้ข้าพเจ้าเบิกบาน
20 พวกคนชั่วร้ายที่ปกครองบ้านเมืองจะเป็นพันธมิตรกับพระองค์ได้หรือ
    เขาเป็นคนสร้างความทุกข์ด้วยการละเมิดกฎเกณฑ์
21 พวกเขารวมหัวกันฆ่าคนมีความชอบธรรม
    และป้ายความผิดแก่คนไร้ความผิดจนถึงแก่ชีวิต
22 แต่พระผู้เป็นเจ้าเป็นป้อมปราการของข้าพเจ้า
    และพระเจ้าของข้าพเจ้าเป็นศิลาที่พักพิงของข้าพเจ้า
23 พระองค์จะลงโทษพวกที่กระทำสิ่งชั่วร้าย
    และจะทำให้เขาพินาศเพราะบาปของเขา
    พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราจะทำให้เขาพินาศ

ร้องเพลงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

มาเถิด เรามาเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่พระผู้เป็นเจ้ากันเถิด
    เรามาส่งเสียงร้องอันรื่นเริงแด่ศิลาแห่งความรอดพ้นของเราเถิด
เราไปเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อกล่าวขอบคุณพระองค์
    เรามาร่วมเปล่งเสียงอันรื่นเริงถวายแด่พระองค์ด้วยบทเพลงสรรเสริญ
เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่ง
    กษัตริย์ผู้ใหญ่ยิ่งเหนือเทพเจ้าทั้งปวง
ความลึกของแผ่นดินโลกอยู่ในมือของพระองค์
    ความสูงของภูเขาก็เป็นของพระองค์เช่นกัน
ทะเลเป็นของพระองค์เพราะพระองค์สร้างมันขึ้นมา
    และสร้างพื้นดินแห้งขึ้นด้วยมือของพระองค์เอง

มาเถิด เรามาก้มตัวลงราบกับพื้น
    น้อมตัวลงเพื่อกราบนมัสการ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า ผู้สร้างพวกเรา
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของเรา
    และพวกเราเป็นชนชาติในทุ่งหญ้าของพระองค์
    เป็นฝูงแกะภายใต้การดูแลของพระองค์

วันนี้ ถ้าพวกท่านได้ยินเสียงของพระองค์
“ก็อย่าทำใจของเจ้าให้แข็งกระด้างเหมือนกับที่ได้ทำในเมรีบาห์
    เหมือนกับวันที่ได้ทำที่มัสสาห์[c]ในถิ่นทุรกันดาร
เวลาบรรพบุรุษของเจ้าได้ลองดีกับเราโดยการทดสอบเรา
    แม้ว่าเขาได้เห็นสิ่งที่เรากระทำแล้วก็ตาม
10 เราขยะแขยงชนยุคนั้นอยู่ 40 ปี
    เราจึงกล่าวว่า ‘จิตใจของเขาเหล่านั้นหลงผิดเสมอ
    และเขาไม่รู้วิถีทางของเรา’
11 เราจึงประกาศให้คำปฏิญาณด้วยความกริ้วว่า
    ‘พวกเขาจะไม่มีวันเข้าสู่ที่พำนักของเรา’”[d]

พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ครองบัลลังก์

ทั่วทั้งโลกเอ๋ย จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    จงร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
จงร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า สรรเสริญพระนามของพระองค์
    ประกาศความรอดพ้นที่มาจากพระองค์โดยไม่เว้นวัน
บอกเล่าถึงพระบารมีของพระองค์ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
    การกระทำอันมหัศจรรย์ท่ามกลางชนชาติทั้งปวง
เพราะพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่และสมควรแก่การสรรเสริญยิ่งนัก
    พระองค์เป็นที่น่าเกรงขามเหนือเทพเจ้าทั้งปวง
เพราะว่า เทพเจ้าทั้งปวงของบรรดาชนชาติเป็นเพียงรูปเคารพ
    แต่พระผู้เป็นเจ้าสร้างฟ้าสวรรค์
ความเรืองรองและความยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหน้าพระองค์
    พละกำลังและพระบารมีอยู่ในที่พำนักของพระองค์

เหล่าตระกูลของบรรดาชนชาติจงป่าวร้องแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
    จงป่าวร้องว่า พระผู้เป็นเจ้ากอปรด้วยพระบารมีและพลานุภาพ
จงป่าวร้องว่า พระนามของพระผู้เป็นเจ้ายิ่งใหญ่
    จงนำของถวายมาและเข้าไปในลานพระตำหนักของพระองค์
กราบนมัสการพระผู้เป็นเจ้าในความบริสุทธิ์ของพระองค์
    ทั่วทั้งโลกจงสั่นสะท้าน ณ เบื้องหน้าพระองค์
10 จงพูดในบรรดาประชาชาติว่า “พระผู้เป็นเจ้าครองบัลลังก์”
    โลกถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคง และไม่อาจเคลื่อนย้ายไปที่ใด
    พระองค์จะพิพากษาบรรดาชนชาติด้วยความยุติธรรม

11 ให้ฟ้าสวรรค์ชื่นชมยินดี ให้แผ่นดินโลกเริงร่า
    ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเสียงครืนครั่น
12 ให้ทุ่งนาและทุกสิ่งในนั้นเปรมปรีด์
    แล้วต้นไม้ทุกต้นในป่าไม้จะส่งเสียงร้องด้วยความยินดี
13 ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์จะมา
    พระองค์จะมาพิพากษาแผ่นดินโลก
พระองค์จะพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
    และพิพากษาบรรดาชนชาติด้วยความสัตย์จริงของพระองค์

พระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ครองบัลลังก์สูงสุด

พระผู้เป็นเจ้าครองบัลลังก์ ให้แผ่นดินโลกเปรมปรีดิ์
    ให้แผ่นดินชายฝั่งทะเลอันแสนไกลยินดี
หมู่เมฆและความมืดทึบล้อมโดยรอบพระองค์
    ความชอบธรรมและความเป็นธรรมคือรากฐานแห่งบัลลังก์ของพระองค์
เปลวไฟไปล่วงหน้าพระองค์
    เผาไหม้พวกศัตรูของพระองค์โดยรอบ
สายฟ้าแลบของพระองค์ทำให้โลกสุกสว่าง
    แผ่นดินโลกเห็นและสั่นสะเทือน
เทือกเขาหลอมละลายดั่งขี้ผึ้ง ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
    ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าของสิ่งทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
ฟ้าสวรรค์ประกาศความชอบธรรมของพระองค์
    และบรรดาชนชาติทั้งปวงเห็นพระบารมีของพระองค์

บรรดาผู้นมัสการรูปเคารพทุกคนได้รับความอับอาย
    คือพวกที่โอ้อวดในรูปเคารพอันไร้ค่า
    เทพเจ้าทั้งปวงจงก้มนมัสการพระองค์

ชาวศิโยนได้ยินและยินดี
    บรรดาธิดาของยูดาห์เปรมปรีดิ์
    เพราะความเป็นธรรมของพระองค์ โอ พระผู้เป็นเจ้า
พระองค์เป็นพระผู้เป็นเจ้าผู้สูงสุดเหนือสิ่งทั้งปวงบนแผ่นดินโลก
    พระองค์ได้รับการเชิดชูเหนือเทพเจ้าทั้งปวง
10 ผู้รักพระผู้เป็นเจ้าเกลียดชังความชั่ว
    พระองค์รักษาชีวิตของผู้ภักดีต่อพระองค์
    พระองค์จะช่วยพวกเขาให้พ้นจากมือของคนชั่ว
11 แสงสาดส่องให้กับผู้มีความชอบธรรม
    และความยินดีให้กับผู้มีใจเที่ยงธรรม
12 ท่านผู้มีความชอบธรรมเอ๋ย จงยินดีในพระผู้เป็นเจ้าเถิด
    และขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี

เพลงสดุดี

จงร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระองค์ได้กระทำสิ่งมหัศจรรย์
มือขวาและแขนอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    นำชัยชนะมาสู่พระองค์
พระผู้เป็นเจ้าให้ชัยชนะเป็นที่ปรากฏในสายตาของบรรดาประชาชาติ
    พระองค์เผยความชอบธรรมของพระองค์
พระองค์ไม่ลืมความรักอันมั่นคงและความสัตย์จริงของพระองค์
    ที่มีต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอล
ทั่วแหล่งหล้าได้เห็นชัยชนะ
    ของพระเจ้าของเราแล้ว

ทั่วทั้งโลกเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
    จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี และร้องเพลงสรรเสริญ
ร้องเพลงคลอคู่กับพิณเล็กถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า
    ด้วยทำนองเสียงร้องเพลงกับพิณเล็ก
กับแตรยาว[e]และเสียงแตรงอน[f]
    เปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่กษัตริย์ผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้า

ให้ทะเลและสรรพสิ่งที่อยู่ในนั้นส่งเสียงครืนครั่น
    ทั้งโลกและผู้อาศัยอยู่ในนั้นพากันแซ่ซ้องด้วย
ให้กระแสน้ำส่งเสียงครืนครั่น
    ให้ทิวเขาเปล่งเสียงร้องเพลงด้วยความยินดีคู่กันไป
ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า
    เพราะพระองค์จะมาพิพากษาแผ่นดินโลก
พระองค์จะพิพากษาโลกด้วยความชอบธรรม
    และพิพากษาบรรดาชนชาติด้วยความเที่ยงธรรม

พระผู้เป็นเจ้าเป็นกษัตริย์สูงสุด

พระผู้เป็นเจ้าครอบครองบัลลังก์
    ให้บรรดาชนชาติตัวสั่นครั่นคร้าม
พระองค์สถิตบนบัลลังก์เหนือตัวเครูบ
    ให้แผ่นดินโลกสะเทือนเลื่อนลั่น
พระผู้เป็นเจ้าใหญ่ยิ่งในศิโยน
    พระองค์ถูกเชิดชูเหนือชนชาติทั้งปวง
ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระองค์ องค์ผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม
    พระองค์บริสุทธิ์
กษัตริย์ผู้กอปรด้วยมหิทธานุภาพรักความเป็นธรรม
    พระองค์สร้างความยุติธรรม
พระองค์ได้แสดงความเป็นธรรม
    และความชอบธรรมแก่ยาโคบ[g]
จงยกย่องพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
    และกราบนมัสการ ณ ที่วางเท้าของพระองค์
    พระองค์บริสุทธิ์

โมเสสและอาโรนอยู่ในบรรดาปุโรหิตของพระองค์
    ซามูเอลอยู่ในบรรดาผู้ร้องเรียกพระนามของพระองค์
ท่านเหล่านี้ได้ร้องบอกพระผู้เป็นเจ้า
    และพระองค์ก็ตอบท่าน
พระองค์กล่าวกับท่านเหล่านั้นจากเสาเมฆก้อนมหึมา
    ท่านรักษาคำสั่งของพระองค์
    และกฎเกณฑ์ที่พระองค์บัญชาไว้

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา พระองค์ตอบชนชาติของพระองค์
    พระองค์เป็นพระเจ้าผู้พรั่งพร้อมด้วยการให้อภัย
    และลงโทษเมื่อพวกเขากระทำบาป
จงยกย่องพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา
    และกราบนมัสการ ณ ภูเขาอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราบริสุทธิ์

รับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี

เพลงสดุดีแห่งการขอบคุณ

ทั่วทั้งโลกเอ๋ย จงเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดีถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าเถิด
รับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยความยินดี
    เข้าเฝ้าพระองค์ด้วยการร้องเพลง
จงรู้เถิดว่าพระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า
    พระองค์เป็นผู้สร้างพวกเรา และเราเป็นคนของพระองค์
    เป็นชนชาติของพระองค์ และเป็นฝูงแกะในทุ่งหญ้าของพระองค์

เข้าสู่ประตูของพระองค์ด้วยใจขอบคุณ
    เข้าสู่ลานพระตำหนักของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ
    ขอบคุณพระองค์ และสรรเสริญพระนามของพระองค์
เพราะพระผู้เป็นเจ้าประเสริฐ
    ความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
    ความสัตย์จริงของพระองค์ยืนยงไปทุกชั่วอายุคน

สัจจะของกษัตริย์

เพลงสดุดีของดาวิด

ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถึงความรักอันมั่นคงและความเป็นธรรม
    โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าจะบรรเลงเพลงถวายแด่พระองค์
ข้าพเจ้าจะใส่ใจในวิถีทางแห่งสัจจะ
    เมื่อใดเล่าพระองค์จึงจะมาเยือนข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าใช้สัจจะเป็นเครื่องดำเนินชีวิต
    ภายในเรือนของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะไม่ข้องแวะกับสิ่งเลวใดๆ
    ข้าพเจ้าเกลียดการกระทำความชั่วของคน
    และข้าพเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ข้าพเจ้าอยู่ห่างจากคนมีใจลวงหลอก
    ข้าพเจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งเลวร้าย

ใครก็ตามที่แอบว่าร้ายเพื่อนบ้านของตน
    ข้าพเจ้าก็จะไม่ไว้ชีวิตเขา
ข้าพเจ้าจะไม่ยอมทนกับคน
    ที่มีสายตาหยิ่งจองหองและมีใจยโส

ข้าพเจ้าหมายตาคนภักดีในแผ่นดิน
    เพื่อให้เขาอาศัยอยู่กับข้าพเจ้า
คนที่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากข้อตำหนิ
    จะปรนนิบัติข้าพเจ้า
ไม่มีคนพูดเท็จคนใดจะอาศัยในเรือนของข้าพเจ้าได้
    คนโป้ปดไม่มีวันยืนอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้าได้นาน

ทุกๆ เช้า ข้าพเจ้าไม่ไว้ชีวิตคนชั่วร้ายทั้งปวง
    ในแผ่นดิน
ข้าพเจ้าจะกำจัดบรรดาคนทำชั่ว
    ให้ไปเสียจากเมืองของพระผู้เป็นเจ้า[h]

คำอธิษฐานของผู้มีทุกข์

คำอธิษฐานของผู้ทนทุกข์ทรมาน เวลารู้สึกอ่อนล้า และร้องไห้ฟูมฟายกับพระผู้เป็นเจ้า

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
    ให้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้าดังไปถึงพระองค์ด้วยเถิด
พระองค์อย่าได้ซ่อนหน้าไปจากข้าพเจ้า
    ในยามข้าพเจ้าลำบาก
โปรดเงี่ยหูฟังข้าพเจ้า
    ตอบข้าพเจ้าโดยเร็ว ในวันที่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์

วันเวลาของข้าพเจ้าเลือนหายไปดั่งควันไฟ
    และกระดูกข้าพเจ้าร้อนผ่าวดั่งไฟในเตา
หัวใจข้าพเจ้าแห้งโรยราดั่งต้นหญ้า และเหี่ยวเฉาไป
    แม้กระทั่งอาหาร ข้าพเจ้าก็ลืมรับประทาน
ข้าพเจ้าร้องคร่ำครวญเสียงดัง
    ตัวข้าพเจ้ามีแต่หนังหุ้มกระดูก
ข้าพเจ้าเป็นเหมือนนกกระทุงในที่กันดาร
    เหมือนนกเค้าแมวในที่ร้าง
ข้าพเจ้าไม่อาจหลับลงได้
    ข้าพเจ้าเป็นดั่งนกที่เดียวดายเกาะอยู่บนยอดหลังคา
พวกศัตรูของข้าพเจ้าเหยียดหยามข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
    เขาเยาะเย้ยและใช้ชื่อของข้าพเจ้าเป็นคำสาปแช่ง
ข้าพเจ้ากินขี้เถ้าต่างอาหาร
    และมีน้ำตาประสมอยู่ในเครื่องดื่ม
10 เป็นเพราะพระองค์ขัดเคืองและกริ้วเป็นที่สุด
    พระองค์จึงยกตัวข้าพเจ้าขึ้นและโยนทิ้งเสีย
11 วันเวลาของข้าพเจ้าเป็นเหมือนเงาในยามใกล้ค่ำ
    ข้าพเจ้าแห้งโรยราดั่งต้นหญ้า

12 โอ พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์สถิตบนบัลลังก์เป็นนิตย์
    พระองค์จะเป็นที่ระลึกถึงทุกชั่วอายุคน
13 พระองค์จะลุกขึ้นและเมตตาศิโยน
    เพราะถึงเวลาจะโปรดปรานนาง
    อันเป็นเวลาที่เหมาะควรแล้ว
14 เพราะบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์เห็นคุณค่าศิลาของนาง
    และสงสารนางแม้จะป่นปี้จนเป็นผงธุลี
15 บรรดาประชาชาติจะยำเกรงพระนามของพระผู้เป็นเจ้า
    และกษัตริย์ทั้งปวงในแผ่นดินโลกจะเกรงพระบารมีของพระองค์
16 เพราะพระผู้เป็นเจ้าจะสร้างศิโยนขึ้นใหม่
    พระองค์จะปรากฏด้วยพระบารมีของพระองค์
17 พระองค์จะตอบคำอธิษฐานของผู้ที่ถูกทอดทิ้ง
    และไม่เฉยเมยต่อคำอ้อนวอนของพวกเขา

18 ให้สิ่งนี้ถูกบันทึกไว้สำหรับยุคต่อไป
    เพื่อว่าชนชาติที่ยังไม่ได้ก่อเกิดขึ้นมาจะได้สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
19 เมื่อพระผู้เป็นเจ้ามองลงจากสถานที่บริสุทธิ์ของพระองค์
    พระองค์มองดูแผ่นดินโลกจากฟ้าสวรรค์
20 เพื่อฟังเสียงคร่ำครวญของเหล่านักโทษ
    เพื่อปลดปล่อยผู้ต้องโทษถึงแก่ชีวิตให้เป็นอิสระ
21 เพื่อให้พวกเขาประกาศพระนามของพระผู้เป็นเจ้าในศิโยน
    และสรรเสริญพระองค์ในเยรูซาเล็ม
22 เวลาบรรดาชนชาติและอาณาจักรร่วมกันชุมนุม
    เพื่อนมัสการพระผู้เป็นเจ้า

23 พระองค์ทำให้กำลังของข้าพเจ้าถดถอยลงในขณะยังเป็นหนุ่ม
    พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ามีอายุสั้นลง
24 ข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระเจ้าของข้าพเจ้า
    อย่ารับตัวข้าพเจ้าไปในเวลาที่มีอายุเพียงครึ่งของชีวิตเท่านั้น
    พระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุคน
25 ในกาลก่อนพระองค์ได้วางฐานรากของแผ่นดินโลก
    และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานจากฝีมือของพระองค์
26 สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์จะยังดำรงอยู่
    ทุกสิ่งจะผุพังไปเหมือนกับเครื่องนุ่งห่ม
พระองค์จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้เหมือนเปลี่ยนเสื้อคลุม
    และมันก็จะล่วงผ่านไป
27 แต่พระองค์คงอยู่เช่นเดิม
    และชีวิตของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด[i]
28 บรรดาลูกหลานของผู้รับใช้ของพระองค์จะอาศัยอยู่ต่อไป
    ผู้สืบเชื้อสายของพวกเขาจะปลอดภัย ณ เบื้องหน้าพระองค์”

ความรักของพระเจ้า

เพลงสดุดีของดาวิด

โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
    ทั่วทั้งกายและใจข้าพเจ้าสรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
    และอย่าลืมสิ่งดีๆ ทั้งปวงที่พระองค์มอบให้
พระองค์ยกโทษบาปทั้งปวงแก่ท่าน
    พระองค์รักษาโรคของท่านทุกโรคให้หายขาด
พระองค์ไถ่ชีวิตของท่านจากหลุมแห่งแดนคนตาย
    และมอบความรักอันมั่นคง และความเมตตาให้แก่ท่าน
พระองค์ให้สิ่งดีๆ แก่ท่านอย่างอุดมสมบูรณ์ตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่
    เพื่อพละกำลังจากวัยหนุ่มของท่านกลับคืนมาใหม่ เหมือนวัยของนกอินทรี

พระผู้เป็นเจ้ากระทำสิ่งที่เป็นความชอบธรรม
    และให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกบีบบังคับ
พระองค์ให้โมเสสทราบวิถีทางของพระองค์
    ให้ลูกหลานชาวอิสราเอลทราบการกระทำของพระองค์
พระผู้เป็นเจ้ามีเมตตาและพระคุณ
    ไม่โกรธง่าย และบริบูรณ์ด้วยความรักอันมั่นคง
พระองค์จะไม่ขัดขวางเราเสมอไป
    หรือจะเก็บความโกรธไว้ตลอดกาล
10 พระองค์ไม่ได้ลงโทษเราตามความหนักเบาของบาปที่เราทำไป
    หรือสนองตอบความชั่วตามที่เราควรได้รับ
11 ฟ้าสวรรค์อยู่สูงจากแผ่นดินโลกเพียงไหน
    ความรักอันมั่นคงของพระองค์สำหรับบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ก็มีมากเพียงนั้น
12 ทิศตะวันออกอยู่ไกลจากทิศตะวันตกเพียงไหน
    พระองค์ปลดบาปไปจากเราให้ไกลเพียงนั้น
13 บิดาสงสารบุตรของตนฉันใด
    พระผู้เป็นเจ้าสงสารบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ฉันนั้น
14 เพราะพระองค์ทราบว่า กายของเราเป็นอย่างไร
    พระองค์ทราบดีว่า เราเป็นเพียงแค่ผงธุลี

15 วันเวลาของมนุษย์ยืนยาวเท่ากับต้นหญ้า
    ผลิบานในระยะสั้นเท่ากับดอกไม้ในทุ่ง
16 ซึ่งในยามที่ลมพัดผ่าน มันก็ปลิดปลิวไป
    ที่ที่มันก่อเกิดและเติบใหญ่ก็ไม่รู้จักมันอีกต่อไป
17 แต่ความรักอันมั่นคงของพระผู้เป็นเจ้าคงอยู่กับบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
    และความชอบธรรมของพระองค์อยู่กับบรรดาลูกๆ ของลูกๆ ของเขา
18 อยู่กับบรรดาผู้รักษาพันธสัญญาของพระองค์
    และไม่ลืมทำตามข้อบังคับของพระองค์
19 พระผู้เป็นเจ้าจัดตั้งบัลลังก์ของพระองค์บนสวรรค์
    และอาณาจักรของพระองค์ปกครองทั่วทุกแห่งหน

20 ท่านผู้เป็นเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    พวกท่านเป็นผู้มีอานุภาพที่กระทำตามคำพูดของพระองค์
    เชื่อฟังคำของพระองค์
21 ชาวสวรรค์ทั้งปวงของพระองค์ บรรดาผู้ที่ทั้งปรนนิบัติพระองค์และกระทำตามความประสงค์ของพระองค์
    จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด
22 สรรพสิ่งที่พระองค์สร้างเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า
    ทุกแห่งหนที่พระองค์ปกครอง

โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

สรรเสริญพระเจ้าผู้สร้างสิ่งทั้งปวง

โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์ยิ่งใหญ่นัก
    พระองค์ทรงเครื่องด้วยความเรืองรองและความยิ่งใหญ่
รัศมีสว่างเรืองรองอยู่โดยรอบดั่งเสื้อคลุมของพระองค์
    พระองค์คลี่ฟ้าสวรรค์ให้กว้างออกดั่งม่าน
พระองค์ตั้งคานสำหรับที่พำนักของพระองค์ไว้บนน้ำที่อยู่เบื้องบน
ใช้หมู่เมฆเป็นรถศึกของพระองค์
    พระองค์ดำเนินไปกับสายลม
พระองค์บันดาลให้ผู้ส่งข่าวของพระองค์เป็นดุจลม
    และให้ผู้รับใช้ของพระองค์เป็นดุจเปลวไฟ[j]

พระองค์ตั้งแผ่นดินโลกบนฐานรากของมันเอง
    เพื่อไม่ให้เคลื่อนที่ได้จนชั่วกัปชั่วกัลป์
แล้วพระองค์ครอบคลุมมันด้วยน้ำลึกเสมือนเครื่องนุ่งห่ม
    และน้ำท่วมเทือกเขา
เมื่อพระองค์บอกห้าม น้ำก็ไหลพล่าน
    เมื่อเปล่งเป็นเสียงฟ้าร้อง มันก็เคลื่อนที่หนีไปโดยฉับพลัน
มันไหลท่วมเทือกเขา
    แล้วลดลงสู่หุบเขา
    อันเป็นที่ซึ่งพระองค์กำหนดให้มันอยู่
พระองค์จำกัดขอบเขตเพื่อไม่ให้มันผ่านไป
    มันจึงท่วมโลกอีกไม่ได้

10 พระองค์ปล่อยให้น้ำพุพลุ่งในหุบเขา
    มันไหลไปในระหว่างเนินเขา
11 เป็นน้ำดื่มสำหรับสัตว์ป่าในทุ่ง
    แก้กระหายแก่พวกลาป่า
12 นกในอากาศมีที่อาศัยได้ก็ด้วยน้ำพุ
    มันพากันส่งเสียงร้องอยู่ตามกิ่งไม้
13 พระองค์รดน้ำบนภูเขาจากที่พำนักเบื้องสูงของพระองค์
    แผ่นดินโลกชุ่มฉ่ำจากผลงานของพระองค์
14 พระองค์ให้ต้นหญ้างอกเพื่อฝูงสัตว์
    และให้มนุษย์ดูแลพืช
    เพื่อใช้เป็นอาหารจากแผ่นดินโลก
15 และให้เหล้าองุ่นเพื่อให้มนุษย์มีใจยินดี
    ให้น้ำมันเพื่อให้ใบหน้าแจ่มใส
    และให้ข้าวเพื่อเป็นกำลังใจแก่มนุษย์
16 บรรดาต้นไม้ของพระผู้เป็นเจ้าได้น้ำรดอย่างชุ่มฉ่ำ
    คือต้นซีดาร์แห่งเลบานอน[k]ที่พระองค์ได้ปลูกไว้
17 ซึ่งพวกนกก็สร้างรังของมันไว้ที่ใต้ร่มไม้
    นกกระสาอาศัยอยู่ที่ต้นสน
18 ภูเขาสูงเป็นที่สำหรับแพะป่า
    โขดหินเป็นที่พักพิงของตัวแบดเจอร์

19 พระองค์สร้างดวงจันทร์ไว้สำหรับกำหนดเวลาของเดือน
    ดวงอาทิตย์รู้เวลาตกของมัน
20 พระองค์ให้ความมืดเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นเวลากลางคืน
    ให้สัตว์ป่าคืบคลานออกมา
21 สิงโตหนุ่มคำรามหาเหยื่อของมัน
    แสวงหาอาหารจากพระเจ้า
22 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น
    พวกมันก็กลับไปนอนในที่ของมัน
23 มนุษย์ออกไปทำงาน
    ออกแรงทำงานกระทั่งเย็น

24 โอ พระผู้เป็นเจ้า งานของพระองค์มากมายอย่างยิ่ง
    พระองค์สร้างสิ่งทั้งปวงด้วยพระปัญญา
    แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยสิ่งที่พระองค์สร้าง
25 โน่นก็ทะเล ทั้งกว้างและใหญ่
    มีสิ่งต่างๆ แหวกว่ายอยู่นับไม่ถ้วนคือ
    สิ่งมีชีวิตทั้งเล็กและใหญ่
26 เรือแล่นอยู่ที่นั่น
    และตัวเหราที่พระองค์สร้างก็แหวกว่ายอยู่ในนั้น

27 สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับพระองค์
    เพื่อให้อาหารมันตามกาลเวลา
28 พระองค์ให้อาหาร
    ต่างก็เก็บกินกันไป
พระองค์ยื่นมือออก
    พวกมันก็ได้รับสิ่งดีๆ อย่างอุดมสมบูรณ์
29 เมื่อพระองค์เมินหน้าไปจากพวกมัน
    มันก็ตกใจ
เวลาพระองค์เอาลมหายใจของพวกมันไป
    มันก็ตายและกลับไปเป็นดิน
30 เมื่อพระองค์ระบายลมหายใจของพระองค์ออก
    พวกมันก็ถูกสร้างขึ้น
    พระองค์ทำให้พื้นแผ่นดินกลับดีขึ้นใหม่

31 ขอพระบารมีของพระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่ตลอดกาล
    ขอพระผู้เป็นเจ้ายินดีในสิ่งที่พระองค์สร้าง
32 พระองค์เพียงมองดูแผ่นดินโลก มันก็สะท้านไหว
    พระองค์จับต้องภูเขา มันก็พ่นควัน
33 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าไปชั่วชีวิต
    ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระเจ้าของข้าพเจ้าตราบที่มีชีวิตอยู่
34 ขอให้การใคร่ครวญของข้าพเจ้าเป็นที่พอใจของพระองค์
    เพราะข้าพเจ้ายินดีในพระผู้เป็นเจ้า
35 ให้พวกคนบาปถูกกำจัดไปเสียจากแผ่นดินโลก
    และอย่าให้มีพวกคนชั่วอีกเลย

โอ จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าเถิด

สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

พระเจ้าและชนชาติของพระองค์

จงขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ร้องเรียกพระนามของพระองค์
    ให้สิ่งที่พระองค์กระทำเป็นที่รู้จักในบรรดาชนชาติ
จงร้องเพลงถวายแด่พระองค์ จงร้องเพลงสรรเสริญถวายแด่พระองค์
    จงประกาศการกระทำอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์
สรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์ด้วยความภาคภูมิ
    ให้บรรดาผู้แสวงหาพระผู้เป็นเจ้ามีใจยินดีเถิด
จงแสวงหาพระผู้เป็นเจ้าและพละกำลังของพระองค์
    จงเข้าเฝ้าพระองค์เสมอ
จงระลึกถึงสิ่งมหัศจรรย์ที่พระองค์ได้กระทำ
    สิ่งอัศจรรย์และการพิพากษาลงโทษที่พระองค์กล่าว
โอ บรรดาผู้สืบเชื้อสายของอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์
    บรรดาบุตรของยาโคบ คนที่พระองค์เลือก
พระองค์คือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเรา
    การพิพากษาลงโทษของพระองค์มีอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินโลก
พระองค์ระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล
    ระลึกถึงคำบัญชาของพระองค์นานนับพันชั่วอายุคน
พันธสัญญาซึ่งพระองค์ทำไว้กับอับราฮัม
    และสัญญาที่พระองค์ได้ปฏิญาณไว้กับอิสอัค
10 ซึ่งพระองค์ยืนยันว่าเป็นกฎเกณฑ์แก่ยาโคบ
    เป็นพันธสัญญาอันเป็นนิรันดร์แก่อิสราเอล
11 โดยกล่าวว่า “เราจะยกดินแดนคานาอันให้แก่เจ้า
    เป็นส่วนแบ่งที่เจ้าจะได้รับเป็นมรดก”

12 ในเวลาที่พวกเขามีจำนวนน้อย
    เป็นกลุ่มเล็กๆ และอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงชั่วคราว
13 ระหกระเหินจากประชาชาติหนึ่งไปยังอีกประชาชาติหนึ่ง
    และจากอาณาจักรหนึ่งไปยังอีกชนชาติหนึ่ง
14 พระองค์ไม่ยอมให้ใครมาบีบบังคับพวกเขา
    พระองค์เตือนบรรดากษัตริย์เพื่อเห็นแก่พวกเขา
15 โดยกล่าวว่า “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมไว้
    อย่าทำร้ายบรรดาผู้เผยคำกล่าวของเรา”

16 แล้วพระองค์บันดาลให้เกิดทุพภิกขภัยขึ้นในแผ่นดิน
    ผลผลิตที่เป็นอาหารเสียหายหมด
17 แต่พระองค์ใช้ชายผู้หนึ่งไปล่วงหน้าพวกเขา
    คือโยเซฟผู้ถูกขายไปเป็นทาส
18 มีตรวนเหล็กล่ามอยู่ที่เท้า
    ปลอกเหล็กสวมอยู่ที่คอ
19 จนกระทั่งสิ่งที่ท่านพยากรณ์ไว้ได้บังเกิดขึ้นจริง
    คำของพระผู้เป็นเจ้าได้พิสูจน์ให้เห็นว่าท่านถูกต้อง
20 กษัตริย์ให้พาตัวท่านมา และปลดปล่อยตัวไป
    ผู้ปกครองของบรรดาชนชาติได้ปล่อยให้ท่านเป็นอิสระ
21 กษัตริย์แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้ควบคุมวัง
    และปกครองสมบัติพัสถานทั้งหลาย
22 ท่านบัญชาพวกเจ้าหน้าที่ได้ตามใจชอบ
    และสอนบรรดาผู้อาวุโสให้ใช้สติปัญญา[l]

23 ครั้นแล้วอิสราเอลก็มาถึงประเทศอียิปต์
    ยาโคบตั้งถิ่นฐานในดินแดนของฮาม
24 แล้วพระผู้เป็นเจ้าทำให้ชนชาติของพระองค์เพิ่มพูนจำนวนลูกหลานมากขึ้น
    และมีมากเกินกว่าพวกศัตรูของเขา
25 พระองค์ทำให้จิตใจของชาวอียิปต์เกลียดชังชนชาติของพระองค์
    และปฏิบัติต่อผู้รับใช้ของพระองค์ด้วยเล่ห์อุบาย
26 พระองค์ให้โมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ไป
    และอาโรนผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้
27 ทั้งสองท่านได้แสดงสิ่งอัศจรรย์ของพระเจ้าท่ามกลางพวกเขา
    และสิ่งมหัศจรรย์ในดินแดนของฮาม
28 พระองค์ให้มีความมืดและทำให้ดินแดนมืดมิด
    แต่พวกเขาขัดคำสั่งของพระองค์
29 พระองค์ทำให้น้ำที่มีอยู่ของพวกเขากลายเป็นเลือด
    อันเป็นเหตุให้ปลาตาย
30 แผ่นดินของพวกเขาเต็มไปด้วยกบ
    แม้ในห้องพักของเชื้อพระวงศ์
31 เพียงพระองค์กล่าว แมลงเป็นฝูงๆ ก็พากันบินมา
    และตัวริ้นแพร่ขยายไปทั่วอาณาเขตของเขาทั้งปวง
32 พระองค์ทำให้ลูกเห็บตกแทนฝน
    และสายฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่วแผ่นดินของเขา
33 พระองค์ทำลายเถาองุ่นและต้นมะเดื่อของพวกเขา
    และโค่นต้นไม้ในอาณาเขตของเขาลง
34 เพียงพระองค์กล่าว ฝูงตั๊กแตนก็พากันมา
    มีตั๊กแตนเล็กมากมายจนนับไม่ถ้วน
35 พวกมันกัดกินพืชทั้งหมดในแผ่นดินของเขา
    และกินผลที่ได้จากการเพาะปลูกจนเกลี้ยง
36 พระองค์ผลาญชีวิตลูกหัวปีทุกคนบนแผ่นดิน
    ผลแรกแห่งพละกำลังทั้งปวงของพวกเขา

37 ครั้นแล้วพระองค์ก็นำอิสราเอลไปพร้อมกับเงินและทองคำ
    ไม่มีสักคนในเผ่าของพระองค์ที่ถูกกีดขวาง
38 อียิปต์ดีใจเมื่ออิสราเอลไปจากพวกเขา
    เพราะอิสราเอลทำให้พวกเขาพรั่นพรึง

39 พระองค์คลี่ก้อนเมฆออกเป็นร่มเงา
    แสงจากเพลิงเป็นแสงสว่างในยามค่ำ
40 พวกเขาเรียกร้อง และพระองค์ก็ให้นกกระทา
    และให้รับประทานอาหารที่ตกลงจากฟ้าจนอิ่มหนำ
41 พระองค์แยกหิน แล้วน้ำก็พวยพุ่งออกมา
    ไหลไปรวมเป็นแม่น้ำในที่กันดาร
42 เพราะพระองค์ระลึกถึงคำสัญญาอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    และระลึกถึงอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์[m]

43 พระองค์จึงพาชนชาติของพระองค์ไปโดยที่พวกเขารื่นเริงเบิกบาน
    และบรรดาผู้ที่พระองค์เลือกไว้ไปกับเสียงร้องด้วยความยินดี
44 และพระองค์มอบแผ่นดินของประชาชาติให้กับอิสราเอล
    และพวกเขาได้ไร่นาจากบรรดาชนชาติมาเป็นของตน
45 เพื่อชนชาติของพระองค์จะได้รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์
    และปฏิบัติตามกฎบัญญัติของพระองค์

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า[n]

พระผู้เป็นเจ้ากรุณาต่อชนชาติของพระองค์

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ประเสริฐ
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล
ใครจะประกาศการกระทำอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า
    หรือประกาศคำสรรเสริญพระองค์
บรรดาผู้ปฏิบัติตามความเป็นธรรมก็เป็นสุข
    คือผู้กระทำด้วยความชอบธรรมเสมอไป

โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดระลึกถึงข้าพเจ้า เวลาพระองค์โปรดปรานชนชาติของพระองค์
    เวลาพระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดพ้น ก็โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย
เพื่อข้าพเจ้าจะได้เห็นคนที่พระองค์เลือกเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองขึ้น
    และข้าพเจ้าจะได้เป็นสุขด้วยกันกับประชาชาติของพระองค์
    และสรรเสริญร่วมกับผู้สืบมรดกของพระองค์

พวกเราได้ทำบาปเหมือนๆ กับบรรพบุรุษของเรา
    เรากระทำผิดไปแล้ว เรากระทำความชั่ว
บรรพบุรุษของพวกเราในอียิปต์
    ไม่ได้คำนึงถึงสิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์
พวกเขาไม่นึกถึงความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
    แต่กลับฝ่าฝืนที่ริมฝั่งทะเลที่ทะเลแดง
แม้กระนั้น พระองค์ยังช่วยพวกเขาให้รอดพ้นเพื่อพระนามของพระองค์
    เพื่อให้อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เป็นที่ประจักษ์
พระองค์ออกคำสั่งกับทะเลแดง และทะเลก็แห้งเหือดลง
    ครั้นแล้วพระองค์นำพวกเขาไปทางทะเลลึกราวกับไปทางถิ่นทุรกันดาร
10 พระองค์ช่วยพวกเขาให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู
    และช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากอำนาจของข้าศึก
11 และกระแสน้ำก็ท่วมเหล่าปรปักษ์
    โดยไม่มีใครรอดพ้นไปได้สักคน
12 แล้วพวกเขาก็เชื่อในคำพูดของพระองค์
    และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์

13 ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ลืมสิ่งที่พระองค์กระทำ
    และไม่รอฟังคำปรึกษาของพระองค์
14 พวกเขาเกิดความอยากยิ่งนักขณะที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร
    และลองดีกับพระเจ้าในที่ร้างอันแร้นแค้น
15 พระองค์ให้สิ่งที่พวกเขาขอ
    แต่ก็ให้โรคระบาดอันร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกเขาด้วย

16 พวกเขาอิจฉาโมเสสในค่ายที่พัก
    และอิจฉาอาโรนคนบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า
17 แผ่นดินแยกออกจากกันและกลืนดาธาน
    และฝังอะบีรามกับพรรคพวกจนมิด[o]
18 ไฟเผาผลาญคนทั้งกลุ่ม
    เปลวไฟเผาไหม้คนชั่วเหล่านั้น
19 พวกเขาปั้นรูปลูกโคขึ้นที่โฮเรบ
    และบูชารูปเคารพที่ได้หลอมไว้
20 พวกเขาเอาพระบารมีของพระเจ้า
    แลกกับรูปปั้นของโคที่กินหญ้า
21 พวกเขาลืมพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้นของเขา
    ผู้กระทำสิ่งอันยิ่งใหญ่ในอียิปต์
22 สิ่งมหัศจรรย์ในดินแดนของฮาม
    สิ่งอันน่าเกรงขามที่ทะเลแดง
23 แล้วพระองค์กล่าวว่า พระองค์จะทำลายพวกเขา
    แต่โมเสสผู้ที่พระองค์เลือกไว้
ไปยืนทัดทานพระองค์
    เพื่อให้พระองค์หันจากความเกรี้ยวโกรธและไม่ทำลายพวกเขา

24 ต่อมาภายหลัง พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าไปในแผ่นดินอันน่าอยู่
    และไม่เชื่อในสัญญาของพระองค์
25 พวกเขาต่างบ่นพึมพำอยู่ในกระโจมที่พักของตน
    และไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้า
26 ฉะนั้น พระองค์ยกมือขึ้นปฏิญาณกับพวกเขาว่า
    พระองค์จะปล่อยให้พวกเขาตายในถิ่นทุรกันดาร
27 และจะทำให้ผู้สืบเชื้อสายของพวกเขากระจัดกระจายไปในบรรดาประชาชาติ
    ให้กระจัดกระจายไปทั่วแผ่นดิน

28 พวกเขาเทียมแอกกับเทพเจ้าบาอัลแห่งเปโอร์[p]
    และกินของที่นำไปบูชาสิ่งไม่มีชีวิต
29 การกระทำของพวกเขาถือเป็นการยั่วโทสะ
    และโรคระบาดเกิดขึ้นท่ามกลางพวกเขา
30 ครั้นแล้วฟีเนหัสช่วยเป็นคนกลางจัดการเรื่อง
    และโรคระบาดก็หยุด
31 เขาถูกนับว่ามีความชอบธรรม
    ตลอดทุกยุคทุกสมัยจนนิรันดร์กาล
32 พวกเขาทำให้พระองค์กริ้วที่แหล่งน้ำเมรีบาห์[q]
    และเป็นเหตุให้โมเสสเดือดร้อน[r]
33 พวกเขากดดันจิตวิญญาณของพระองค์
    ท่านจึงพูดโดยไม่ได้ตรึกตรอง

34 พวกเขาไม่ได้ทำลายบรรดาชนชาติ
    ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชา
35 แต่กลับไปใช้ชีวิตร่วมกับบรรดาประชาชาติ
    และรับวิถีทางของพวกเขามา
36 อีกทั้งยังได้บูชารูปเคารพของคนเหล่านั้น
    ซึ่งต่อมาก็คือบ่วงแร้วสำหรับตนเอง
37 พวกเขายกบุตรชายบุตรหญิงของตนให้เป็น
    เครื่องสักการะแก่พวกมาร
38 และฆ่าคนไร้ความผิด
    เลือดของบุตรชายบุตรหญิงของตน
ถูกใช้เป็นเครื่องสักการะให้แก่บรรดารูปเคารพแห่งคานาอัน
    และแผ่นดินแปดเปื้อนด้วยเลือด
39 พวกเขาจึงไม่ใช่คนบริสุทธิ์เนื่องจากสิ่งที่ตัวเองกระทำ
    และความประพฤติของเขาเป็นเช่นของหญิงแพศยา

40 ฉะนั้น ความโกรธของพระผู้เป็นเจ้าพลุ่งขึ้นต่อชนชาติของพระองค์
    และพระองค์ชิงชังผู้สืบมรดกของพระองค์
41 พระองค์มอบพวกเขาไว้ในมือของบรรดาประชาชาติ
    ซึ่งเป็นพวกที่เกลียดชังและมีอำนาจเหนือพวกเขา
42 ศัตรูทำให้พวกเขามีความทุกข์
    และพวกเขาถูกบังคับให้อยู่ใต้อำนาจของศัตรู
43 พระองค์ช่วยพวกเขาให้รอดปลอดภัยหลายครั้ง
    แต่ก็ยังฝ่าฝืนพระองค์อย่างไม่หยุดยั้ง
    และถลำลึกลงในบาปมากยิ่งขึ้น

44 ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังเหลียวแลในยามพวกเขาตกทุกข์ได้ยาก
    สนใจฟังในยามที่เขาร้องทุกข์
45 พระองค์ระลึกถึงพันธสัญญาที่มีต่อพวกเขา
    และเปลี่ยนใจตามความรักอันมั่นคงของพระองค์ที่มีอย่างเอนกอนันต์
46 พระองค์โปรดให้พวกเขาได้รับความเมตตา
    จากบรรดาผู้ที่จับไปเป็นเชลย

47 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา ช่วยพวกเราให้รอดพ้นเถิด
    และรวบรวมพวกเราจากบรรดาประชาชาติ
เพื่อขอบคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์
    และสรรเสริญพระองค์อย่างภาคภูมิใจ

48 สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล
    จากนิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล
และให้ชนชาติทั้งปวงกล่าวว่า “อาเมน”

จงสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

Footnotes

  1. 91:12 มัทธิว 4:6; ลูกา 4:10,11
  2. 94:11 1 โครินธ์ 3:20
  3. 95:8 ฮีบรู 3:15; 4:7; อพยพ 17:1-7; กันดารวิถี 20:1-13
  4. 95:11 ฮีบรู 3:7-11; 3:18; 4:3,5
  5. 98:6 ทำจากโลหะ มีเสียงแหลม
  6. 98:6 ทำจากเขาแกะ
  7. 99:4 คืออิสราเอล
  8. 101:8 เมืองนี้คือ เยรูซาเล็ม
  9. 102:27 ฮีบรู 1:10-12
  10. 104:4 ฮีบรู 1:7
  11. 104:16 สดุดี 29:5
  12. 105:22 ข้อ 16-22 อ้างอิงถึงเรื่องในฉบับปฐมกาล บทที่ 37-41
  13. 105:42 ปฐมกาล 12:1-3
  14. 105:45 ข้อ 23-45 อ้างอิงถึงเรื่องในฉบับอพยพ
  15. 106:17 กันดารวิถี 16:1-35
  16. 106:28 กันดารวิถี 25:1-13
  17. 106:32 อพยพ 17:1-7; กันดารวิถี 20:2-13
  18. 106:32 กันดารวิถี 20:12