โยสิยาห์ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญา(A)

23 กษัตริย์โยสิยาห์จึงทรงเรียกผู้อาวุโสของยูดาห์และเยรูซาเล็มทุกคนมารวมกัน พระองค์เสด็จไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมชนยูดาห์ ชาวเยรูซาเล็ม ปุโรหิต ผู้เผยพระวจนะ คือประชากรทั้งปวงตั้งแต่ผู้น้อยที่สุดจนถึงผู้ใหญ่ที่สุด กษัตริย์ทรงอ่านทุกถ้อยคำในหนังสือพันธสัญญาซึ่งพบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าพวกเขา พระองค์ประทับยืนอยู่ข้างเสา ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ถวายปฏิญาณที่จะติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้า และปฏิบัติตามพระบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมายของพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ เป็นการยืนยันใจความของพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือนี้ แล้วประชาชนทั้งหมดก็ปฏิญาณเข้าร่วมในพันธสัญญา

กษัตริย์ทรงบัญชามหาปุโรหิตฮิลคียาห์ ปุโรหิตอื่นๆ ที่รองลงมาและนายประตูทั้งหลายให้กำจัดเครื่องใช้ทุกอย่างสำหรับพระบาอัล เจ้าแม่อาเชราห์ และดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้าออกไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเผาของเหล่านั้นที่ลานหุบเขาขิดโรนนอกกรุงเยรูซาเล็มและนำเถ้าถ่านไปทิ้งที่เบธเอล โยสิยาห์ทรงปลดปุโรหิตของพระทั้งหลายซึ่งบรรดากษัตริย์ยูดาห์ได้แต่งตั้งพวกเขาให้เผาเครื่องหอมในสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทั่วแดนยูดาห์และรอบๆ กรุงเยรูซาเล็มเพื่อบูชาพระบาอัล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาราจักรและดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า กษัตริย์ทรงรื้อเสาเจ้าแม่อาเชราห์ออกจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า นำไปเผาที่หุบเขาขิดโรน นอกกรุงเยรูซาเล็ม แล้วบดเป็นผง โปรยบนหลุมฝังศพของสามัญชน ทั้งทรงรื้อสำนักบูชาต่างๆ ของโสเภณีชายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า และของบรรดาหญิงทอผ้าสำหรับเจ้าแม่อาเชราห์

โยสิยาห์ทรงนำบรรดาปุโรหิตจากหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์มายังกรุงเยรูซาเล็ม และทรงรื้อสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายจากเกบาจดเบเออร์เชบา ที่ซึ่งปุโรหิตทั้งหลายได้เผาเครื่องหอม พระองค์ทรงทำลายสถานบูชา[a]ตรงทางเข้าประตูที่โยชูวาผู้ว่าการเมืองของเยรูซาเล็มสร้างขึ้น ตั้งอยู่ทางซ้ายมือของประตูเมือง ถึงแม้ปุโรหิตของสถานบูชาบนที่สูงเหล่านี้ไม่ได้ทำหน้าที่ปรนนิบัติรับใช้ที่แท่นบูชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม แต่ก็รับประทานขนมปังไม่ใส่เชื้อร่วมกับปุโรหิตอื่นๆ

10 โยสิยาห์ทรงทำลายโทเฟทในหุบเขาเบนฮินโนม เพื่อจะไม่มีใครสามารถใช้ที่นั่นเผาบุตรชายบุตรสาวของตนเป็นเครื่องบูชายัญ[b]แก่พระโมเลคได้อีก 11 ทรงรื้อรูปปั้นม้าที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า ถัดจากห้องของขุนนางนาธันเมเลค รูปปั้นเหล่านี้กษัตริย์องค์ก่อนๆ ของยูดาห์ได้สร้างถวายดวงอาทิตย์ จากนั้นโยสิยาห์ได้เผารถม้าศึกที่สร้างถวายดวงอาทิตย์ด้วย

12 พระองค์ทรงรื้อแท่นบูชาต่างๆ ที่กษัตริย์ยูดาห์สร้างขึ้นบนดาดฟ้าพระราชวัง เหนือห้องประทับของอาหัส ส่วนแท่นบูชาซึ่งมนัสเสห์สร้างขึ้นในลานทั้งสองของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น โยสิยาห์ทรงทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและโยนทิ้งในหุบเขาขิดโรน 13 พระองค์ทรงทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทางตะวันออกของเยรูซาเล็ม ทางใต้ของเนินเขาแห่งความเสื่อมทราม ซึ่งกษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอลสร้างขึ้นสำหรับเทวีอัชโทเรทอันชั่วช้าของชาวไซดอน สำหรับพระเคโมชอันเลวทรามของโมอับ และสำหรับพระโมเลค[c]อันน่าชิงชังของชาวอัมโมน 14 โยสิยาห์ทรงทุบหินศักดิ์สิทธิ์และโค่นเสาเจ้าแม่อาเชราห์ทิ้ง และถมที่เหล่านั้นด้วยกระดูกคนตาย

15 พระองค์ยังทรงรื้อแท่นบูชาและสถานบูชาบนที่สูงในเบธเอลซึ่งเยโรโบอัมบุตรเนบัทผู้ชักนำอิสราเอลให้ทำบาปได้สร้างขึ้น โยสิยาห์ทรงทุบทิ้งให้แหลกเป็นธุลี และทรงเผาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ด้วย 16 ขณะที่โยสิยาห์ทอดพระเนตรไปรอบๆ พระองค์ทรงสังเกตเห็นสุสานต่างๆ ข้างภูเขา ก็ทรงบัญชาให้นำกระดูกในสุสานเหล่านั้นออกมาเผาบนแท่นบูชาแห่งเบธเอล เพื่อให้แท่นนั้นเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ตามที่ผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศไว้แล้วว่าจะเกิดขึ้น

17 โยสิยาห์ตรัสถามว่า “หินสุสานที่เห็นนั้นคืออะไร?”

ชาวเมืองกราบทูลว่า “เป็นหลุมฝังศพของคนของพระเจ้าจากยูดาห์ซึ่งประกาศว่าสิ่งที่ฝ่าพระบาทเพิ่งทำเสร็จลงไปจะเกิดขึ้นบนแท่นแห่งเบธเอลนี้”

18 โยสิยาห์จึงตรัสว่า “ปล่อยสุสานนั้นไว้ อย่าให้ใครไปรบกวนกระดูกของเขาเลย” พวกเขาจึงไม่ได้เผากระดูกของผู้นั้นและกระดูกของผู้เผยพระวจนะจากสะมาเรีย

19 เช่นเดียวกับที่เบธเอล โยสิยาห์ทรงทลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทั่วสะมาเรียและทำให้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ คือที่ซึ่งบรรดากษัตริย์อิสราเอลสร้างขึ้นยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า 20 โยสิยาห์ทรงประหารปุโรหิตทั้งปวงของสถานบูชาบนที่สูงบนแท่นบูชาเหล่านั้น และทรงเผากระดูกคนบนแท่นบูชานั้น ด้วยจากนั้นก็เสด็จกลับกรุงเยรูซาเล็ม

21 โยสิยาห์ตรัสสั่งประชากรทั้งปวงว่า “จงฉลองปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตามที่เขียนไว้ในหนังสือพันธสัญญานี้” 22 ไม่เคยมีการฉลองปัสกาอย่างนั้นเลยนับตั้งแต่สมัยผู้วินิจฉัยของอิสราเอลและตลอดยุคของกษัตริย์อิสราเอลและยูดาห์ 23 แต่พิธีปัสกานี้ฉลองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในกรุงเยรูซาเล็มในปีที่สิบแปดแห่งรัชกาลกษัตริย์โยสิยาห์

24 ยิ่งกว่านั้นโยสิยาห์ยังได้ทรงกำจัดคนทรงหมอดู เทพเจ้าประจำเรือน รูปเคารพ และสิ่งที่น่าชิงชังทั้งปวงที่พบเห็นในยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดของบทบัญญัติซึ่งเขียนไว้ในหนังสือที่ปุโรหิตฮิลคียาห์พบในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 25 ก่อนหน้าหรือหลังโยสิยาห์ ไม่มีกษัตริย์องค์ใดเสมอเหมือนพระองค์ ซึ่งหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจและสุดกำลังตามบทบัญญัติทั้งสิ้นของโมเสส

26 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงหันเหพระพิโรธอันใหญ่หลวงที่มีต่อยูดาห์อันเนื่องมาจากการกระทำทั้งสิ้นของมนัสเสห์ซึ่งยั่วยุพระพิโรธของพระองค์ 27 ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะขจัดยูดาห์ออกไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนที่เราได้ขจัดอิสราเอล และเราจะทิ้งเยรูซาเล็มเมืองที่เราเลือกสรรไว้และทิ้งวิหารซึ่งเรากล่าวว่า ‘นามของเราจะอยู่ที่นั่น’[d]

28 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของโยสิยาห์และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ?

29 ในขณะที่โยสิยาห์ยังทรงครองราชย์อยู่ ฟาโรห์เนโคแห่งอียิปต์เสด็จมายังแม่น้ำยูเฟรติสเพื่อช่วยกษัตริย์อัสซีเรีย โยสิยาห์ยกทัพออกไปรบกับเนโค และถูกประหารที่เมกิดโด 30 ทหารของโยสิยาห์จึงนำพระศพขึ้นรถม้าศึกจากเมกิดโดมายังกรุงเยรูซาเล็ม และฝังไว้ในสุสานของพระองค์เอง ประชาชนได้เลือกเยโฮอาหาสโอรสของโยสิยาห์และเจิมตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์แทนราชบิดา

กษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งยูดาห์(B)

31 เมื่อเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 23 พรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามเดือน ราชมารดาคือฮามุทาลธิดาของเยเรมีย์แห่งลิบนาห์ 32 เยโฮอาหาสทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่บรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงทำ 33 ฟาโรห์เนโคจับพระองค์ล่ามโซ่ไว้ที่ริบลาห์ในฮามัท[e] เพื่อไม่ให้ทรงครองราชย์ที่กรุงเยรูซาเล็ม และบังคับยูดาห์ให้ส่งบรรณาการเป็นเงินหนักประมาณ 3.4 ตัน[f] และทองหนักประมาณ 34 กิโลกรัม[g] 34 ฟาโรห์เนโคทรงเลือกเอลียาคิมโอรสของโยสิยาห์ให้ครองราชย์ในเยรูซาเล็ม แล้วเปลี่ยนพระนามเป็นเยโฮยาคิม ส่วนเยโฮอาหาสถูกนำตัวไปยังอียิปต์และสิ้นพระชนม์ที่นั่น 35 เยโฮยาคิมทรงเก็บภาษีแผ่นดินจากประชากรเพื่อให้ได้เงินและทองเต็มจำนวนตามที่ฟาโรห์เนโคเรียกร้องมา

กษัตริย์เยโฮยาคิมแห่งยูดาห์(C)

36 เมื่อเยโฮยาคิมขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบเอ็ดปี ราชมารดาคือเศบิดาห์ธิดาเปดายาห์จากรูมาห์ 37 เยโฮยาคิมทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนที่บรรพบุรุษของพระองค์ได้ทรงทำ

Footnotes

  1. 23:8 หรือสถานบูชาบนที่สูง
  2. 23:10 หรือใช้ที่นั่นให้บุตรชายบุตรสาวลุยไฟ
  3. 23:13 ภาษาฮีบรูว่ามิลโคม
  4. 23:27 1พกษ.8:29
  5. 23:33 ฉบับ LXX. ว่าเนโคที่ริบลาห์ในฮามัทถอดถอนพระองค์ออก(ดู2พศด.36:3)
  6. 23:33 ภาษาฮีบรูว่า100 ตะลันต์
  7. 23:33 ภาษาฮีบรูว่า1 ตะลันต์

การปฏิรูปของโยสิยาห์

23 แล้วกษัตริย์ก็เรียกหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ทั้งปวงของยูดาห์และเยรูซาเล็มมาประชุมร่วมกับท่าน และเขาทั้งปวงขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าด้วยกันกับกษัตริย์ มีผู้อื่นที่ไปด้วยคือ ผู้อยู่อาศัยของยูดาห์และเยรูซาเล็ม บรรดาปุโรหิตและผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และประชาชนใหญ่น้อยทั้งปวง กษัตริย์อ่านทุกสิ่งที่กล่าวในหนังสือพันธสัญญาที่พบในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าให้คนทั้งปวงฟัง กษัตริย์ยืนที่ข้างเสาพระตำหนัก และทำสัญญา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าว่า จะดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า และรักษาบัญญัติ คำสั่ง และกฎเกณฑ์ของพระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิต เพื่อประพฤติตามคำในพันธสัญญาที่เขียนในหนังสือฉบับนี้ และประชาชนทั้งปวงก็สัญญาต่อพันธสัญญาเช่นกัน

กษัตริย์บัญชาฮิลคียาห์หัวหน้ามหาปุโรหิต บรรดาปุโรหิตรอง และบรรดาผู้เฝ้าประตู ให้นำภาชนะที่ใช้สำหรับเทวรูปบาอัล เทวรูปอาเชราห์ และสรรพสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าออกมาจากพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า ท่านเผาสิ่งเหล่านั้นที่นอกเมืองเยรูซาเล็ม ในทุ่งนาที่ขิดโรน และขนขี้เถ้าไปที่เบธเอล กษัตริย์ปลดตำแหน่งปุโรหิตที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ได้แต่งตั้งให้เผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูงในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และรอบเมืองเยรูซาเล็ม คือคนเหล่านั้นเผาเครื่องหอมแก่เทวรูปบาอัล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลุ่มดาว และสรรพสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า ท่านขนเทวรูปอาเชราห์ออกมาจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ไปที่นอกเมืองเยรูซาเล็ม ที่ธารน้ำขิดโรน และเผาเทวรูปที่นั่น ทุบเศษที่เหลือจนแหลกละเอียด และโปรยบนที่หลุมศพของคนสามัญ และท่านพังห้องพักของชายแพศยาที่อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นที่ที่พวกผู้หญิงได้ทอผ้าเพื่อแขวนประดับให้เทวรูปอาเชราห์ ท่านให้บรรดาปุโรหิตออกมาจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และท่านกำจัดสถานบูชาบนภูเขาสูงที่บรรดาปุโรหิตเผาเครื่องหอม ตั้งแต่เมืองเก-บาจนถึงเมืองเบเออร์เช-บา และท่านพังสถานบูชาบนภูเขาสูงตรงทางเข้าที่ประตูโยชูวาผู้ว่าราชการเมือง ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของประตูเวลาหันหน้าเข้าประตูเมือง อย่างไรก็ตาม บรรดาปุโรหิตของสถานบูชาบนภูเขาสูงไม่ได้ขึ้นไปยังแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม แต่พวกเขารับประทานขนมปังไร้เชื้อเหมือนกับปุโรหิตอื่นๆ 10 ท่านทำลายโทเฟท[a] ซึ่งอยู่ในหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม เพื่อว่าจะไม่มีผู้ใดเผาบุตรชายหรือบุตรหญิงของตนเป็นเครื่องสักการะแก่เทพเจ้าโมเลค 11 ท่านกำจัดม้าที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ถวายแก่ดวงอาทิตย์ ที่ทางเข้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ที่ข้างห้องของนาธานเมเลคเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่บนลานเปิดโล่ง ท่านใช้ไฟเผารถศึกของดวงอาทิตย์ 12 แท่นบูชาที่ห้องบนดาดฟ้าของอาหัส ที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาสร้างขึ้น และแท่นบูชาที่มนัสเสห์ได้สร้างไว้สำหรับลานทั้งสองของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็ล้มมันลงจนหักเป็นเสี่ยงๆ และโยนเศษขยะลงในธารน้ำขิดโรน 13 และกษัตริย์พังทลายสถานบูชาบนภูเขาสูงที่อยู่ทางตะวันออกของเยรูซาเล็ม ไปจนถึงทางใต้ของภูเขาแห่งความเสื่อมเสีย ซึ่งซาโลมอนกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้สร้างสำหรับเทพเจ้าอัชโทเรท[b]ที่น่ารังเกียจของชาวไซดอน สำหรับเทพเจ้าเคโมชที่น่ารังเกียจของโมอับ และสำหรับเทพเจ้ามิลโคมที่น่ารังเกียจของชาวอัมโมน 14 ท่านทุบเสาหินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ฟันพวกเทวรูปอาเชราห์ลง แล้วก็สุมกระดูกมนุษย์ไว้ที่นั่น

15 ยิ่งกว่านั้น ยังมีแท่นบูชาที่เบธเอลอันเป็นสถานบูชาบนภูเขาสูงที่เยโรโบอัมบุตรเนบัทสร้างขึ้น และก็เป็นเหตุให้อิสราเอลกระทำบาป โยสิยาห์พังแท่นบูชาบนภูเขาสูงนั้น และเผาจนเป็นเถ้าถ่าน ท่านเผาเทวรูปอาเชราห์ด้วย 16 ขณะที่โยสิยาห์หันดูรอบๆ ก็แลเห็นถ้ำเก็บศพที่ภูเขา ท่านจึงให้ไปเอากระดูกออกจากถ้ำไปเผาบนแท่นบูชาและทำให้แท่นมีมลทิน ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ดังที่คนของพระเจ้าประกาศ และได้เป็นผู้เผยให้ทราบถึงสิ่งเหล่านี้ล่วงหน้าไว้แล้ว[c] 17 และโยสิยาห์พูดว่า “อนุสาวรีย์ที่เรามองเห็นนั้นคืออะไร” ชาวเมืองบอกท่านว่า “นั่นเป็นถ้ำบรรจุศพของคนของพระเจ้า ที่มาจากยูดาห์ และเผยให้ทราบถึงสิ่งเหล่านี้ล่วงหน้าว่า ท่านกระทำอะไรบ้างต่อแท่นบูชาที่เบธเอล” 18 ท่านพูดว่า “ปล่อยเขาไว้ อย่าให้ใครย้ายกระดูกของเขา” เขาเหล่านั้นจึงไม่ย้ายกระดูกของท่าน รวมถึงกระดูกของผู้เผยคำกล่าวที่มาจากสะมาเรียด้วย 19 และโยสิยาห์โค่นวิหารทุกแห่งที่สถานบูชาบนภูเขาสูงที่อยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรีย ซึ่งกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้สร้างและยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า ท่านกระทำต่อแท่นบูชาเหล่านั้น เหมือนทุกสิ่งที่ได้กระทำแล้วที่เบธเอล 20 และท่านประหารบรรดาปุโรหิตบนแท่นบูชา ซึ่งประจำอยู่บนสถานบูชาบนภูเขาสูง และเผากระดูกคนบนแท่น แล้วท่านก็กลับไปยังเยรูซาเล็ม

โยสิยาห์ให้ฉลองเทศกาลปัสกา

21 กษัตริย์บัญชาประชาชนทั้งปวงว่า “จงฉลองเทศกาลปัสกาแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า เหมือนที่บันทึกในหนังสือพันธสัญญาฉบับนี้”[d] 22 ด้วยว่า การฉลองเทศกาลปัสกาเหมือนอย่างนี้ไม่เคยมีมาตั้งแต่สมัยบรรดาผู้วินิจฉัยที่ปกครองอิสราเอล หรือระหว่างสมัยบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลหรือยูดาห์ 23 แต่ในปีที่สิบแปดของกษัตริย์โยสิยาห์ มีการฉลองเทศกาลปัสกานี้เพื่อให้เกียรติแด่พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม

24 ยิ่งกว่านั้น โยสิยาห์ได้กวาดล้างพวกคนทรงและพ่อมดแม่มด เทพเจ้าและรูปเคารพประจำบ้าน และสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งปวงที่เห็นกันอยู่ในแผ่นดินของยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพื่อท่านจะสถาปนาคำสั่งในกฎบัญญัติที่เขียนไว้ในหนังสือที่ฮิลคียาห์ปุโรหิตพบในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 25 ทั้งก่อนหน้าท่านและหลังจากท่าน ไม่มีกษัตริย์ที่เป็นเหมือนท่าน ที่หันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดดวงใจ สุดดวงจิต และสุดความคิดของท่าน ดังที่มีในกฎบัญญัติของโมเสสทั้งหมด

26 ถึงกระนั้นพระผู้เป็นเจ้าก็ยังไม่คลายจากความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ เพราะพระองค์กริ้วยูดาห์เนื่องจากสิ่งที่มนัสเสห์ยั่วโทสะพระองค์ 27 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “เราจะไล่ยูดาห์ไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนกับที่ไล่อิสราเอลไปแล้ว และเราจะไม่ยอมรับทั้งเยรูซาเล็มอันเป็นเมืองที่เราได้เลือกไว้ และตำหนักที่เราพูดถึงว่า ‘นามของเราจะเป็นที่ยกย่องที่นั่น’”

โยสิยาห์เสียชีวิตในสงคราม

28 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของโยสิยาห์ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 29 ในสมัยของท่าน ฟาโรห์เนโคกษัตริย์แห่งอียิปต์ยกทัพไปช่วยกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย เมื่อถึงแม่น้ำยูเฟรติส กษัตริย์โยสิยาห์ก็ออกไปประจันหน้ากับฟาโรห์เนโค และทันทีที่ฟาโรห์เนโคเห็นท่าน ก็ฆ่าท่านที่เมกิดโด 30 บรรดาทหารหามร่างของท่านขึ้นรถศึกจากเมกิดโด ไปยังเยรูซาเล็ม และบรรจุศพไว้ในถ้ำเก็บศพของท่าน และประชาชนในแผ่นดินรับเยโฮอาหาสบุตรโยสิยาห์ ทั้งเจิมและแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์แทนบิดาของท่าน

เยโฮอาหาสกษัตริย์แห่งยูดาห์

31 เยโฮอาหาสมีอายุ 23 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 3 เดือนในเยรูซาเล็ม มารดาชื่อฮามุทาลบุตรหญิงของเยเรมีย์แห่งลิบนาห์ 32 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่บรรพบุรุษของท่านได้กระทำทั้งสิ้น 33 ฟาโรห์เนโคกักขังท่านไว้ที่ริบลาห์ใกล้แผ่นดินฮามัท เพื่อกันไม่ให้ท่านครองราชย์ในเยรูซาเล็ม บังคับให้ยูดาห์มอบเครื่องบรรณาการเป็นเงินหนัก 100 ตะลันต์ และทองคำ 1 ตะลันต์ 34 ฟาโรห์เนโคแต่งตั้งเอลียาคิมบุตรของโยสิยาห์ ให้เป็นกษัตริย์แทนโยสิยาห์ผู้เป็นบิดา และเปลี่ยนชื่อเป็นเยโฮยาคิม และท่านก็ได้นำเยโฮอาหาสไปยังอียิปต์ซึ่งท่านได้สิ้นชีวิตที่นั่น 35 เยโฮยาคิมมอบเงินและทองคำแก่ฟาโรห์ตามคำสั่ง ท่านจึงต้องเก็บภาษีที่ดินจ่ายให้แก่ฟาโรห์ ท่านเก็บเงินและทองคำจากประชาชนของแผ่นดินทุกคนตามความมั่งมีของแต่ละคน เพื่อมอบแก่ฟาโรห์เนโค

เยโฮยาคิมครองราชย์ในยูดาห์

36 เยโฮยาคิมมีอายุ 25 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 11 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อ เศบิดาห์บุตรหญิงของเปดายาห์แห่งรูมาห์ 37 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่บรรพบุรุษของท่านได้กระทำทั้งสิ้น

Footnotes

  1. 23:10 โทเฟทเป็นสถานที่บูชายัญมนุษย์ให้แก่เทพเจ้าโมเลค
  2. 23:13 เทพเจ้าแห่งความรัก สงคราม และนางคู่กันกับเทพเจ้าบาอัล
  3. 23:16 1 พงศ์กษัตริย์ 13:2
  4. 23:21 อพยพ 12:1-51; เฉลยธรรมบัญญัติ 16:1-8