Add parallel Print Page Options

ประชาชนฟังหนังสือข้อตกลง

(2 พศด. 34:29-32)

23 แล้วกษัตริย์โยสิยาห์เรียกพวกผู้ใหญ่ของยูดาห์และของเยรูซาเล็มทั้งหมดมารวมตัวกัน เขาขึ้นไปที่วิหารของพระยาห์เวห์กับคนเหล่านั้นของยูดาห์ และทุกคนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม รวมทั้งพวกนักบวชและเหล่าผู้พูดแทนพระเจ้า คือประชาชนทั้งหมดตั้งแต่ชนชั้นระดับล่างไปจนถึงคนระดับสำคัญๆ โยสิยาห์ได้อ่านทุกคำในหนังสือข้อตกลงที่พบในวิหารของพระยาห์เวห์นั้นให้กับทุกคนฟัง

กษัตริย์ยืนอยู่ข้างเสาและได้ทำข้อตกลงใหม่ต่อหน้าพระยาห์เวห์ ว่าจะติดตามพระยาห์เวห์และจะรักษาคำสั่งทุกข้อของพระองค์ กฎและข้อบังคับต่างๆอย่างสุดจิตสุดใจ และจะทำตามคำพูดของข้อตกลงที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้ แล้วประชาชนทั้งหมดก็ได้ขานรับข้อตกลงนั้น

กษัตริย์โยสิยาห์กำจัดรูปเคารพ

(2 พศด. 34:3-7)

กษัตริย์สั่งฮิลคียาห์ซึ่งเป็นนักบวชสูงสุด เหล่านักบวชคนอื่นๆที่มีตำแหน่งรองๆลงมาและพวกคนเฝ้าประตู ให้ย้ายเครื่องใช้ทุกอย่างที่สร้างขึ้นให้แก่พระบาอัล ให้แก่เจ้าแม่อาเชราห์และให้แก่พวกดวงดาวทั้งหลาย ออกจากวิหารของพระยาห์เวห์ โยสิยาห์ได้เผาสิ่งเหล่านั้นนอกเมืองเยรูซาเล็ม ในทุ่งของหุบเขาขิดโรน แล้วขนเอาขี้เถ้าของมันไปที่เมืองเบธเอล

โยสิยาห์ได้กำจัดพวกนักบวชที่รับใช้พวกรูปเคารพที่กษัตริย์ทั้งหลายของยูดาห์ได้แต่งตั้งให้มาทำหน้าที่เผาเครื่องหอม อยู่บนสถานนมัสการต่างๆในเมืองทั้งหลายของยูดาห์ และเมืองที่อยู่รอบๆเมืองเยรูซาเล็ม รวมถึงพวกนักบวชที่เป็นคนเผาเครื่องหอมให้กับพระบาอัล ให้กับพระอาทิตย์และพระจันทร์ ให้กับพวกหมู่ดาวและดวงดาวทั้งหมดบนท้องฟ้า

โยสิยาห์เอาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ออกจากวิหารของพระยาห์เวห์ และเอาไปไว้ที่หุบเขาขิดโรนที่อยู่นอกเมืองเยรูซาเล็มและเผามันทิ้งที่นั่น เขาทุบมันจนแตกละเอียดเป็นผุยผงและเอาขี้เถ้าของมันโปรยลงบนหลุมฝังศพของคน[a]

โยสิยาห์ยังทำลายที่พักทั้งหลายของพวกโสเภณีผู้ชายซึ่งอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่พวกผู้หญิงใช้ทอผ้าให้กับพระแม่อาเชราห์

โยสิยาห์นำตัวพวกนักบวชทั้งหมดมาจากเมืองต่างๆของยูดาห์ แล้วมาไว้ที่เยรูซาเล็ม และทำให้สถานนมัสการทั้งหลายเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลง ตั้งแต่ในเกบาไปจนถึงเบเออร์เชบา ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกนักบวชนั้นใช้เผาเครื่องหอม โยสิยาห์ทำลายพวกสถานที่ที่นมัสการรูปปั้นแพะ ที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของประตูเมือง ที่อยู่ตรงทางเข้าของประตูโยชูวาเจ้าเมือง ถึงแม้ว่าเหล่านักบวชของสถานนมัสการเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะรับใช้อยู่ที่แท่นบูชาของพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม แต่พวกเขาก็ได้กินขนมปังไม่ใส่เชื้อฟูกับเหล่านักบวชญาติๆของเขา

10 โทเฟทเป็นสถานที่หนึ่งที่ตั้งอยู่ในหุบเขาของเบนฮินโนม โยสิยาห์ทำให้สถานที่นี้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลง จึงไม่มีใครสามารถกลับมาใช้สถานที่นี้ เพื่อเอาลูกชายหรือลูกสาวของตัวเองมาเผาไฟเป็นเครื่องบูชาให้กับพระโมเลค[b] ได้อีกต่อไป 11 ในอดีต กษัตริย์ของยูดาห์ชอบเอาพวกรูปปั้นม้าและรถรบมาตั้งอยู่ที่ทางเข้าวิหารของพระยาห์เวห์ ที่อยู่ใกล้กับห้องของเจ้าหน้าที่ที่สำคัญคนหนึ่งชื่อ นาธันเมเลค ทั้งรูปปั้นม้าและรถรบนี้มีไว้อุทิศให้กับดวงอาทิตย์[c] โยสิยาห์ย้ายพวกรูปปั้นม้าออกไป และเผารถรบพวกนี้จนหมด

12 ในอดีต กษัตริย์ของยูดาห์ได้สร้างพวกแท่นบูชาไว้บนดาดฟ้าของตึกอาหัส กษัตริย์มนัสเสห์ก็ได้สร้างแท่นบูชาไว้ที่ลานทั้งสองข้างของวิหารของพระยาห์เวห์ โยสิยาห์รื้อแท่นบูชาเหล่านั้น และทุบพวกมันทิ้งจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและก็โยนเศษหินลงในหุบเขาขิดโรน

13 ในอดีตกษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างพวกสถานนมัสการไว้ทางใต้เนินเขาแห่งการทำลาย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเมืองเยรูซาเล็ม ที่อยู่ใกล้กับเมืองเยรูซาเล็ม กษัตริย์ซาโลมอนของอิสราเอลได้สร้างสถานนมัสการพวกนี้ให้กับพระอัชโทเรทอันน่าสะอิดสะเอียน ที่ชาวไซดอนนับถือกัน และสร้างให้กับพระเคโมช อันน่าสะอิดสะเอียน ที่พวกโมอับนับถือกัน และสร้างให้กับพระโมเลค อันน่าสะอิดสะเอียน ที่ชาวอัมโมนนับถือกัน 14 โยสิยาห์ทุบพวกหินศักดิ์สิทธิ์เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและโค่นพวกเสาเจ้าแม่อาเชราห์ลงและเอากระดูกคนมาทิ้งให้กระจัดกระจายในที่นั้น

15 โยสิยาห์ได้รื้อทิ้งแม้แต่แท่นบูชาที่เมืองเบธเอล สถานนมัสการที่เยโรโบอัมลูกชายของเนบัทได้สร้างขึ้น ซึ่งทำให้อิสราเอลพลอยทำบาปไปด้วย[d] เขาเผาสถานนมัสการ และทุบมันจนแตกละเอียดเป็นผุยผง และเผาเสาเจ้าแม่อาเชราห์ทิ้งด้วย 16 แล้วโยสิยาห์ก็มองไปรอบๆและเมื่อเขาเห็นหลุมฝังศพมากมายที่อยู่ด้านข้างเนินเขา เขาก็ให้ย้ายเอากระดูกออกจากที่นั่น และเผามันบนแท่นบูชาเพื่อทำให้แท่นบูชาเสื่อมไป ซึ่งเป็นไปตามคำพูดของพระยาห์เวห์ที่เคยทำนายไว้ผ่านทางคนของพระเจ้า[e] ตอนที่กษัตริย์เยโรโบอัมยืนอยู่ข้างๆแท่นบูชาในช่วงเทศกาล แล้วโยสิยาห์ก็หันไปดูอุโมงค์ของคนของพระเจ้าคนนั้นที่ได้ทำนายถึงสิ่งเหล่านี้

17 กษัตริย์โยสิยาห์ถามว่า “หินที่ระลึกที่เราเห็นนั้นคืออะไรหรือ”

พวกคนในเมืองบอกไปว่า “มันเป็นอุโมงค์ฝังศพของคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์ และได้ทำนายถึงสิ่งต่างๆที่ท่านได้ทำไปแล้วกับแท่นบูชาของเมืองเบธเอล”

18 กษัตริย์จึงพูดว่า “ปล่อยให้เขาพักอยู่ตรงนั้นแหละ อย่าให้ใครไปรบกวนกระดูกของเขาเลย” พวกเขาก็เลยไม่รบกวนกระดูกของคนของพระเจ้าคนนั้น และกระดูกของผู้พูดแทนพระเจ้าที่ออกมาจากเมืองสะมาเรีย

19 โยสิยาห์ก็ทำลายพวกศาลเจ้าตามสถานที่สูงในเมืองต่างๆของสะมาเรีย ซึ่งพวกกษัตริย์ของอิสราเอลเคยสร้างขึ้น แล้วยั่วยุให้พระยาห์เวห์โกรธ เขาจัดการกับที่เหล่านั้นอย่างกับที่เขาทำกับสถานที่นมัสการของเบธเอล

20 โยสิยาห์ฆ่านักบวชทุกคนของสถานนมัสการเหล่านั้นบนแท่นบูชา และเผากระดูกคนบนแท่นบูชาเหล่านั้น แล้วเขาก็กลับเมืองเยรูซาเล็ม

ชาวยูดาห์ฉลองเทศกาลปลดปล่อย

(2 พศด. 35:1-19)

21 กษัตริย์โยสิยาห์มีคำสั่งถึงประชาชนทั้งหมดว่า “ให้เฉลิมฉลองเทศกาลปลดปล่อยเพื่อเป็นเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเจ้า ตามที่ได้กำหนดไว้ในหนังสือข้อตกลงนี้”

22 นับตั้งแต่สมัยพวกผู้นำวินิจฉัยนำอิสราเอล ตลอดจนสมัยของพวกกษัตริย์แห่งอิสราเอลและของพวกกษัตริย์แห่งยูดาห์ ยังไม่เคยมีการเฉลิมฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยเลย 23 แต่ในปีที่สิบแปดที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ ก็ได้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลวันปลดปล่อยเพื่อเป็นเกียรติให้กับพระยาห์เวห์ในเมืองเยรูซาเล็ม

24 นอกจากนี้ โยสิยาห์ยังกำจัดพวกคนทรงเจ้าและหมอผี บรรดาพระในบ้านและพวกรูปเคารพทั้งหลายรวมทั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนทั้งสิ้นที่เห็นในยูดาห์และในเยรูซาเล็มออกไปจนหมด เขาได้ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อให้เป็นไปตามกฎที่ได้เขียนไว้ในหนังสือที่นักบวชฮิลคียาห์ได้ค้นพบในวิหารของพระยาห์เวห์

25 ไม่เคยมีกษัตริย์องค์ไหนหันเข้ามาหาพระยาห์เวห์ด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลัง อย่างที่กฏของโมเสสสั่งไว้ มากเท่ากับที่โยสิยาห์ได้ทำ ไม่ว่าจะก่อนหน้าเขาหรือหลังจากเขาก็ตาม

26 แต่อย่างไรก็ตาม พระยาห์เวห์ไม่ได้หันเหไปจากความดุดันแห่งความโกรธเกรี้ยวอันมหาศาลของพระองค์ที่เผาผลาญต่อยูดาห์ เนื่องจากการยั่วยุทั้งหมดที่มนัสเสห์ได้ทำต่อพระองค์ 27 พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะกำจัดยูดาห์ออกไปจากสายตาเรา เหมือนกับที่เราได้กำจัดอิสราเอลไปแล้ว และเราจะปฏิเสธเมืองเยรูซาเล็มซึ่งเป็นเมืองที่เราได้เลือกไว้ รวมทั้งวิหารแห่งนี้ที่เราเคยพูดไว้ว่า ‘เราจะให้ชื่อของเราอยู่ที่นั่น’”

28 ส่วนเหตุการณ์อื่นๆในสมัยของโยสิยาห์ และทุกสิ่งที่เขาได้ทำไป ได้จดบันทึกไว้แล้วในหนังสือประวัติของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์

ความตายของโยสิยาห์

(2 พศด. 35:20-36:1)

29 ในสมัยที่โยสิยาห์เป็นกษัตริย์ ฟาโรห์เนโค กษัตริย์ของอียิปต์ได้ขึ้นมาที่แม่น้ำยูเฟรติสเพื่อช่วยเหลือกษัตริย์ของอัสซีเรีย กษัตริย์โยสิยาห์ยกทัพออกไปสู้กับฟาโรห์เนโค เมื่อฟาโรห์เนโคเห็นโยสิยาห์ ก็ฆ่าเขาตายที่เมืองเมกิดโด 30 พวกผู้รับใช้ของโยสิยาห์นำศพของเขาขึ้นรถรบคันหนึ่งและขับจากเมกิดโดไปจนถึงเยรูซาเล็มและฝังศพของโยสิยาห์ไว้ในหลุมศพของเขาเอง

และประชาชนของแผ่นดินนั้น ก็ยกเยโฮอาหาสลูกชายของโยสิยาห์ขึ้นมาและเจิมแต่งตั้ง ให้เขาเป็นกษัตริย์ต่อจากพ่อของเขา

เยโฮอาหาสปกครองยูดาห์

(2 พศด. 36:2-4)

31 เยโฮอาหาสมีอายุยี่สิบสามปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์ และเขาครองราชย์อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มเป็นเวลาสามเดือน แม่ของเขามีชื่อว่าฮามุทาล นางเป็นลูกสาวของเยเรมียาห์ที่มาจากลิบนาห์ 32 เยโฮอาหาสได้ทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์ เหมือนกับที่บรรพบุรุษของเขาเคยทำ

33 ฟาโรห์เนโคขังเยโฮอาหาสไว้ที่ริบลาห์ซึ่งอยู่ในดินแดนของฮามัท เพื่อไม่ให้เขาได้ครองบัลลังก์อยู่ในเยรูซาเล็ม และฟาโรห์ยังได้บังคับเก็บส่วยจากชาวยูดาห์เป็นเงินหนักประมาณสามตันครึ่ง และทองคำหนักสามสิบสี่กิโลกรัม[f]

34 ฟาโรห์เนโคให้เอลียาคิมลูกชายของกษัตริย์โยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนที่โยสิยาห์ผู้เป็นพ่อและเปลี่ยนชื่อของเอลียาคิมเป็นเยโฮยาคิม แต่ฟาโรห์ได้พาเยโฮอาหาสไปอยู่ที่อียิปต์ และเยโฮอาหาสก็ตายที่นั่น 35 เยโฮยาคิมมอบเงินและทองคำให้กับฟาโรห์เนโค แต่เขาได้เรียกเก็บภาษีจากประชาชนของแผ่นดิน เพื่อเอาเงินไปมอบให้กับฟาโรห์ตามที่ฟาโรห์สั่งไว้ เขาบีบเอาเงินและทองจากประชาชนทุกคนของแผ่นดินตามสัดส่วนของทรัพย์สมบัติที่พวกเขามี เพื่อเอาไปมอบให้กับฟาโรห์เนโค

เยโฮยาคิมปกครองยูดาห์

(2 พศด. 36:5-8)

36 เยโฮยาคิมมีอายุยี่สิบห้าปีเมื่อเขาขึ้นเป็นกษัตริย์และเขาครองราชย์อยู่ในเยรูซาเล็มเป็นเวลาสิบเอ็ดปี แม่ของเขามีชื่อว่าเศบิดาห์ นางเป็นลูกสาวของเปดายาห์ที่มาจากรูมาห์ 37 เยโฮยาคิมทำความชั่วในสายตาของพระยาห์เวห์เหมือนกับที่บรรพบุรุษของเขาทำ

Footnotes

  1. 23:6 โปรยลงบนหลุมฝังศพของคน เป็นวิธีที่แข็งกร้าวที่แสดงให้เห็นว่าเสาเจ้าแม่อาเชราห์จะไม่ถูกนำมาใช้อีก
  2. 23:10 ไม่มีใคร … โมเลค แปลตรงๆได้ว่า “ประชาชนได้ให้ลูกชายและลูกสาวของเขาเข้าไปในกองไฟเพื่อพระโมเลค”
  3. 23:11 รูปปั้นม้า … กับดวงอาทิตย์ ประชาชนคิดว่าพระอาทิตย์คือพระองค์หนึ่งที่ขับรถรบ (ดวงอาทิตย์) ข้ามท้องฟ้าไปในแต่ละวัน
  4. 23:15 เยโรโบอัม … ไปด้วย ดูใน 1 พงศ์กษัตริย์ 12:26-30
  5. 23:16 เคยทำนายไว้ผ่านทางคนของพระเจ้า ดูใน 1 พงศ์กษัตริย์ 13:1-3
  6. 23:33 สามสิบสี่กิโลกรัม หรือแปลตรงๆได้ว่า หนึ่งตะลันต์

การปฏิรูปของโยสิยาห์

23 แล้วกษัตริย์ก็เรียกหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ทั้งปวงของยูดาห์และเยรูซาเล็มมาประชุมร่วมกับท่าน และเขาทั้งปวงขึ้นไปยังพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าด้วยกันกับกษัตริย์ มีผู้อื่นที่ไปด้วยคือ ผู้อยู่อาศัยของยูดาห์และเยรูซาเล็ม บรรดาปุโรหิตและผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า และประชาชนใหญ่น้อยทั้งปวง กษัตริย์อ่านทุกสิ่งที่กล่าวในหนังสือพันธสัญญาที่พบในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าให้คนทั้งปวงฟัง กษัตริย์ยืนที่ข้างเสาพระตำหนัก และทำสัญญา ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าว่า จะดำเนินชีวิตในวิถีทางของพระผู้เป็นเจ้า และรักษาบัญญัติ คำสั่ง และกฎเกณฑ์ของพระองค์อย่างสุดดวงใจและสุดดวงจิต เพื่อประพฤติตามคำในพันธสัญญาที่เขียนในหนังสือฉบับนี้ และประชาชนทั้งปวงก็สัญญาต่อพันธสัญญาเช่นกัน

กษัตริย์บัญชาฮิลคียาห์หัวหน้ามหาปุโรหิต บรรดาปุโรหิตรอง และบรรดาผู้เฝ้าประตู ให้นำภาชนะที่ใช้สำหรับเทวรูปบาอัล เทวรูปอาเชราห์ และสรรพสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าออกมาจากพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า ท่านเผาสิ่งเหล่านั้นที่นอกเมืองเยรูซาเล็ม ในทุ่งนาที่ขิดโรน และขนขี้เถ้าไปที่เบธเอล กษัตริย์ปลดตำแหน่งปุโรหิตที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ได้แต่งตั้งให้เผาเครื่องหอมที่สถานบูชาบนภูเขาสูงในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และรอบเมืองเยรูซาเล็ม คือคนเหล่านั้นเผาเครื่องหอมแก่เทวรูปบาอัล ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ กลุ่มดาว และสรรพสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้า ท่านขนเทวรูปอาเชราห์ออกมาจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ไปที่นอกเมืองเยรูซาเล็ม ที่ธารน้ำขิดโรน และเผาเทวรูปที่นั่น ทุบเศษที่เหลือจนแหลกละเอียด และโปรยบนที่หลุมศพของคนสามัญ และท่านพังห้องพักของชายแพศยาที่อยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นที่ที่พวกผู้หญิงได้ทอผ้าเพื่อแขวนประดับให้เทวรูปอาเชราห์ ท่านให้บรรดาปุโรหิตออกมาจากเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และท่านกำจัดสถานบูชาบนภูเขาสูงที่บรรดาปุโรหิตเผาเครื่องหอม ตั้งแต่เมืองเก-บาจนถึงเมืองเบเออร์เช-บา และท่านพังสถานบูชาบนภูเขาสูงตรงทางเข้าที่ประตูโยชูวาผู้ว่าราชการเมือง ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของประตูเวลาหันหน้าเข้าประตูเมือง อย่างไรก็ตาม บรรดาปุโรหิตของสถานบูชาบนภูเขาสูงไม่ได้ขึ้นไปยังแท่นบูชาของพระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม แต่พวกเขารับประทานขนมปังไร้เชื้อเหมือนกับปุโรหิตอื่นๆ 10 ท่านทำลายโทเฟท[a] ซึ่งอยู่ในหุบเขาแห่งบุตรของฮินโนม เพื่อว่าจะไม่มีผู้ใดเผาบุตรชายหรือบุตรหญิงของตนเป็นเครื่องสักการะแก่เทพเจ้าโมเลค 11 ท่านกำจัดม้าที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ถวายแก่ดวงอาทิตย์ ที่ทางเข้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ที่ข้างห้องของนาธานเมเลคเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่บนลานเปิดโล่ง ท่านใช้ไฟเผารถศึกของดวงอาทิตย์ 12 แท่นบูชาที่ห้องบนดาดฟ้าของอาหัส ที่บรรดากษัตริย์แห่งยูดาสร้างขึ้น และแท่นบูชาที่มนัสเสห์ได้สร้างไว้สำหรับลานทั้งสองของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ท่านก็ล้มมันลงจนหักเป็นเสี่ยงๆ และโยนเศษขยะลงในธารน้ำขิดโรน 13 และกษัตริย์พังทลายสถานบูชาบนภูเขาสูงที่อยู่ทางตะวันออกของเยรูซาเล็ม ไปจนถึงทางใต้ของภูเขาแห่งความเสื่อมเสีย ซึ่งซาโลมอนกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้สร้างสำหรับเทพเจ้าอัชโทเรท[b]ที่น่ารังเกียจของชาวไซดอน สำหรับเทพเจ้าเคโมชที่น่ารังเกียจของโมอับ และสำหรับเทพเจ้ามิลโคมที่น่ารังเกียจของชาวอัมโมน 14 ท่านทุบเสาหินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ฟันพวกเทวรูปอาเชราห์ลง แล้วก็สุมกระดูกมนุษย์ไว้ที่นั่น

15 ยิ่งกว่านั้น ยังมีแท่นบูชาที่เบธเอลอันเป็นสถานบูชาบนภูเขาสูงที่เยโรโบอัมบุตรเนบัทสร้างขึ้น และก็เป็นเหตุให้อิสราเอลกระทำบาป โยสิยาห์พังแท่นบูชาบนภูเขาสูงนั้น และเผาจนเป็นเถ้าถ่าน ท่านเผาเทวรูปอาเชราห์ด้วย 16 ขณะที่โยสิยาห์หันดูรอบๆ ก็แลเห็นถ้ำเก็บศพที่ภูเขา ท่านจึงให้ไปเอากระดูกออกจากถ้ำไปเผาบนแท่นบูชาและทำให้แท่นมีมลทิน ตามคำของพระผู้เป็นเจ้า ดังที่คนของพระเจ้าประกาศ และได้เป็นผู้เผยให้ทราบถึงสิ่งเหล่านี้ล่วงหน้าไว้แล้ว[c] 17 และโยสิยาห์พูดว่า “อนุสาวรีย์ที่เรามองเห็นนั้นคืออะไร” ชาวเมืองบอกท่านว่า “นั่นเป็นถ้ำบรรจุศพของคนของพระเจ้า ที่มาจากยูดาห์ และเผยให้ทราบถึงสิ่งเหล่านี้ล่วงหน้าว่า ท่านกระทำอะไรบ้างต่อแท่นบูชาที่เบธเอล” 18 ท่านพูดว่า “ปล่อยเขาไว้ อย่าให้ใครย้ายกระดูกของเขา” เขาเหล่านั้นจึงไม่ย้ายกระดูกของท่าน รวมถึงกระดูกของผู้เผยคำกล่าวที่มาจากสะมาเรียด้วย 19 และโยสิยาห์โค่นวิหารทุกแห่งที่สถานบูชาบนภูเขาสูงที่อยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรีย ซึ่งกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้สร้างและยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า ท่านกระทำต่อแท่นบูชาเหล่านั้น เหมือนทุกสิ่งที่ได้กระทำแล้วที่เบธเอล 20 และท่านประหารบรรดาปุโรหิตบนแท่นบูชา ซึ่งประจำอยู่บนสถานบูชาบนภูเขาสูง และเผากระดูกคนบนแท่น แล้วท่านก็กลับไปยังเยรูซาเล็ม

โยสิยาห์ให้ฉลองเทศกาลปัสกา

21 กษัตริย์บัญชาประชาชนทั้งปวงว่า “จงฉลองเทศกาลปัสกาแด่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า เหมือนที่บันทึกในหนังสือพันธสัญญาฉบับนี้”[d] 22 ด้วยว่า การฉลองเทศกาลปัสกาเหมือนอย่างนี้ไม่เคยมีมาตั้งแต่สมัยบรรดาผู้วินิจฉัยที่ปกครองอิสราเอล หรือระหว่างสมัยบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอลหรือยูดาห์ 23 แต่ในปีที่สิบแปดของกษัตริย์โยสิยาห์ มีการฉลองเทศกาลปัสกานี้เพื่อให้เกียรติแด่พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม

24 ยิ่งกว่านั้น โยสิยาห์ได้กวาดล้างพวกคนทรงและพ่อมดแม่มด เทพเจ้าและรูปเคารพประจำบ้าน และสิ่งที่น่ารังเกียจทั้งปวงที่เห็นกันอยู่ในแผ่นดินของยูดาห์และเยรูซาเล็ม เพื่อท่านจะสถาปนาคำสั่งในกฎบัญญัติที่เขียนไว้ในหนังสือที่ฮิลคียาห์ปุโรหิตพบในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 25 ทั้งก่อนหน้าท่านและหลังจากท่าน ไม่มีกษัตริย์ที่เป็นเหมือนท่าน ที่หันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดดวงใจ สุดดวงจิต และสุดความคิดของท่าน ดังที่มีในกฎบัญญัติของโมเสสทั้งหมด

26 ถึงกระนั้นพระผู้เป็นเจ้าก็ยังไม่คลายจากความกริ้วอันร้อนแรงของพระองค์ เพราะพระองค์กริ้วยูดาห์เนื่องจากสิ่งที่มนัสเสห์ยั่วโทสะพระองค์ 27 และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “เราจะไล่ยูดาห์ไปให้พ้นหน้าเรา เหมือนกับที่ไล่อิสราเอลไปแล้ว และเราจะไม่ยอมรับทั้งเยรูซาเล็มอันเป็นเมืองที่เราได้เลือกไว้ และตำหนักที่เราพูดถึงว่า ‘นามของเราจะเป็นที่ยกย่องที่นั่น’”

โยสิยาห์เสียชีวิตในสงคราม

28 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของโยสิยาห์ และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์มิใช่หรือ 29 ในสมัยของท่าน ฟาโรห์เนโคกษัตริย์แห่งอียิปต์ยกทัพไปช่วยกษัตริย์แห่งอัสซีเรีย เมื่อถึงแม่น้ำยูเฟรติส กษัตริย์โยสิยาห์ก็ออกไปประจันหน้ากับฟาโรห์เนโค และทันทีที่ฟาโรห์เนโคเห็นท่าน ก็ฆ่าท่านที่เมกิดโด 30 บรรดาทหารหามร่างของท่านขึ้นรถศึกจากเมกิดโด ไปยังเยรูซาเล็ม และบรรจุศพไว้ในถ้ำเก็บศพของท่าน และประชาชนในแผ่นดินรับเยโฮอาหาสบุตรโยสิยาห์ ทั้งเจิมและแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์แทนบิดาของท่าน

เยโฮอาหาสกษัตริย์แห่งยูดาห์

31 เยโฮอาหาสมีอายุ 23 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 3 เดือนในเยรูซาเล็ม มารดาชื่อฮามุทาลบุตรหญิงของเยเรมีย์แห่งลิบนาห์ 32 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่บรรพบุรุษของท่านได้กระทำทั้งสิ้น 33 ฟาโรห์เนโคกักขังท่านไว้ที่ริบลาห์ใกล้แผ่นดินฮามัท เพื่อกันไม่ให้ท่านครองราชย์ในเยรูซาเล็ม บังคับให้ยูดาห์มอบเครื่องบรรณาการเป็นเงินหนัก 100 ตะลันต์ และทองคำ 1 ตะลันต์ 34 ฟาโรห์เนโคแต่งตั้งเอลียาคิมบุตรของโยสิยาห์ ให้เป็นกษัตริย์แทนโยสิยาห์ผู้เป็นบิดา และเปลี่ยนชื่อเป็นเยโฮยาคิม และท่านก็ได้นำเยโฮอาหาสไปยังอียิปต์ซึ่งท่านได้สิ้นชีวิตที่นั่น 35 เยโฮยาคิมมอบเงินและทองคำแก่ฟาโรห์ตามคำสั่ง ท่านจึงต้องเก็บภาษีที่ดินจ่ายให้แก่ฟาโรห์ ท่านเก็บเงินและทองคำจากประชาชนของแผ่นดินทุกคนตามความมั่งมีของแต่ละคน เพื่อมอบแก่ฟาโรห์เนโค

เยโฮยาคิมครองราชย์ในยูดาห์

36 เยโฮยาคิมมีอายุ 25 ปีเมื่อเริ่มเป็นกษัตริย์ และท่านครองราชย์ 11 ปีในเยรูซาเล็ม มารดาของท่านชื่อ เศบิดาห์บุตรหญิงของเปดายาห์แห่งรูมาห์ 37 ท่านกระทำสิ่งที่ชั่วร้ายในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เหมือนกับที่บรรพบุรุษของท่านได้กระทำทั้งสิ้น

Footnotes

  1. 23:10 โทเฟทเป็นสถานที่บูชายัญมนุษย์ให้แก่เทพเจ้าโมเลค
  2. 23:13 เทพเจ้าแห่งความรัก สงคราม และนางคู่กันกับเทพเจ้าบาอัล
  3. 23:16 1 พงศ์กษัตริย์ 13:2
  4. 23:21 อพยพ 12:1-51; เฉลยธรรมบัญญัติ 16:1-8