Add parallel Print Page Options

นางอาธาลิยาห์ฆ่าพวกลูกๆของกษัตริย์

(2 พศด. 22:10-12)

11 เมื่อนางอาธาลิยาห์ซึ่งเป็นแม่ของอาหัสยาห์เห็นว่าลูกชายของนางตายแล้ว นางได้ลงมือฆ่าครอบครัวของกษัตริย์อาหัสยาห์ทั้งหมด

แต่เยโฮเชบาที่เป็นลูกสาวของกษัตริย์เยโฮรัม[a] และเป็นน้องสาวของอาหัสยาห์ได้แอบพาโยอาชลูกชายของอาหัสยาห์ไปจากพวกเจ้าชายทั้งหลายที่กำลังจะถูกฆ่า นางได้เอาตัวโยอาชและพี่เลี้ยงของเขาไปไว้ในห้องนอนห้องหนึ่งเพื่อหลบซ่อนตัวจากนางอาธาลิยาห์ โยอาชก็เลยไม่ได้ถูกฆ่าไปด้วย

โยอาชยังคงหลบซ่อนตัวกับพี่เลี้ยงของเขาอยู่ในวิหาร ของพระยาห์เวห์เป็นเวลาถึงหกปีในช่วงที่นางอาธาลิยาห์ปกครองแผ่นดินนั้น

เยโฮยาดาเจิมโยอาชเป็นกษัตริย์

(2 พศด. 23:1-21)

ในปีที่เจ็ด นักบวชเยโฮยาดาเรียกพวกผู้นำทหารของชาวคารี[b] และทหารรักษาพระองค์มา และสั่งให้พวกเขามาหาที่วิหารของพระยาห์เวห์ เขาได้ทำข้อตกลงกับคนเหล่านั้น และให้พวกเขาสาบานที่วิหารของพระยาห์เวห์ แล้วเขาถึงเอาโยอาชที่เป็นลูกชายของกษัตริย์ออกมา

เยโฮยาดาสั่งคนเหล่านั้นว่า “นี่คือสิ่งที่พวกท่านจะต้องทำ หนึ่งในสามของพวกท่าน ที่ต้องมาอยู่เวรในวันหยุดทางศาสนา จะต้องไปเฝ้าดูวังของกษัตริย์ อีกหนึ่งในสามต้องเฝ้าดูอยู่ที่ประตูสูร และอีกหนึ่งในสามที่เหลือไปอยู่ที่ประตูที่อยู่ด้านหลังทหารรักษาพระองค์ อย่างนี้พวกท่านก็จะเฝ้าดูแลวังจากทุกด้าน ส่วนพวกท่านสองกลุ่มที่ไม่ต้องอยู่เวรในวันหยุดทางศาสนา จะต้องมาคอยเฝ้าวิหารของพระยาห์เวห์และปกป้องกษัตริย์ พวกท่านจะต้องล้อมรอบกษัตริย์ไว้ ให้แต่ละคนถืออาวุธพร้อมมือ ใครก็ตามที่เข้ามาใกล้กษัตริย์ต้องถูกฆ่า ให้อยู่กับกษัตริย์ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ตาม”

พวกผู้นำเหล่าทัพได้ทำตามที่เยโฮยาดานักบวชได้สั่งไว้ แต่ละคนได้นำทหารของเขามา ทั้งที่อยู่เวรในวันหยุดทางศาสนา และคนที่ไม่ได้อยู่เวร พวกเขาได้พากันมาหานักบวชเยโฮยาดา 10 แล้วเขาก็ได้แจกพวกหอกและโล่ให้กับพวกผู้นำเหล่าทัพนั้น มันเป็นหอกและโล่ของกษัตริย์ดาวิดที่เก็บอยู่ในวิหารของพระยาห์เวห์นั่นเอง 11 เหล่าทหารรักษาพระองค์ทุกคนถืออาวุธพร้อมมือ ประจำที่ของตนรอบๆวิหาร จากด้านใต้จดด้านเหนือ พวกเขายืนอยู่รอบแท่นบูชาและวิหาร รวมทั้งยืนอยู่รอบตัวกษัตริย์ด้วย 12 เยโฮยาดาได้พาโยอาชที่เป็นลูกชายกษัตริย์ออกมาและสวมมงกุฎให้กับเขา และได้มอบสำเนาข้อตกลง[c]ที่พระเจ้าได้ทำกับคนของพระองค์ให้กับเขา พวกเขาได้เจิมโยอาชขึ้นเป็นกษัตริย์และพวกเขาก็ตบมือโห่ร้องว่า “กษัตริย์จงเจริญ”

13 เมื่อนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงอึกทึกที่เหล่าทหารรักษาพระองค์และประชาชนตะโกน นางออกมาหาประชาชนที่วิหารของพระยาห์เวห์ 14 นางมองไปและเห็นกษัตริย์ยืนอยู่ข้างเสาตามประเพณี มีพวกผู้นำเหล่าทัพและคนเป่าแตรอยู่ที่ด้านข้างของกษัตริย์ และประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินต่างก็ร่าเริงยินดีและเป่าเขาสัตว์กัน นางอาธาลิยาห์ก็ฉีกเสื้อผ้าของนางและร้องตะโกนว่า “กบฏ กบฏ”

15 นักบวชเยโฮยาดาสั่งพวกผู้นำเหล่าทัพที่ได้ตั้งให้ดูแลกองทัพว่า “นำนางออกมาจากท่ามกลางกองทหาร และฆ่าทุกคนที่ติดตามนาง” เพราะนักบวชพูดว่า “อย่าฆ่านางภายในวิหารของพระยาห์เวห์แห่งนี้”

16 พวกเขาจับตัวนางไว้ได้ ในขณะที่นางกำลังจะเข้าไปในวังทางประตูม้า และนางก็ถูกฆ่าตายที่นั่น

17 แล้วเยโฮยาดาก็ได้ทำข้อตกลงระหว่างพระยาห์เวห์กับกษัตริย์และประชาชน ว่าพวกเขาจะเป็นประชาชนของพระยาห์เวห์ เขายังได้ทำข้อตกลงระหว่างกษัตริย์กับประชาชนอีกด้วย

18 ประชาชนทั้งหมดในแผ่นดินนั้นได้ไปที่วิหารของพระบาอัลและรื้อมันทิ้งไป พวกเขาทุบพวกแท่นบูชาและรูปเคารพทั้งหมดจนแตกเป็นชิ้นๆและฆ่ามัทธานที่เป็นนักบวชของพระบาอัลที่หน้าแท่นบูชาเหล่านั้น

แล้วนักบวชเยโฮยาดาก็ให้ทหารยามอยู่เฝ้าที่วิหารของพระยาห์เวห์ 19 เขากับพวกผู้นำเหล่าทัพ คนคารี และทหารรักษาพระองค์ รวมทั้งประชาชนทั้งหมดของแผ่นดิน ได้พากษัตริย์ลงมาจากวิหารของพระยาห์เวห์ และเข้าไปในวัง ผ่านทางประตูสำหรับทหารรักษาพระองค์ แล้วกษัตริย์ก็ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ 20 และประชาชนทั้งหมดบนแผ่นดินนั้นต่างก็เฉลิมฉลองรื่นเริงกัน และบ้านเมืองก็สงบสุข เพราะนางอาธาลิยาห์ถูกฆ่าด้วยดาบแล้วภายในวัง

21 โยอาชมีอายุเจ็ดปีเมื่อเขาขึ้นครองราชย์

Footnotes

  1. 11:2 เยโฮรัม หรือ “โยรัม” ในภาษาฮีบรู
  2. 11:4 ชาวคารี หรือ “ชาวเคเรธ” เป็นทหารพิเศษที่จ้างมาเพื่อรับใช้กษัตริย์
  3. 11:12 ข้อตกลง เป็นข้อตกลงระหว่างกษัตริย์กับพระเจ้า น่าจะหมายถึงสัญญาที่กษัตริย์ได้เคยทำไว้ว่าจะรับใช้พระเจ้า ดูบทที่ 17 และ 1 ซามูเอล 10:25

อาธาลิยาห์ครองราชย์ในยูดาห์

11 เมื่ออาธาลิยาห์มารดาของอาหัสยาห์เห็นว่าบุตรของนางสิ้นชีวิตแล้ว นางก็เริ่มตามฆ่าบรรดาเชื้อพระวงศ์ทุกคน แต่เยโฮเช-บาบุตรหญิงของกษัตริย์เยโฮรัม น้องสาวของอาหัสยาห์ ได้ลักพาโยอาชบุตรชายของอาหัสยาห์ออกมา เพื่อไม่ให้ถูกฆ่าไปพร้อมกับบุตรคนอื่นๆ ของกษัตริย์ นางซ่อนโยอาชกับพี่เลี้ยงไว้ในห้องนอน ให้พ้นจากอาธาลิยาห์ที่ต้องการจะเอาชีวิตท่าน โยอาชอยู่กับนางเป็นเวลา 6 ปี โดยถูกซ่อนอยู่ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ในขณะที่อาธาลิยาห์ปกครองแผ่นดิน

โยอาชครองราชย์ในยูดาห์

แต่ในปีที่เจ็ด เยโฮยาดาให้ไปนำบรรดาผู้บัญชากองร้อยของชาวเคเรท และทหารคุ้มกัน เพื่อมาพบท่านที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และท่านทำสนธิสัญญากับพวกเขา และให้สาบานในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า และให้พวกเขาได้พบกับราชบุตร และท่านสั่งพวกเขาว่า “สิ่งที่ท่านควรปฏิบัติก็คือ ให้หนึ่งในสามของพวกท่านมาเริ่มเข้าเวรในวันสะบาโต พวกท่านกลุ่มนี้จะคุ้มกันวังของกษัตริย์ อีกหนึ่งในสามของพวกท่านจะประจำอยู่ที่ประตูสูร์ และอีกหนึ่งในสามจะคุ้มกันอยู่ที่ทางเข้าประตูเมืองเป็นแรงหนุนให้กับทหารคุ้มกัน พวกท่านจะต้องคุ้มกันวัง พวกท่าน 2 กลุ่มที่ไม่เข้าเวรในวันสะบาโต จะต้องคุ้มกันพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อความปลอดภัยของกษัตริย์ พวกท่านต้องประจำการอยู่รอบข้างกษัตริย์ แต่ละคนถืออาวุธไว้พร้อม และใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ตัวท่าน จะต้องถูกฆ่า พวกท่านจงอยู่ใกล้ชิดกษัตริย์ ไม่ว่าท่านจะไปที่ใดก็ตาม”

บรรดาผู้บัญชากองร้อยปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เยโฮยาดาปุโรหิตสั่ง และแต่ละกลุ่มก็ได้นำคนของตนมาหาเยโฮยาดาปุโรหิต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่จะออกเวรหรือที่จะเข้าเวรในวันสะบาโต 10 ปุโรหิตมอบหอกและโล่ที่เป็นของกษัตริย์ดาวิด ซึ่งเก็บไว้ในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าให้แก่บรรดาผู้บัญชากองร้อย 11 พวกทหารคุ้มกันแต่ละคนถืออาวุธไว้พร้อม ตั้งแต่ด้านใต้จรดด้านเหนือของพระตำหนัก รอบแท่นบูชาและพระตำหนัก เพื่อความปลอดภัยของกษัตริย์ 12 แล้วปุโรหิตก็นำบุตรของกษัตริย์ออกมา สวมมงกุฎ และมอบพันธสัญญาให้แก่ท่าน และพวกเขาประกาศให้ท่านเป็นกษัตริย์ และเจิมท่าน แล้วพวกเขาก็ปรบมือและกล่าวว่า “ขอกษัตริย์มีอายุยืนนาน”

13 เมื่ออาธาลิยาห์ได้ยินเสียงทหารคุ้มกันและประชาชน นางจึงออกไปหาประชาชนที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 14 เมื่อนางมองดู ก็เห็นกษัตริย์ยืนอยู่ที่ข้างเสาพระตำหนักตามธรรมเนียม บรรดาผู้บัญชากองร้อยและผู้เป่าแตรยาว[a]ยืนอยู่ข้างๆ และประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินกำลังร่าเริงและเป่าแตรยาว อาธาลิยาห์ก็ฉีกเสื้อของตน และร้องว่า “กบฏ กบฏ” 15 เยโฮยาดาปุโรหิตสั่งบรรดาผู้บัญชากองร้อยที่ควบคุมกำลังกองทัพว่า “นำนางออกมาระหว่างแถวทหาร และผู้ใดที่ตามนางไป ก็ฆ่าเสียด้วยคมดาบ” เพราะปุโรหิตพูดว่า “อย่าฆ่านางในพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 16 ดังนั้นพวกเขาจึงจับกุมนาง และนางออกไปทางสำหรับม้าผ่าน ที่ประตูทางเข้าวังของกษัตริย์ และนางก็ถูกประหารชีวิต

17 เยโฮยาดาทำพันธสัญญาระหว่างพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์ และประชาชนว่า ให้พวกเขาเป็นชนชาติของพระผู้เป็นเจ้า และสัญญาระหว่างกษัตริย์กับประชาชน 18 ครั้นแล้ว ทุกคนในแผ่นดินก็เข้าไปทลายวิหารเทพเจ้าบาอัลลง พวกเขาทุบแท่นบูชาและเทวรูปบาอัลจนแตกเป็นชิ้นๆ และฆ่ามัทธานปุโรหิตของเทพเจ้าบาอัลที่หน้าแท่นบูชา แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตก็กำหนดให้มียามเฝ้าพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า 19 ท่านให้บรรดาผู้บัญชากองร้อย ชาวเคเรท ทหารคุ้มกัน และประชาชนทั้งปวงของแผ่นดิน ร่วมกันเชิญกษัตริย์ลงมาจากพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า เดินเข้าทางประตูทหารคุ้มกัน ไปยังวังของกษัตริย์ และนั่งบนบัลลังก์ 20 ดังนั้นประชาชนทั้งปวงของแผ่นดินต่างยินดี และบ้านเมืองนั้นก็สงบสุขหลังจากที่อาธาลิยาห์ถูกดาบสังหารที่วังของกษัตริย์

โยอาชครองราชย์ในยูดาห์

21 โยอาชมีอายุ 7 ปี เมื่อท่านเริ่มเป็นกษัตริย์

Footnotes

  1. 11:14 ทำจากโลหะ มีเสียงแหลม