Add parallel Print Page Options

26 เยโรโบอัมบุตรเนบัทเผ่าเอฟราอิมจากเมืองเศเรดาห์ เป็นผู้รับใช้คนหนึ่งของซาโลมอน มารดาชื่อเศรุวาห์หญิงม่าย เยโรโบอัมได้แข็งข้อต่อกษัตริย์ด้วย 27 เหตุผลที่เขาแข็งข้อต่อกษัตริย์ก็คือ ซาโลมอนสร้างมิลโล และกำลังซ่อมกำแพงเมืองของดาวิดบิดาของท่าน 28 เยโรโบอัมเก่งกล้ามาก เมื่อซาโลมอนเห็นว่าชายหนุ่มผู้นี้ขยันขันแข็งกับงาน ท่านจึงให้เขาเป็นผู้ควบคุมคนที่เป็นพงศ์พันธุ์โยเซฟซึ่งถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก 29 ในเวลานั้น เมื่อเยโรโบอัมออกไปจากเมืองเยรูซาเล็ม อาหิยาห์ชาวชิโลห์ซึ่งเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าพบกับเขาที่ถนน อาหิยาห์สวมเสื้อคลุมตัวใหม่ ทั้งสองอยู่ลำพังที่นอกเมือง 30 อาหิยาห์ปลดเสื้อที่สวมออกและฉีกออกเป็น 12 ชิ้น 31 และพูดกับเยโรโบอัมว่า “ขอให้ท่านเก็บไว้ 10 ชิ้น เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวดังนี้ว่า ‘ดูเถิด เรากำลังจะฉีกอาณาจักรออกจากมือของซาโลมอน และจะมอบ 10 เผ่าให้แก่เจ้า 32 (แต่เขาจะมีเผ่าหนึ่ง เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเห็นแก่เยรูซาเล็มเมืองที่เราได้เลือกจากเผ่าทั้งปวงของอิสราเอล) 33 เป็นเพราะว่าเขาเหล่านั้นทอดทิ้งเรา ไปนมัสการเทพเจ้าอัชโทเรทของชาวไซดอน เทพเจ้าเคโมชแห่งโมอับ และเทพเจ้ามิลโคมของชาวอัมโมน และพวกเขาไม่ได้ดำเนินชีวิตในวิถีทางของเรา ไม่กระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา ไม่รักษากฎเกณฑ์และคำบัญชาของเรา อย่างที่ดาวิดบิดาของพวกเขากระทำ 34 แต่ถึงกระนั้น เราก็จะไม่เอาอาณาจักรทั้งหมดออกจากมือของเขา แต่เราจะให้เขาเป็นผู้ที่ปกครองไปตลอดชีวิต เพื่อดาวิดผู้รับใช้ของเราที่เราเลือก ผู้รักษาคำบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเรา 35 แต่เราจะเอาอาณาจักรออกจากมือของบุตรของเขา มอบให้เจ้าทั้ง 10 เผ่า 36 เราจะให้เผ่าหนึ่งแก่บุตรของเขา เพื่อว่าดาวิดผู้รับใช้ของเราจะมีผู้สืบเชื้อสายรับใช้เราในเยรูซาเล็ม เมืองที่เราได้เลือกให้เป็นที่ยกย่องนามของเรา[a] 37 และเราจะให้เจ้าไปเป็นผู้ปกครองทุกสิ่งตามใจปรารถนาของเจ้า และเจ้าจะเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล 38 และถ้าเจ้าจะฟังทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า และดำเนินตามวิถีทางของเรา และกระทำสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา ด้วยการรักษาคำบัญญัติและกฎเกณฑ์ของเรา อย่างที่ดาวิดผู้รับใช้ของเรากระทำ เราก็จะอยู่กับเจ้า และจะสร้างพงศ์พันธุ์ที่มั่นคงให้แก่เจ้า อย่างที่เราสร้างให้ดาวิด และเราจะมอบอิสราเอลให้แก่เจ้า 39 และเราจะทำให้ผู้สืบเชื้อสายของดาวิดได้รับทุกข์เพราะเหตุนี้ แต่ไม่ตลอดไป’” 40 ฉะนั้น ซาโลมอนจึงพยายามฆ่าเยโรโบอัม แต่เยโรโบอัมหนีไปอยู่ที่ประเทศอียิปต์ ไปเข้าเฝ้าชิชักกษัตริย์แห่งอียิปต์ และอยู่ที่อียิปต์จนกระทั่งซาโลมอนสิ้นชีวิต

41 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของซาโลมอน และทุกสิ่งที่ท่านกระทำ รวมทั้งเรื่องสติปัญญาของท่าน ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของซาโลมอน 42 ซาโลมอนครองราชย์ในเยรูซาเล็ม ปกครองอิสราเอลทั้งหมดรวมเป็นเวลา 40 ปี 43 และซาโลมอนสิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ศพถูกบรรจุไว้ในเมืองของดาวิดบิดาของท่าน และเรโหโบอัมครองราชย์แทนท่าน

ความโง่เขลาของเรโหโบอัม

12 เรโหโบอัมไปยังเมืองเชเคม เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงได้ไปยังเชเคมเพื่อแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ ทันทีที่เยโรโบอัมบุตรเนบัททราบเรื่อง (เขาหนีกษัตริย์ซาโลมอนไปอยู่ในประเทศอียิปต์) เขาจึงกลับมาจากอียิปต์ ชาวอิสราเอลที่มาจากทิศเหนือให้คนไปตามเยโรโบอัมกลับไป และพวกเขาพูดกับเรโหโบอัมว่า “บิดาของท่านทำให้พวกเราแบกแอกเหมือนกับแบกภาระหนัก ฉะนั้นในเวลานี้ โปรดช่วยให้งานและการแบกแอกหนักผ่อนลงให้เบาเถิด แล้วพวกเราจะคอยรับใช้ท่าน” ท่านตอบว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” ประชาชนจึงจากไป

กษัตริย์เรโหโบอัมปรึกษากับบรรดาผู้สูงอายุที่เคยรับใช้ซาโลมอนบิดาของท่านเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านถามว่า “พวกท่านจะแนะนำให้เราตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไร” เขาเหล่านั้นตอบว่า “ถ้าท่านจะเป็นผู้รับใช้ประชาชนในวันนี้ เพื่อปฏิบัติงานรับใช้พวกเขา และพูดจาดีกับพวกเขาเวลาท่านตอบคำถาม พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของท่านตลอดไป” แต่ว่าท่านกลับไม่ใส่ใจในคำปรึกษาที่บรรดาผู้สูงอายุแนะนำ แต่กลับไปรับคำปรึกษาของบรรดาชายหนุ่มที่เป็นผู้รับใช้ซึ่งเติบโตมาด้วยกัน ท่านพูดกับพวกเขาว่า “ท่านจะแนะนำเราอย่างไร เราควรจะตอบประชาชนเหล่านี้อย่างไรดี พวกเขาพูดกับเราว่า ‘ขอให้ท่านช่วยผ่อนแอกที่บิดาของท่านให้พวกเราหามเบาลง’” 10 บรรดาชายหนุ่มที่ได้เติบโตมากับท่านตอบว่า “สำหรับประชาชนที่มาพูดกับท่านว่า ‘บิดาของท่านทำให้พวกเราต้องแบกแอกหนัก แต่ขอให้ท่านผ่อนหนักให้เบาลงเพื่อพวกเรา’ นั้น ท่านน่าจะพูดกับพวกเขาว่า ‘นิ้วก้อยของเราใหญ่กว่าต้นขาของบิดาของเรา 11 และบัดนี้ เมื่อบิดาของเราได้วางแอกหนักไว้กับท่าน เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง’”

12 ดังนั้นเยโรโบอัมและประชาชนทั้งปวงจึงมาหาเรโหโบอัมในวันที่สาม ตามคำสั่งของกษัตริย์ที่ว่า “กลับมาหาเราภายใน 3 วัน” 13 และกษัตริย์ตอบประชาชนอย่างแข็งกร้าว และไม่สนใจกับคำปรึกษาของบรรดาผู้สูงอายุ 14 กษัตริย์เรโหโบอัมพูดกับพวกเขา ตามคำปรึกษาของพวกชายหนุ่มว่า “บิดาของเราทำให้แอกของพวกท่านหนัก แต่เราจะทำให้แอกของท่านหนักยิ่งขึ้น บิดาของเราสั่งสอนท่านด้วยไม้เรียว แต่เราจะสั่งสอนท่านด้วยแมงป่อง” 15 ดังนั้นกษัตริย์ไม่ได้ฟังประชาชน เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าประสงค์ให้เหตุการณ์เป็นไปอย่างนั้น เพื่อสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่เยโรโบอัมบุตรเนบัทโดยผ่านทางอาหิยาห์ชาวชิโลห์ จะเกิดขึ้นตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า

อาณาจักรแตกแยก

16 ครั้นชาวอิสราเอลทั้งปวงเห็นว่ากษัตริย์ไม่ได้ฟังพวกเขา ประชาชนจึงตอบกษัตริย์ว่า “พวกเรามีส่วนร่วมอะไรด้วยกับดาวิดหรือ เราไม่ได้รับอะไรที่ตกทอดมาจากบุตรของเจสซี โอ อิสราเอลเอ๋ย จงกลับไปยังกระโจมของตนเถิด บัดนี้ โอ ดาวิดเอ๋ย ดูแลพงศ์พันธุ์ของท่านไปเถิด” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงกลับไปยังกระโจมของตน 17 แต่เรโหโบอัมก็ปกครองลูกหลานของอิสราเอลที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของยูดาห์ 18 และกษัตริย์เรโหโบอัมให้อาโดรามควบคุมพวกที่ถูกเกณฑ์มาทำงานหนัก ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็ใช้หินขว้างเขาจนตาย กษัตริย์เรโหโบอัมจึงรีบขึ้นรถศึกของท่านหนีกลับไปยังเมืองเยรูซาเล็ม 19 ดังนั้นอิสราเอลจึงได้แข็งข้อต่อพงศ์พันธุ์ของดาวิดเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ 20 และเมื่อชาวอิสราเอลทั้งปวงทราบว่าเยโรโบอัมได้กลับมาแล้ว จึงให้คนไปเชิญท่านมายังที่ประชุม เพื่อแต่งตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลทั้งหมด ไม่มีใครอื่นนอกจากเผ่ายูดาห์เท่านั้นที่ยังคงติดตามพงศ์พันธุ์ของดาวิดอยู่

21 เมื่อเรโหโบอัมมายังเยรูซาเล็ม ท่านก็เรียกประชุมพงศ์พันธุ์ยูดาห์ทั้งหมดร่วมกับเผ่าเบนยามิน รวมนักรบที่คัดเลือกได้ 180,000 คน ไปต่อสู้กับพงศ์พันธุ์อิสราเอล เพื่อรวมอาณาจักรเข้าด้วยกันอีกให้แก่เรโหโบอัมบุตรซาโลมอน 22 แต่พระเจ้ากล่าวผ่านเชไมยาห์คนของพระเจ้าดังนี้คือ 23 “จงบอกเรโหโบอัมบุตรซาโลมอนกษัตริย์แห่งยูดาห์ และพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ของเบนยามิน และประชาชนทั้งปวงว่า 24 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘เจ้าอย่าขึ้นไปต่อสู้กับญาติพี่น้องซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์อิสราเอล ทุกคนจงกลับบ้านไป เพราะว่าเราต้องการให้เป็นไปอย่างนั้น’” ดังนั้นเขาเหล่านั้นจึงเชื่อฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า และกลับบ้านไป ตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า

ลูกโคทองคำของเยโรโบอัม

25 แล้วเยโรโบอัมก็สร้างเมืองเชเคมในแถบภูเขาของเอฟราอิมให้แข็งแกร่ง และอาศัยอยู่ที่นั่น ต่อจากนั้นท่านก็ออกไปจากที่นั่น และสร้างเมืองเปนูเอล 26 และเยโรโบอัมนึกอยู่ในใจว่า “คราวนี้ อาณาจักรคงจะกลับมาเป็นของพงศ์พันธุ์ของดาวิด 27 เพราะถ้าหากว่าประชาชนเหล่านี้ขึ้นไปถวายเครื่องสักการะที่พระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม จิตใจของคนเหล่านี้ก็จะหันกลับมายังเจ้านายของพวกเขาคือเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์ แล้วพวกเขาก็จะฆ่าเรา และกลับไปยังเรโหโบอัมกษัตริย์แห่งยูดาห์” 28 ดังนั้นกษัตริย์จึงหารือบางคน และสั่งให้หล่อรูปลูกโคทองคำ 2 ตัว และกล่าวแก่ประชาชนว่า “พวกท่านได้ขึ้นไปยังเยรูซาเล็มมามากพอแล้ว โอ อิสราเอลเอ๋ย ดูนี่สิ บรรดาเทพเจ้าของพวกท่านที่นำท่านออกจากประเทศอียิปต์” 29 แล้วท่านก็ตั้งตัวหนึ่งไว้ในเมืองเบธเอล ส่วนอีกตัวตั้งไว้ในเมืองดาน 30 ฉะนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่นำให้ผู้คนทำบาป เพราะว่าพวกเขาแห่กันไปยังรูปปั้นที่เบธเอลและไปไกลจนถึงเมืองดานด้วย 31 ท่านสร้างวิหารบนสถานบูชาบนภูเขาสูง และแต่งตั้งบรรดาปุโรหิตจากประชาชนทั้งปวงซึ่งไม่ได้มาจากกลุ่มชาวเลวี 32 และเยโรโบอัมกำหนดเทศกาลเลี้ยงฉลองในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปด เหมือนกับเทศกาลเลี้ยงฉลองที่มีในยูดาห์ และท่านถวายเครื่องสักการะที่แท่นบูชาในเบธเอล ถวายแก่ลูกโคที่สร้างไว้ และท่านให้บรรดาปุโรหิตไปประจำอยู่ที่สถานบูชาซึ่งท่านสร้างไว้บนภูเขาสูงที่เบธเอล 33 ในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปดท่านขึ้นไปยังแท่นบูชาซึ่งท่านสร้างไว้ที่เบธเอล ท่านเป็นผู้ที่กำหนดเลือกเดือนนั้นด้วยตนเอง และท่านจัดตั้งงานเลี้ยงฉลองสำหรับลูกหลานของอิสราเอล แล้วก็ได้ขึ้นไปยังแท่นบูชาเพื่อมอบของถวาย

คนของพระเจ้าเผชิญหน้าเยโรโบอัม

13 ดูเถิด คนของพระเจ้าคนหนึ่งจากยูดาห์มายังเบธเอลตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า ขณะนั้นเยโรโบอัมกำลังยืนมอบเครื่องสักการะอยู่ที่ข้างแท่นบูชา ชายผู้นั้นพูดเสียงดังตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าว่า “โอ แท่นบูชา แท่นบูชาเอ๋ย พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้คือ ‘ดูเถิด จะมีบุตรคนหนึ่งชื่อโยสิยาห์ที่จะเกิดมาในพงศ์พันธุ์ของดาวิด ขณะนี้บรรดาปุโรหิตวางเครื่องสักการะบนแท่นนี้ แต่โยสิยาห์จะวางร่างของบรรดาปุโรหิตที่ประจำสถานบูชาบนภูเขาสูงเพื่อเป็นเครื่องสักการะบนแท่น และกระดูกมนุษย์จะถูกเผาบนแท่น’”[b] และท่านมีเครื่องพิสูจน์ให้เห็นในวันเดียวกันโดยกล่าวว่า “นี่คือเครื่องพิสูจน์ให้เห็นดังที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวว่า ‘ดูเถิด แท่นบูชาจะพังลง และเถ้าถ่านที่อยู่บนแท่นจะถูกเททิ้ง’” ครั้นกษัตริย์ได้ยินสิ่งที่คนของพระเจ้ากล่าวด้วยเสียงอันดังต่อต้านแท่นบูชาที่เบธเอล เยโรโบอัมจึงยื่นมือออกจากแท่นบูชาพลางพูดว่า “จับตัวเขาไว้” มือของท่านที่ยื่นออกต่อต้านคนของพระเจ้าก็แข็งเกร็งจนค้างอยู่กับที่ แท่นบูชาก็พังลง เถ้าถ่านก็เทลงจากแท่น ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นอย่างที่คนของพระเจ้าบอกตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า กษัตริย์กล่าวกับคนของพระเจ้าว่า “ท่านโปรดขอความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเพื่อข้าพเจ้าเถิด โปรดอธิษฐานรักษามือของข้าพเจ้าให้หาย” คนของพระเจ้าจึงอธิษฐานขอ และมือของกษัตริย์ก็กลับเป็นเหมือนเดิม กษัตริย์จึงกล่าวกับคนของพระเจ้าว่า “ขอเชิญท่านกลับบ้านกับข้าพเจ้าเถิด ไปรับประทานอาหาร แล้วข้าพเจ้าจะให้รางวัลแก่ท่าน” คนของพระเจ้าตอบกษัตริย์ว่า “แม้ว่าท่านจะให้สมบัติแก่ข้าพเจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าพเจ้าก็จะไม่ไปด้วย และข้าพเจ้าจะไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่นี่ เพราะพระผู้เป็นเจ้าสั่งข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าอย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ หรือกลับไปทางเดียวกับที่เจ้ามา’” 10 ดังนั้น ท่านจึงไปอีกทางหนึ่ง และไม่กลับไปทางที่ท่านมายังเบธเอล

ผู้เผยคำกล่าวผู้ชราที่เบธเอล

11 ครั้งหนึ่งมีผู้เผยคำกล่าวผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนสูงอายุ เขาอาศัยอยู่ในเบธเอล บุตรของเขามาเล่าทุกสิ่งให้ฟังว่า คนของพระเจ้าได้ทำอะไรบ้างในวันนั้นที่เบธเอล ทั้งกับบอกบิดาของพวกเขาอีกด้วยว่า ท่านกล่าวสิ่งใดกับกษัตริย์ 12 บิดาของเขาจึงถามว่า “ท่านไปทางไหน” บุตรของเขาจึงชี้ทางที่คนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์มุ่งหน้าไป 13 เขาจึงพูดกับบุตรว่า “ผูกอานลาให้พ่อ” และบุตรก็ผูกอานลาให้เขาขึ้นขี่ 14 เขาไปตามหาคนของพระเจ้าจนพบ และเห็นว่าท่านกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊ก เขาจึงถามว่า “ท่านเป็นคนของพระเจ้า ซึ่งมาจากยูดาห์หรือ” ท่านก็ตอบว่า “ใช่” 15 เขาพูดว่า “ไปบ้านข้าพเจ้า และรับประทานอาหารด้วยกันเถิด” 16 ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไปกับท่านไม่ได้หรอก จะเข้าไปในบ้านกับท่าน รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำกับท่านในที่นี้ไม่ได้ 17 เพราะพระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าอย่ารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่นั่น หรือกลับไปทางเดียวกับที่เจ้ามา’” 18 และเขาตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้หนึ่งเหมือนกัน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวแก่ข้าพเจ้าผ่านทางทูตสวรรค์ว่า ‘จงไปพาเขากลับมาบ้านกับเจ้า เขาจะได้รับประทานอาหาร และดื่มน้ำ’” แต่ว่าผู้สูงอายุคนนั้นพูดเท็จ 19 ดังนั้นท่านจึงกลับไป และรับประทานอาหารที่บ้านของเขา และได้ดื่มน้ำ

20 ขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวผ่านผู้เผยคำกล่าวที่พาท่านกลับมา 21 เขาจึงพูดเสียงดังกับคนของพระเจ้าที่มาจากยูดาห์ว่า “พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า ‘เป็นเพราะเจ้าไม่เชื่อฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า และไม่รักษาคำสั่งที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้าบัญชาไว้ 22 แต่กลับมาและรับประทานอาหาร และดื่มน้ำในที่ที่พระองค์กล่าวกับเจ้าว่า “อย่ารับประทานอาหาร และอย่าดื่มน้ำ” ศพของเจ้าจะไม่ได้อยู่ในถ้ำเดียวกับบรรพบุรุษของเจ้า’” 23 หลังจากที่ท่านได้รับประทานอาหารและดื่มแล้ว ผู้เผยคำกล่าวก็ผูกอานลาให้ท่านเดินทางต่อไป 24 ขณะที่ท่านเดินทางจากไป สิงโตตัวหนึ่งออกมาประจันหน้าและฆ่าท่านตาย ศพท่านก็ถูกทิ้งไว้ที่ถนน ลายังยืนอยู่ข้างๆ และสิงโตก็ยืนอยู่ข้างศพด้วย 25 ดูเถิด ผู้คนเดินผ่านมาและเห็นว่าศพถูกทิ้งไว้ที่ถนน และสิงโตก็ยืนอยู่ข้างศพ พวกเขาจึงเข้าไปเล่าเรื่องในเมืองที่ผู้เผยคำกล่าวที่เป็นคนสูงอายุอาศัยอยู่

26 ครั้นผู้เผยคำกล่าวที่เป็นผู้ที่ได้นำท่านกลับมาได้ยินเรื่องดังกล่าว เขาพูดว่า “คนของพระเจ้าเป็นผู้ที่ไม่เชื่อฟังคำของพระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าจึงให้ตกเป็นเหยื่อของสิงโตที่ขย้ำตัวและฆ่าท่าน อย่างที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับท่านไว้” 27 และเขาพูดกับบุตรว่า “ผูกอานลาให้พ่อ” พวกเขาก็ผูกอานลาให้ 28 และเขาก็ขี่ลาไป พบว่าศพท่านถูกทิ้งไว้ที่ถนน ลาและสิงโตก็ยังยืนอยู่ข้างศพ สิงโตไม่ได้ขย้ำกินศพ หรือขย้ำลา 29 และผู้เผยคำกล่าวก็หามศพคนของพระเจ้า และวางไว้บนหลังลา นำกลับเข้าไปในเมืองเพื่อร้องคร่ำครวญตามพิธี และทำพิธีเก็บศพ 30 เขาวางศพไว้ในถ้ำเก็บศพของเขาเอง และพวกเขาร้องคร่ำครวญถึงท่านว่า “โธ่เอ๋ย พี่ชายของข้าพเจ้า” 31 หลังจากที่ได้เก็บศพไว้ในถ้ำแล้ว เขาพูดกับบุตรว่า “เมื่อพ่อตาย เจ้าจงเก็บศพพ่อไว้ในถ้ำที่เก็บศพคนของพระเจ้าเถิด และวางกระดูกพ่อไว้ที่ข้างๆ กระดูกของท่านผู้นี้ด้วย 32 เพราะสิ่งที่ท่านได้เปล่งเสียงดัง และคัดค้านตามคำของพระผู้เป็นเจ้าเรื่องแท่นบูชาที่เบธเอล และคัดค้านบรรดาวิหารบนภูเขาสูงที่อยู่ในเมืองต่างๆ ของสะมาเรียจะเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน”

33 หลังจากนั้น เยโรโบอัมก็ยังไม่กลับใจจากการกระทำชั่ว มิหนำซ้ำยังแต่งตั้งบรรดาปุโรหิตจากประชาชนทั้งปวง เพื่อประจำอยู่ที่สถานบูชาบนภูเขาสูง และใครที่ต้องการเป็นบรรดาปุโรหิตที่สถานบูชาบนภูเขาสูง ท่านก็ได้แต่งตั้งให้เป็น 34 สิ่งนี้กลายเป็นบาปของพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัม ซึ่งนำไปสู่ความพินาศและทำให้พวกเขาต้องสาบสูญไปจากแผ่นดินโลก

คำพยากรณ์ลงโทษเยโรโบอัม

14 ในครั้งนั้นอาบียาห์บุตรของเยโรโบอัมล้มป่วย เยโรโบอัมพูดกับภรรยาว่า “ขอเธอช่วยเราหน่อย จงปลอมตัวไป อย่าให้ใครรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเยโรโบอัม ไปที่ชิโลห์ ดูเถิด อาหิยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าอยู่ที่นั่น ท่านเป็นผู้ที่พูดถึงเราว่า เราจะได้เป็นกษัตริย์ปกครองชนชาตินี้ เธอเอาขนมปัง 10 ก้อน ขนมกรอบ และน้ำผึ้งไหหนึ่งไปให้ท่าน และท่านจะบอกเธอว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อย”

ภรรยาเยโรโบอัมทำตามนั้น นางไปยังชิโลห์ และมาถึงบ้านของอาหิยาห์ เวลานั้นอาหิยาห์มองไม่ค่อยเห็น เพราะสายตามัวเนื่องจากอายุของท่าน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับอาหิยาห์ว่า “ดูเถิด ภรรยาของเยโรโบอัมกำลังมาถามเจ้าเรื่องบุตรของนาง เพราะเขาป่วย เจ้าจงบอกนางตามนี้”

เมื่อนางมาถึง นางแสร้งทำว่าเป็นหญิงคนอื่น แต่เมื่ออาหิยาห์ได้ยินเสียงนางเดิน ขณะที่นางเข้าประตูมา ท่านพูดว่า “ภรรยาของเยโรโบอัม เข้ามาเถอะ ทำไมท่านจึงต้องแสร้งทำเป็นหญิงคนอื่นด้วยล่ะ ข้าพเจ้าได้รับคำบัญชาให้แจ้งเรื่องร้ายให้ท่านทราบ จงไปบอกเยโรโบอัมดังนี้ ‘พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า “เพราะว่าเราแต่งตั้งเจ้าขึ้นมาจากประชาชน และให้เจ้าได้เป็นผู้นำปกครองอิสราเอลชนชาติของเรา เราได้ฉีกอาณาจักรออกจากพงศ์พันธุ์ของดาวิด และมอบให้กับเจ้า และเจ้ายังไม่ปฏิบัติเหมือนดาวิดผู้รับใช้ของเรา เขารักษาคำบัญญัติของเรา และติดตามเราอย่างสุดจิตสุดใจ ปฏิบัติสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเราเท่านั้น แต่เจ้าได้ทำความชั่วยิ่งไปกว่าคนอื่นๆ ทั้งหมดที่อยู่ก่อนเจ้า และได้สร้างเทวรูปต่างๆ หล่อรูปเคารพให้แก่ตนเอง ทำให้เราเกิดโทสะ และเจ้ายังหันหลังให้เรา 10 ฉะนั้น ดูเถิด เราจะให้ภัยอันตรายเกิดขึ้นกับพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัม และจะตัดขาดทุกคนที่เป็นชายออกจากเยโรโบอัม ทั้งที่เป็นทาสและเป็นอิสระซึ่งอยู่ในอิสราเอล และจะกวาดล้างพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัม เหมือนอย่างที่มนุษย์เผามูลสัตว์จนมอดไหม้ 11 สุนัขจะกินคนในครอบครัวของเยโรโบอัมที่ตายในเมือง และนกในอากาศจะกินคนที่ตายในทุ่งโล่ง เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนั้น”’ 12 ฉะนั้น จงกลับไปยังบ้านของท่าน เมื่อเท้าของท่านย่างเข้าสู่เมือง เด็กก็จะเสียชีวิต 13 และชาวอิสราเอลทั้งปวงจะร้องคร่ำครวญถึงเด็กนั้น และจะเก็บศพของเขา เขาเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นของเยโรโบอัมที่จะมีคนเก็บศพให้ เพราะเป็นที่ปรากฏในพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมว่า เขามีความดีบางสิ่ง อันเป็นที่พอใจของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล 14 ยิ่งกว่านั้น พระผู้เป็นเจ้าจะกำหนดกษัตริย์ท่านหนึ่งเพื่อปกครองอิสราเอล และท่านจะกำจัดพงศ์พันธุ์ของเยโรโบอัมในวันนี้ นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป 15 พระผู้เป็นเจ้าจะสลัดอิสราเอลทิ้ง ดุจไม้อ้อที่สะบัดพลิ้วในน้ำ และจะถอนรากถอนโคนอิสราเอลออกไปเสียจากแผ่นดินอันอุดม ซึ่งพระองค์มอบให้แก่บรรพบุรุษของพวกเขา และให้พวกเขากระจัดกระจายออกไปไกลโพ้นจนเลยแม่น้ำยูเฟรติส เพราะว่าพวกเขาได้หล่อเทวรูปอาเชราห์[c] ซึ่งยั่วโทสะพระผู้เป็นเจ้า 16 และพระองค์จะทอดทิ้งอิสราเอล เพราะบาปของเยโรโบอัมที่ท่านกระทำ และเป็นเหตุให้อิสราเอลทำบาป”

17 แล้วภรรยาของเยโรโบอัมก็ลุกขึ้นจากไป และมาถึงเมืองทีรซาห์ ขณะที่นางมาถึงธรณีประตูบ้าน เด็กก็สิ้นชีวิต 18 ชาวอิสราเอลทั้งปวงก็เก็บศพไป และร้องคร่ำครวญถึงเขา ตามที่พระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวผ่านอาหิยาห์ผู้รับใช้ ผู้เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า

เยโรโบอัมสิ้นชีวิต

19 กิจอื่นๆ ทั้งสิ้นของเยโรโบอัม ดูเถิด ท่านทำศึกสงครามและครองราชย์อย่างไรนั้น ก็ได้มีบันทึกไว้แล้วในหนังสือแห่งพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งอิสราเอล 20 ท่านครองราชย์เป็นเวลา 22 ปี และได้สิ้นชีวิตและถูกนำไปวางรวมกับบรรพบุรุษของท่าน นาดับบุตรครองราชย์แทนท่าน

Footnotes

  1. 11:36 ฉบับ 2 พงศ์กษัตริย์ 21:4
  2. 13:2 2 พงศ์กษัตริย์ 23:15,16
  3. 14:15 เป็นเทพเจ้าของชาวคานาอัน คู่กันกับเทพเจ้าบาอัล ชาวคานาอันเชื่อว่า อาเชราห์สามารถปรับสภาพลมฟ้าอากาศ และให้ความอุดมสมบูรณ์แก่มนุษย์และสัตว์