Add parallel Print Page Options

25 ในเวลานั้นซามูเอลได้ตายไป ชาวอิสราเอลทั้งหลายมารวมตัวกันและไว้ทุกข์ให้กับซามูเอล พวกเขาฝังศพซามูเอลไว้ที่บ้านของเขาในรามาห์

ดาวิด นาบาลและอาบีกายิล

ดาวิดได้ย้ายลงไปยังทะเลทรายมาโอน[a] มีชายคนหนึ่งในมาโอน ร่ำรวยมาก เขามีทรัพย์สมบัติอยู่ในคารเมล เขามีแพะหนึ่งพันตัวและแกะอีกสามพันตัว ซึ่งเขากำลังตัดขนแกะอยู่ที่คารเมล เขาชื่อนาบาล[b] และมีเมียชื่ออาบีกายิล นางเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและสวย แต่ผัวของนางซึ่งอยู่ในตระกูลคาเลบเป็นคนดุร้ายและใจแคบ

ขณะที่ดาวิดอยู่ในทะเลทราย ดาวิดได้ยินมาว่านาบาลกำลังตัดขนแกะอยู่ เขาจึงส่งชายหนุ่มสิบคนและบอกพวกเขาว่า “ให้ไปหานาบาลที่คารเมลและคำนับเขาในนามของเรา ให้บอกกับเขาว่า ‘ขอให้ท่านมีอายุยืนนาน มีสุขภาพดีทั้งท่านและคนในครอบครัวท่าน และขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของท่าน มีสุขภาพดีด้วย ตอนนี้เราได้ยินมาว่า มันเป็นช่วงเวลาตัดขนแกะ ตอนที่คนเลี้ยงแกะของท่านมาอยู่กับพวกเรา พวกเราไม่ได้ทำอันตรายพวกเขา และตอนที่พวกเขาอยู่ในคารเมล ก็ไม่มีอะไรของพวกเขาหาย ถามพวกคนรับใช้ของท่านดูได้เลย แล้วพวกเขาก็จะบอกท่านเอง ดังนั้นขอให้มีน้ำใจต่อคนหนุ่มของเรา เพราะพวกเรามาในช่วงเวลาของงานเลี้ยง ขอมอบสิ่งที่ท่านพอจะหาได้ ให้กับคนรับใช้ของท่าน และดาวิดลูกชายของท่านด้วยเถิด’”

เมื่อคนของดาวิดมาถึง พวกเขาส่งข้อความนี้ให้กับนาบาลในนามของดาวิด และพวกเขาก็คอยอยู่ 10 นาบาลตอบพวกคนรับใช้ของดาวิดว่า “ดาวิดคนนี้เป็นใคร ลูกชายของเจสซีเป็นใคร ทุกวันนี้มีพวกทาสมากมายที่หนีไปจากเจ้านายของเขา 11 ทำไมข้าต้องเอาขนมปัง น้ำ และเนื้อสัตว์ที่ข้าฆ่าเพื่อเป็นอาหารให้กับคนตัดขนแกะของข้า ไปให้กับผู้ชายที่มาจากไหนก็ไม่รู้”

12 คนของดาวิดกลับไป เมื่อมาถึง พวกเขาก็ได้รายงานทุกคำพูดให้ดาวิดรู้ 13 ดาวิดบอกคนของเขาว่า “ทุกคนให้เอาดาบคาดเอวไว้” พวกเขาก็พกดาบไว้ และดาวิดก็พกดาบไว้เหมือนกัน มีชายประมาณสี่ร้อยคนที่ไปกับดาวิดและอีกสองร้อยคนอยู่เฝ้าสัมภาระ

14 คนรับใช้คนหนึ่งของนาบาลได้ไปบอกอาบีกายิลเมียของนาบาลว่า “ดาวิดส่งตัวแทนมาจากทะเลทรายเพื่อมาคำนับเจ้านายของเรา แต่นายกับพูดดูถูกคนเหล่านั้นไป 15 ซึ่งคนเหล่านี้ดีกับพวกเรามาก เขาไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย และตลอดเวลาที่เราอยู่ในท้องทุ่งใกล้ๆพวกเขา ของๆพวกเราก็ไม่เคยหาย 16 พวกเขาเป็นกำแพงล้อมรอบตัวพวกเราทั้งวันทั้งคืน ตลอดเวลาที่พวกเราเลี้ยงแกะอยู่ใกล้ๆพวกเขา 17 เมื่อท่านรู้เรื่องนี้แล้ว ให้พิจารณาดูว่าท่านควรจะทำยังไงดี เพราะความหายนะกำลังใกล้มาถึงนายของเราและครัวเรือนทั้งหมดของเขาแล้ว นายนั้นเป็นคนชั่วช้า ไม่มีใครสามารถพูดกับเขาได้”

18 อาบีกายิลรีบเอาขนมปังสองร้อยก้อน เหล้าองุ่นสองถุงหนัง แกะที่ย่างเสร็จแล้วห้าตัว ข้าวคั่วห้าถัง เค้กองุ่นแห้งหนึ่งร้อยก้อน และขนมมะเดื่ออัดแห้งสองร้อยแผ่น แล้วบรรทุกของทั้งหมดบนหลังลาทั้งหลาย 19 แล้วนางก็บอกกับคนรับใช้ของนางว่า “เจ้าไปก่อน แล้วเราจะตามเจ้าไป” แต่นางไม่ได้บอกนาบาลผัวของนาง

20 เมื่อนางขี่ลามาถึงหุบเขาลึก ที่นั่นดาวิดและพวกมาจากอีกด้านของภูเขา นางได้พบพวกเขาที่นั่น

21 ดาวิดพูดว่า “ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ข้าได้ดูแลทรัพย์สินของไอ้คนนี้ในทะเลทราย ไม่มีอะไรของมันที่หายไปสักอย่าง แต่มันกลับตอบแทนความดีของข้าด้วยความชั่ว 22 ขอให้พระเจ้าลงโทษดาวิดอย่างหนัก ถ้าถึงพรุ่งนี้เช้าข้ายังปล่อยให้ชายแม้แต่คนเดียวของมันรอดชีวิต”

23 เมื่ออาบีกายิลพบหน้าดาวิด นางรีบลงจากหลังลา และซบหน้ากราบถึงพื้นต่อหน้าดาวิด 24 นางก้มกราบอยู่แทบเท้าของดาวิดและพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า โปรดลงโทษข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเถิด โปรดปล่อยให้คนรับใช้ของท่านพูดเถิด โปรดฟังในสิ่งที่ผู้รับใช้ของท่านจะพูด 25 ขอเจ้านายของข้าพเจ้า ได้โปรดอย่าได้ไปสนใจนาบาลชายชั่วช้าคนนั้นเลย นาบาลแปลว่าโง่ และเขาก็ทำตัวสมชื่อของเขา ส่วนข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านไม่ได้เห็นพวกชายหนุ่มที่ท่านส่งมา 26 พระยาห์เวห์ได้ยับยั้งมือท่าน เจ้านายของข้าพเจ้า จากการนองเลือด และการแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง พระยาห์เวห์และท่านมีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ขอให้ศัตรูของท่านหรือผู้ที่มุ่งจะทำร้ายท่าน ถูกสาปแช่งเหมือนนาบาล 27 และขอรับของขวัญนี้ที่ผู้รับใช้ของท่านได้นำเอามาให้กับเจ้านาย ไปแบ่งให้กับพวกหนุ่มๆที่ติดตามท่าน 28 โปรดอภัยให้กับข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านที่ได้ทำผิดต่อท่าน พระยาห์เวห์จะสร้างราชวงศ์อันยั่งยืนให้กับท่านเจ้านายของข้าพเจ้า เพราะท่านได้ร่วมรบอยู่ฝ่ายเดียวกับพระยาห์เวห์ ขออย่าได้พบความชั่วใดๆในตัวท่านเลยตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ 29 ถ้ามีใครไล่ล่าเพื่อจะเอาชีวิตท่าน ชีวิตของท่านผู้เป็นเจ้านายข้าพเจ้าก็จะถูกผูกมัดไว้อย่างมั่นคงกับพวกผู้มีชีวิตที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ห่อมัดเอาไว้ แต่ส่วนชีวิตของพวกศัตรูท่าน พระองค์จะเหวี่ยงออกไปเหมือนถูกเหวี่ยงออกจากสลิง 30 พระยาห์เวห์จะทำสิ่งดีๆให้กับท่านผู้เป็นเจ้านายของข้าพเจ้าอย่างที่พระองค์ได้สัญญาไว้ และพระองค์จะทำให้ท่านเป็นผู้นำของอิสราเอล 31 ถึงวันนั้น เจ้านายของข้าพเจ้า จะได้ไม่ต้องรู้สึกหนักใจ เพราะเคยทำให้เกิดการนองเลือดโดยไม่จำเป็น หรือได้ไปแก้แค้นด้วยตนเอง แล้วเมื่อพระยาห์เวห์ทำให้เจ้านายของข้าพเจ้าประสบความสำเร็จ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านด้วย”

32 ดาวิดพูดกับอาบีกายิลว่า “ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ได้ส่งท่านมาพบเราในวันนี้ 33 ขอให้ท่านได้รับพร เพราะท่านคิดรอบคอบและได้ยับยั้งเราจากการนองเลือดในวันนี้ และจากการแก้แค้นด้วยมือของเราเอง 34 พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลได้ยับยั้งเราจากการทำลายท่าน เพราะถ้าท่านไม่ได้มาพบเราเร็วๆอย่างนี้ พระองค์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่าชายทุกคนในครัวเรือนของนาบาล จะไม่เหลือรอดชีวิตสักคนถึงพรุ่งนี้เช้าแน่”

35 แล้วดาวิดก็รับของที่นางนำมาให้ แล้วพูดว่า “ขอให้ท่านเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ เราได้ฟังสิ่งที่ท่านพูดไว้ และเราจะทำตามคำขอของท่าน”

36 เมื่ออาบีกายิลกลับมาหานาบาล เขากำลังมีงานเลี้ยงอยู่ในบ้านอย่างกษัตริย์ เขากำลังรื่นเริงมากและเมามาก นางเลยไม่บอกอะไรเขาจนถึงรุ่งเช้า 37 ในตอนเช้า เมื่อนาบาลสร่างเมา เมียของเขาก็บอกเขาถึงเรื่องราวทั้งหมด และเส้นสมองของเขาก็แตก และเขาเป็นอัมพาตแข็งเหมือนหิน 38 ประมาณสิบวันต่อมา พระยาห์เวห์ตีนาบาลและเขาก็ตาย

39 เมื่อดาวิดรู้เรื่องที่นาบาลตาย ก็พูดว่า “สรรเสริญพระยาห์เวห์ ที่แก้แค้นนาบาลผู้ดูถูกเหยียดหยามข้าพเจ้า พระองค์ได้ยับยั้งข้าพเจ้าไม่ให้ทำความชั่ว และให้กรรมชั่วที่นาบาลทำนั้นตกลงบนหัวเขาเอง”

แล้วดาวิดได้ส่งข่าวไปถึงอาบีกายิล ขอให้นางมาเป็นเมียของเขา 40 คนรับใช้ของดาวิดไปยังคารเมล และบอกกับนางอาบีกายิลว่า “ดาวิดส่งพวกเรามาหาท่าน เพื่อรับท่านไปเป็นเมียของเขา”

41 เธอก้มหน้ากราบลงถึงดินแล้วพูดว่า “ผู้รับใช้ของท่านอยู่นี่แล้วค่ะ และยินดีรับใช้และพร้อมที่จะล้างเท้าแม้แต่เท้าของพวกผู้รับใช้ของเจ้านายของข้าพเจ้า”

42 อาบีกายิลรีบขึ้นบนหลังลา และมาพร้อมกับหญิงรับใช้ของนางห้าคน พวกเขาทั้งหมดไปพร้อมกับคนส่งข่าวของดาวิด และนางก็ได้มาเป็นเมียของดาวิด

43 ดาวิดยังแต่งงานกับนางอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล และทั้งสองก็เป็นเมียของเขา 44 แต่ซาอูลได้ยกมีคาลลูกสาวของเขาซึ่งเป็นเมียของดาวิด ให้กับปัลทีลูกชายของลาอิชซึ่งมาจากกัลลิม

Footnotes

  1. 25:1 มาโอน มาจากสำเนาแปลกรีก แต่สำเนาฉบับฮีบรูมีคำว่า “ปาราน”
  2. 25:3 นาบาล แปลว่า “โง่”

ซามูเอลเสียชีวิต

25 ซามูเอลเสียชีวิต และชาวอิสราเอลทั้งปวงมาชุมนุมกันและร้องคร่ำครวญถึงท่าน และฝังท่านไว้ที่เมืองรามาห์ที่ท่านเคยอาศัยอยู่

ดาวิดและอาบีกายิล

ดาวิดก็ออกเดินทางลงไปยังถิ่นทุรกันดารปาราน มีชายผู้หนึ่งในเมืองมาโอนทำธุรกิจที่คาร์เมล ชายผู้นี้มั่งมีมาก มีแกะ 3,000 ตัว แพะ 1,000 ตัว เขาให้คนตัดขนแกะที่คาร์เมล เขาชื่อนาบาล มีภรรยาชื่ออาบีกายิล เป็นหญิงรูปงามและฉลาดรอบรู้ ส่วนสามีเป็นคนกระด้างและร้ายกาจ เป็นชาวคาเลบ[a] ดาวิดได้ข่าวในถิ่นทุรกันดารว่า นาบาลกำลังตัดขนแกะอยู่ ดาวิดจึงให้พรรคพวกชายหนุ่ม 10 คนไป และสั่งว่า “จงไปที่คาร์เมล ไปหานาบาล และทักทายเขาในนามของเรา พวกท่านจงทักทายเขาว่า ‘สันติสุขจงอยู่กับท่าน กับครอบครัวของท่าน และกับทุกสิ่งที่เป็นของท่าน ข้าพเจ้าได้ยินว่าท่านมีคนตัดขนแกะ คนเฝ้าฝูงแกะของท่านก็เคยคุ้นเคยกับพวกเรา และเราไม่เคยทำร้ายพวกเขา และพวกเขาก็ไม่เคยมีอะไรถูกขโมยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในคาร์เมล ท่านถามชายหนุ่มของท่านได้ พวกเขาจะบอกท่านเอง ฉะนั้นขอให้ชายหนุ่มของข้าพเจ้าเป็นที่โปรดปรานในสายตาท่าน เพราะว่าพวกเรามาในวันฉลองเทศกาล โปรดให้สิ่งที่ท่านพอจะมีอยู่บ้างแก่พวกผู้รับใช้ และแก่ดาวิดบุตรของท่านด้วยเถิด’”

เมื่อพรรคพวกหนุ่มๆ ของดาวิดมา พวกเขาก็พูดกับนาบาลไปตามนั้นในนามของดาวิด แล้วก็คอยอยู่ 10 นาบาลจึงพูดกับพวกผู้รับใช้ของดาวิดว่า “ดาวิดคือผู้ใด บุตรของเจสซีคือผู้ใด สมัยนี้มีพวกผู้รับใช้มากมายที่หนีเจ้านายไป 11 จะให้เราเอาขนมปัง น้ำ และเนื้อที่เราฆ่าไว้สำหรับคนตัดขนแกะ มาให้แก่พวกคนที่เราไม่รู้ว่ามาจากไหนอย่างนั้นหรือ” 12 ดังนั้นพวกชายหนุ่มจึงกลับไปบอกทุกสิ่งให้ท่านทราบ 13 ดาวิดบอกพรรคพวกท่านว่า “ทุกคนจงคาดดาบ” ทุกคนจึงคาดดาบ ดาวิดก็คาดดาบของท่านเช่นกัน มีชายประมาณ 400 คนตามดาวิดขึ้นไป ขณะที่ 200 คนอยู่เฝ้ากองยุทธภัณฑ์และเสบียงไว้

14 แต่ชายหนุ่มผู้หนึ่งบอกอาบีกายิลภรรยาของนาบาลว่า “ดูเถิด ดาวิดได้ให้ผู้ส่งสาสน์มาจากถิ่นทุรกันดาร เพื่อทักทายนายของเรา แต่นายกลับตวาดใส่พวกเขา 15 ถึงกระนั้นผู้ชายพวกนั้นก็ยังดีต่อเรามาก ตลอดเวลาที่เราอยู่กับพวกเขา เราไม่ได้ถูกทำร้าย ระยะเวลาเราอยู่ในทุ่งนา สิ่งที่เป็นของเราก็ไม่ได้หายไป 16 เขาเป็นเหมือนเกราะป้องกันพวกเราทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ตลอดช่วงเวลาที่เราเฝ้าฝูงแกะอยู่กับพวกเขา 17 ฉะนั้นท่านรับทราบแล้ว ขอให้คำนึงว่าท่านควรจะกระทำสิ่งใด เพราะภัยอันตรายกำลังจะเกิดขึ้นกับนายของพวกเราและครอบครัวของท่าน นาบาลเป็นคนเลวร้ายจนไม่มีใครพูดกับท่านได้”

18 อาบีกายิลจึงรีบหาขนมปัง 200 ก้อน กับถุงเหล้าองุ่น 2 ถุง แกะที่ย่างแล้ว 5 ตัว และเมล็ดข้าวคั่ว 5 สอาห์[b] และองุ่นแห้ง 100 พวง และมะเดื่อแห้ง 200 ก้อน บรรทุกไว้บนหลังลา 19 และนางบอกผู้รับใช้หนุ่มว่า “จงไปล่วงหน้าเรา แล้วเราจะตามหลังเจ้าไป” แต่นางไม่ได้บอกนาบาลสามีของนาง 20 ขณะที่นางกำลังขี่ลาลงมาที่หุบเขา ดาวิดกับพรรคพวกของท่านก็ลงมาพบกับนาง นางพบกับพวกเขา 21 ดาวิดเพิ่งพูดว่า “ไร้ประโยชน์แท้ๆ ที่เราปกป้องทุกสิ่งที่เป็นของนายคนนั้นในถิ่นทุรกันดาร ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเขาถูกขโมย และเขาสนองตอบความดีของเราด้วยความเลวร้าย 22 ขอพระเจ้ากระทำต่อดาวิดอย่างสาหัสยิ่งกว่า หากว่าเราปล่อยแม้เพียงชายคนเดียวของนายคนนั้นให้มีชีวิตรอดอยู่ถึงรุ่งเช้า”

23 เมื่ออาบีกายิลเห็นดาวิด นางรีบลงจากหลังลา ก้มหน้าลงซบพื้นต่อหน้าดาวิด 24 นางซบที่เท้าของท่าน และพูดว่า “นายท่าน ถือว่าเป็นความผิดของฉันเพียงผู้เดียว กรุณาให้ผู้รับใช้ของท่านพูดเถิด ช่วยฟังคำของผู้รับใช้ของท่าน 25 นายท่านกรุณาอย่าไปสนใจนาบาลชายผู้ชั่วร้ายคนนั้นเลย ชื่อของเขามีความหมายอย่างไร เขาก็เป็นอย่างนั้น เขาชื่อนาบาล และความโง่เขลาก็อยู่กับเขา แต่ฉันผู้รับใช้ของท่านไม่ได้พบกับพวกชายหนุ่มของนายท่านที่ท่านได้ใช้ให้ไป 26 นายท่าน เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ยับยั้งท่านจากการกระทำบาปในการนองเลือด และจากการแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด และตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ บัดนี้ขอให้ศัตรูของท่านและบรรดาผู้ที่หมายจะปองร้ายนายท่านจงเป็นอย่างเช่นนาบาลเถิด 27 และขอให้พวกชายหนุ่มที่ตามนายท่านมารับของกำนัลที่ผู้รับใช้ของนายท่านนำมา 28 โปรดให้อภัยความผิดของผู้รับใช้ของท่านด้วย ด้วยว่าพระผู้เป็นเจ้าจะสร้างพงศ์พันธุ์ที่มั่นคงให้แก่นายท่าน และท่านจะไม่กระทำความชั่วตราบที่ท่านมีชีวิตอยู่ 29 ถ้าหากว่าชายใดไล่ล่าท่านและหมายจะเอาชีวิตท่าน ชีวิตของนายท่านจะปลอดภัยในความดูแลของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน ส่วนชีวิตของศัตรูของท่าน พระองค์จะเหวี่ยงพวกเขาออกไปเหมือนเหวี่ยงออกจากเชือกสลิง 30 และเมื่อนายท่านได้รับสิ่งที่ดีจากพระผู้เป็นเจ้าตามที่พระองค์กล่าวไว้เกี่ยวกับท่าน และได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นผู้นำอิสราเอลแล้ว 31 จะไม่มีสาเหตุที่ทำให้นายท่านต้องเสียใจหรือปรักปรำตนเอง ที่ได้ฆ่าคนโดยไม่จำเป็น หรือแก้แค้นด้วยตนเอง และเมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ประทานพรท่านแล้ว ขอให้ระลึกถึงผู้รับใช้ของท่านด้วย”

32 ดาวิดพูดกับอาบีกายิลว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล พระองค์ให้เจ้ามาพบเราในวันนี้ 33 ขอให้ความรอบคอบของเจ้าได้รับพร และตัวเจ้าได้รับพรเถิด วันนี้เจ้าช่วยเราให้พ้นจากบาปของการนองเลือด และจากการแก้แค้นด้วยมือของเราเอง 34 ตราบที่พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลมีชีวิตอยู่ฉันใด พระองค์ได้ยับยั้งเราไม่ให้ทำร้ายเจ้า หากว่าเจ้าไม่ได้รีบมาพบกับเรา นาบาลก็คงจะไม่มีแม้แต่ชายคนเดียวที่รอดชีวิตอยู่จนถึงรุ่งเช้าแน่” 35 แล้วดาวิดก็รับสิ่งที่นางนำมาให้ท่านจากมือนาง และท่านพูดกับนางว่า “เจ้าขึ้นไปบ้านของเจ้าอย่างสันติเถิด เห็นไหมล่ะ เราฟังเสียงเจ้า และเราทำตามคำขอร้องของเจ้า”

36 อาบีกายิลไปหานาบาล เขากำลังมีงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้านของเขา อย่างงานเลี้ยงของกษัตริย์ นาบาลร่าเริงอย่างเต็มหัวใจ เพราะว่าเขาเมามาก นางจึงไม่ได้เล่าสิ่งใดให้เขาฟังจนกว่าฟ้าสาง 37 ครั้นรุ่งเช้า เมื่อนาบาลสร่างจากเหล้าองุ่นแล้ว ภรรยาของเขาจึงเล่าเรื่องเหล่านั้นให้เขาฟัง เขาแน่นิ่ง และขยับตัวไม่ได้ 38 ประมาณ 10 วันหลังจากนั้นพระผู้เป็นเจ้าทำให้นาบาลถึงแก่ชีวิต

39 เมื่อดาวิดทราบว่านาบาลสิ้นชีวิตแล้ว ท่านพูดว่า “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้แก้แค้นนาบาลที่ดูหมิ่นเรา และยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์ไม่ให้กระทำผิด และให้ความผิดของนาบาลลงโทษเขาเอง” แล้วดาวิดให้คนไปพูดกับอาบีกายิลเพื่อรับนางมาเป็นภรรยาของตน 40 ครั้นบรรดาผู้รับใช้ของดาวิดไปหาอาบีกายิลที่คาร์เมลแล้ว พวกเขาพูดกับนางว่า “ดาวิดให้พวกเรามาหาท่านเพื่อรับท่านไปเป็นภรรยาของดาวิด” 41 นางลุกขึ้นและก้มหน้าลงซบพื้นตอบว่า “ดูเถิด หญิงรับใช้ของท่านเป็นผู้รับใช้ที่ล้างเท้าของบรรดาผู้รับใช้ของนายท่าน” 42 และอาบีกายิลรีบลุกขึ้นขี่ลา และหญิงสาว 5 คนเดินตามนางไป นางตามบรรดาผู้ส่งข่าวของดาวิดไป และนางก็เป็นภรรยาของดาวิด

43 ดาวิดรับอาหิโนอัมชาวยิสเรเอลด้วย ทั้งสองจึงเป็นภรรยาของดาวิด 44 ส่วนซาอูลก็ได้ยกมีคาลบุตรหญิงของท่าน ผู้เป็นภรรยาของดาวิด ให้แก่ปัลทีบุตรของลาอิชแห่งเมืองกัลลิมแล้ว

Footnotes

  1. 25:3 กันดารวิถี 13:6
  2. 25:18 3 สอาห์ เท่ากับ 1 เอฟาห์ ซึ่งมีประมาณ 22 ลิตร