Add parallel Print Page Options

โยนาธานสู้กับคนฟีลิสเตีย

14 วันหนึ่งโยนาธานลูกชายของซาอูลได้พูดกับเด็กหนุ่มผู้ถืออาวุธของเขาว่า “มาเถอะ ให้พวกเราไปที่ค่ายของคนฟีลิสเตียที่อยู่ฝั่งโน้นกัน” แต่เขาไม่ได้บอกซาอูลพ่อของเขา

(ขณะนั้นซาอูลกำลังพักผ่อนอยู่ที่ชานเมืองกิเบอาห์ใต้ต้นทับทิมในมิโกรน กับคนประมาณหกร้อยคน ซึ่งในจำนวนนั้นมีอาหิยาห์ผู้ที่ใส่เอโฟดอยู่ด้วย เขาเป็นลูกชายของอาหิทูบซึ่งเป็นพี่ชายของอีคาโบด อีคาโบดและอาหิทูบเป็นลูกชายของฟีเนหัส ฟีเนหัสเป็นลูกชายของเอลี เอลีเคยเป็นนักบวชของพระยาห์เวห์อยู่ที่เมืองชิโลห์ ไม่มีใครรู้ว่าโยนาธานได้ออกไปแล้ว

ทางข้ามทั้งสองข้างที่โยนาธานจะใช้ข้ามเข้าไปยังค่ายของฟีลิสเตียนั้นเป็นหน้าผา หน้าผาทั้งสองด้านนี้ ข้างหนึ่งเรียกว่าโบเซส และอีกข้างหนึ่งเรียกว่าเสเนห์ หน้าผาด้านหนึ่งอยู่ทางเหนือตรงฝั่งเมืองมิคมาช ส่วนหน้าผาอีกด้านอยู่ทางใต้ตรงฝั่งเมืองเกบา)

โยนาธานพูดกับเด็กหนุ่มผู้ถืออาวุธของเขาว่า “ไปกันเถอะ พวกเราข้ามไปยังป้อมทหารของไอ้พวกผู้ชายที่ยังไม่ได้ทำพิธีขลิบพวกนั้น บางทีพระยาห์เวห์อาจจะมาช่วยเราทำสิ่งนี้ก็ได้ ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางไม่ให้พระยาห์เวห์มาช่วยกู้ได้ ไม่ว่าพระองค์จะใช้คนมากหรือน้อยก็ตาม”

คนถืออาวุธของเขาพูดว่า “ทำอะไรก็ได้ตามใจท่าน ลุยไปเลย ข้าพเจ้าจะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป”

โยนาธานพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ พวกเราจะข้ามไปหาคนฟีลิสเตีย และปล่อยให้พวกเขาเห็นพวกเรา ถ้าพวกเขาพูดกับพวกเราว่า ‘คอยอยู่ที่นั่นจนกว่าพวกเราจะลงไปหาเจ้า’ พวกเราก็จะหยุดในที่ที่พวกเราอยู่และจะไม่ไปหาพวกเขา 10 แต่ถ้าพวกเขาพูดว่า ‘ขึ้นมาหาพวกเราสิ’ พวกเราก็จะปีนขึ้นไป เพราะนั่นจะเป็นสัญญาณให้กับเรา ว่าพระยาห์เวห์ได้มอบพวกเขาไว้ในกำมือของพวกเราแล้ว”

11 โยนาธานและคนถืออาวุธของเขาจึงแสดงตัวให้คนฟีลิสเตียที่ค่ายได้เห็น พวกเขาก็พูดว่า “ดูซิ พวกฮีบรูกำลังคลานออกจากรูที่พวกมันใช้หลบซ่อน” 12 ชายคนหนึ่งในค่ายก็ตะโกนใส่โยนาธานและคนถืออาวุธของเขาว่า “ขึ้นมาหาพวกเราสิ แล้วพวกเราจะให้บทเรียนกับพวกเจ้า”

ดังนั้นโยนาธานจึงพูดกับคนถืออาวุธของเขาว่า “ปีนตามเรามา พระยาห์เวห์ได้มอบพวกเขาให้อยู่ในกำมือของคนอิสราเอลแล้ว”

13 โยนาธานปีนขึ้นไปด้วยมือและเท้าของเขา คนถืออาวุธของเขาปีนตามมาอย่างติดๆ โยนาธานสู้รบกับคนฟีลิสเตีย และคนฟีลิสเตียก็ล้มลงต่อหน้าโยนาธาน คนถืออาวุธของเขาก็ตามมาติดๆและได้ฆ่าฟันพวกนั้นอยู่ข้างหลังเขา 14 ในการปะทะกันครั้งแรก พวกเขาสองคนฆ่าคนฟีลิสเตียตายประมาณยี่สิบคนในพื้นที่ประมาณสองไร่

15 จากนั้นทหารทั้งกองทัพของฟีลิสเตียก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น คือพวกที่อยู่ในค่าย ในสนามรบ พวกที่อยู่ตามป้อมต่างๆและพวกที่อยู่ในกองกำลังย่อย ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น มันเป็นความหวาดกลัวที่พระเจ้าส่งมา

16 พวกยามของซาอูลที่กิเบอาห์ในแผ่นดินเบนยามิน เห็นทหารฟีลิสเตียวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง 17 ซาอูลจึงพูดกับคนที่อยู่กับเขาว่า “เรียกพวกเรามารวมพลกันให้หมด และดูว่าใครหายไป”

เมื่อตรวจดูก็พบว่าโยนาธานและคนถืออาวุธของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น

18 ซาอูลจึงพูดกับอาหิยาห์ว่า “ให้นำเอโฟดมาที่นี่” (ในเวลานั้นอาหิยาห์ใส่เอโฟดยืนอยู่ต่อหน้าชาวอิสราเอล)[a] 19 ขณะที่ซาอูลกำลังพูดกับนักบวช เพื่อคอยคำแนะนำจากพระเจ้า ก็เกิดเสียงอึกทึกขึ้นในค่ายฟีลิสเตียและมันก็ดังขึ้นๆ ซาอูลจึงพูดกับนักบวชว่า “ไม่ต้องดึงสลากจากเอโฟดเพื่อถามพระยาห์เวห์แล้ว ไม่มีเวลาแล้ว”[b]

20 ดังนั้นซาอูลและประชาชนที่อยู่กับเขาจึงออกไปเพื่อจะรบ แต่พวกเขากลับพบว่าคนฟีลิสเตียอยู่ในความสับสนถือดาบฆ่าฟันกันเอง 21 คนฮีบรูที่เดิมเคยอยู่กับคนฟีลิสเตียและพวกที่อยู่ในค่ายก็หันมาร่วมมือกับคนอิสราเอล มาอยู่ฝ่ายเดียวกับซาอูลและโยนาธาน 22 เมื่อคนอิสราเอลทั้งหมดที่หลบซ่อนอยู่ตามแถบเทือกเขาเอฟราอิมรู้ข่าวว่าคนฟีลิสเตียกำลังหนี พวกเขาก็เข้าร่วมรบ และไล่ล่าคนฟีลิสเตียอย่างดุเดือด

23 ในวันนั้นพระยาห์เวห์ได้ช่วยกู้คนอิสราเอลไว้ การสู้รบได้ขยายเลยเมืองเบธาเวนออกไป กองทัพทั้งหมดได้อยู่กับซาอูล ตอนนั้นเขามีทหารอยู่หนึ่งหมื่นคน การสู้รบได้ขยายไปทุกเมืองในแถบเนินเขาของเอฟราอิม[c]

ซาอูลทำความผิดอีกครั้ง

24 แต่ซาอูลได้ทำผิดอย่างใหญ่หลวงในวันนั้น[d] คนอิสราเอลทั้งเหน็ดเหนื่อยและหิวจัด เพราะซาอูลได้บังคับประชาชนให้สาบานว่า “ใครก็ตามที่กินอาหารก่อนค่ำและก่อนที่เราจะได้แก้แค้นศัตรูของเรา ขอให้ถูกสาปแช่ง” ดังนั้นจึงไม่มีใครในกองทัพได้กินอาหารเลย

25 ฝ่ายกองทัพได้เข้าไปในป่า และได้พบรังผึ้งอยู่บนพื้น 26 เมื่อพวกเขาเข้าไปในป่า ก็เห็นน้ำผึ้งกำลังไหลออกจากรัง แต่ไม่มีใครเอามือไปรองน้ำผึ้งมากิน เพราะพวกเขากลัวคำสาบาน 27 แต่โยนาธานไม่รู้เรื่องที่ซาอูลพ่อของเขาบังคับให้ประชาชนสาบาน เขาจึงใช้ปลายไม้เท้าที่ถืออยู่ในมือแหย่เข้าไปในรังผึ้ง แล้วเอามือปาดน้ำผึ้งมาเข้าปาก ทำให้กลับมีเรี่ยวแรงขึ้น

28 ตอนนั้นมีทหารคนหนึ่งบอกเขาว่า “พ่อของท่านบังคับให้เหล่าทหารสาบานว่า ‘ใครที่กินอาหารวันนี้จะถูกสาปแช่ง’ นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ผู้คนอ่อนเพลีย”

29 โยนาธานพูดว่า “พ่อของเราได้ทำความลำบากแก่ผู้คนในประเทศแล้ว ดูซิว่าเราสดชื่นขึ้นขนาดไหน เมื่อเราได้ชิมน้ำผึ้งเพียงเล็กน้อย 30 มันจะดีแค่ไหนถ้าวันนี้ประชาชนได้กินอาหารที่พวกเขาริบมาจากศัตรู เราก็คงจะฆ่าพวกฟีลิสเตียได้มากกว่านี้อีกเยอะทีเดียว”

31 ในวันนั้นหลังจากที่คนอิสราเอลได้โจมตีคนฟีลิสเตีย จากเมืองมิคมาชไปจนถึงเมืองอัยยาโลน พวกเขาก็หมดเรี่ยวแรง 32 พวกเขาเข้ายึดข้าวของต่างๆ ริบเอาแกะ วัวตัวผู้และลูกวัวมา แล้วจัดการฆ่าบนพื้นและกินเป็นอาหารรวมทั้งกินเลือดด้วย

33 จากนั้นก็มีคนไปบอกซาอูลว่า “ดูซิ พวกทหารกำลังทำบาปต่อพระยาห์เวห์ด้วยการกินเนื้อที่ยังมีเลือดติดอยู่”

ซาอูลพูดว่า “พวกเจ้าได้ทำบาปแล้ว กลิ้งก้อนหินก้อนใหญ่มาที่นี่เดี๋ยวนี้” 34 จากนั้นเขาก็พูดอีกว่า “ไปแจ้งกับประชาชนทั้งหลายว่า ‘ให้แต่ละคนเอาวัวและแกะมาให้เรา แล้วฆ่าพวกมันกินกันที่นี่ อย่าทำบาปต่อพระยาห์เวห์ ด้วยการกินเนื้อสัตว์ที่ยังมีเลือดติดอยู่อีก’”

ดังนั้นทุกคนจึงเอาวัวของเขามาฆ่าที่นั่นในคืนนั้น 35 จากนั้นซาอูลได้สร้างแท่นบูชาต่อพระยาห์เวห์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำอย่างนี้

36 ซาอูลพูดว่า “ให้เราลงไปไล่ล่าคนฟีลิสเตียในคืนนี้จนถึงรุ่งเช้า ยึดข้าวของต่างๆของพวกมัน และอย่าปล่อยให้มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว”

ประชาชนก็พูดว่า “ทำตามที่ท่านเห็นว่าดีเถิด”

แต่นักบวชกลับพูดว่า “ให้เราถามพระเจ้าในที่นี้ดูก่อนเถอะ”

37 ดังนั้นซาอูลจึงถามพระเจ้าว่า “เราควรไล่ตามคนฟีลิสเตียหรือไม่ พระเจ้าจะให้พวกเขาตกอยู่ในกำมือของคนอิสราเอลหรือไม่” แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ตอบอะไรแก่ซาอูลในวันนั้น

38 ซาอูลจึงพูดว่า “ผู้นำของทหารทั้งหลายมาที่นี่เถอะ และค้นหาดูสิว่า ใครทำบาปในวันนี้ 39 เราขอสาบานต่อพระยาห์เวห์ ผู้ช่วยชีวิตคนอิสราเอล ถ้าแม้แต่โยนาธานลูกชายของเราเองทำบาป เขาก็ต้องตาย” ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

40 ซาอูลพูดกับคนอิสราเอลทั้งหมดว่า “พวกท่านทั้งหลายยืนอยู่ที่นั่น เราและลูกชายจะยืนอยู่ที่นี่”

ประชาชนก็ตอบว่า “ทำในสิ่งที่ท่านเห็นว่าดีเถิด”

41 จากนั้นซาอูลก็อธิษฐาน “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ได้โปรดตอบข้าพเจ้าผู้รับใช้ของพระองค์ในวันนี้ด้วยเถิด[e] ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ถ้าเป็นตัวข้าพเจ้าหรือโยนาธานลูกชายข้าพเจ้าที่ได้ทำบาป ก็ขอให้สลากออกมาเป็นอูริม แต่ถ้าอิสราเอลคนของพระองค์ได้ทำบาป ก็ขอให้สลากออกมาเป็นทูมมิม”

แล้วซาอูลและโยนาธานก็ถูกเลือก ประชาชนอื่นๆก็รอดไป 42 ซาอูลพูดว่า “โยนสลากอีกครั้งหนึ่ง ดูสิว่าระหว่างเรากับโยนาธานลูกของเรา ใครเป็นคนทำผิด” แล้วโยนาธานก็ถูกเลือก

43 แล้วซาอูลได้พูดกับโยนาธานว่า “บอกพ่อซิว่า เจ้าทำอะไรลงไป”

โยนาธานตอบว่า “ลูกเพียงแค่ชิมน้ำผึ้งที่ติดอยู่ที่ปลายไม้เท้าเท่านั้น ตอนนี้ ลูกก็พร้อมที่จะตายแล้ว”

44 ซาอูลพูดว่า “ขอพระเจ้าลงโทษเราอย่างหนักถ้าเราไม่รักษาคำพูด โยนาธาน เจ้าจะต้องตาย”

45 แต่ประชาชนพูดกับซาอูลว่า “โยนาธานสมควรจะตายอย่างนั้นหรือ เขาคือผู้นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่อิสราเอล ไม่มีทาง พระยาห์เวห์มีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า จะไม่มีผมสักเส้นบนหัวของเขาต้องตกพื้น เพราะเป็นพระเจ้าเองที่ช่วยเขาให้รบชนะในวันนี้” ดังนั้นประชาชนได้ช่วยชีวิตโยนาธานไว้ เขาจึงไม่ตาย

46 แล้วซาอูลได้หยุดติดตามคนฟีลิสเตีย และพวกเขาก็กลับไปยังแผ่นดินของตน

ซาอูลสู้กับศัตรูของอิสราเอล

47 หลังจากที่ซาอูลได้รับหน้าที่ปกครองอิสราเอล เขาได้สู้รบกับศัตรูที่อยู่รอบด้าน คือชาวโมอับ ชาวอัมโมน ชาวเอโดม พวกกษัตริย์ของโศบาห์ และชาวฟีลิสเตีย ไม่ว่าเขาจะหันไปทางไหน เขาก็มีชัยเหนือคนเหล่านั้น 48 เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญและทำให้พวกอามาเลคพ่ายแพ้ และช่วยคนอิสราเอลให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของคนเหล่านั้นที่เคยปล้นอิสราเอล

49 ซาอูลมีลูกชายคือโยนาธาน อิชวี และมัลคีชูวา ส่วนลูกสาวคนโตของเขาชื่อเมราบ และลูกสาวคนเล็กชื่อมีคาล 50 เมียของเขาชื่ออาหิโนอัมซึ่งเป็นลูกสาวของอาหิมาอัส

แม่ทัพของซาอูลคืออับเนอร์ลูกชายของเนอร์ เนอร์เป็นลุงของซาอูล 51 พ่อของซาอูลคือคีช และพ่อของอับเนอร์คือเนอร์ ทั้งคีชและเนอร์ต่างก็เป็นลูกของอาบีเอล

52 ตลอดชีวิตของซาอูล ได้ทำสงครามกับคนฟีลิสเตียอย่างหนัก และเมื่อซาอูลพบคนเก่งและกล้าหาญ ก็จะเอามาอยู่ด้วยกับเขา

Footnotes

  1. 14:18 ข้อนี้มาจากสำเนากรีกโบราณ แต่ฉบับฮีบรูที่นิยมใช้กัน เขียนว่า “ให้นำหีบของพระเจ้ามาที่นี่ เพราะว่าในเวลานั้นหีบนั้นได้อยู่กับคนอิสราเอล”
  2. 14:19 ไม่ต้องดึง … ไม่มีเวลาแล้ว แปลตรงๆได้ว่า “ดึงมือของเจ้าออกมาได้แล้ว”
  3. 14:23 กองทัพทั้งหมด … ของเอฟราอิม มาจากสำเนาแปลกรีกโบราณ
  4. 14:24 แต่ซาอูล … ในวันนั้น ประโยคนี้มาจากสำเนากรีกโบราณ
  5. 14:41 จากนั้นซาอูล … ในวันนี้ด้วยเถิด ประโยคนี้ พบในฉบับสำเนากรีกโบราณ ส่วนฉบับฮีบรูที่นิยมใช้ เขียนว่า “แล้วซามูเอลก็อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอลว่า ‘โปรดให้คำตอบที่ถูกต้อง’”

โยนาธานโจมตีชาวฟีลิสเตียพ่ายไป

14 วันหนึ่งโยนาธานบุตรของซาอูลพูดกับชายหนุ่มที่ถืออาวุธของท่านว่า “มาเถิด เราไปที่ด่านทหารชั้นนอกอีกฟากของชาวฟีลิสเตียกันเถิด” แต่ท่านไม่ได้บอกบิดาของท่านให้ทราบ ขณะนั้นซาอูลอยู่ที่ชายเมืองกิเบอาห์ ในถ้ำทับทิมที่มิโกรน มีทหารอยู่ด้วยประมาณ 600 คน คนที่อยู่ด้วยคืออาหิยาห์บุตรของอาหิทูบผู้เป็นพี่ชายของอีคาโบด อาหิทูบเป็นบุตรของฟีเนหัสบุตรของเอลีปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าที่เมืองชิโลห์ อาหิยาห์สวมชุดคลุมด้วย และไม่มีใครทราบว่าโยนาธานไปแล้ว ทั้งสองฟากของทางข้ามที่เนินเขา ที่โยนาธานตั้งใจจะข้ามไปยังด่านทหารชั้นนอกของฟีลิสเตียเป็นหน้าผา ผาหนึ่งมีชื่อว่า โบเซส อีกผาหนึ่งชื่อ เสเนห์ ผาหนึ่งหันไปด้านเหนือทางไปมิคมาช และอีกผาหันไปด้านใต้ทางไปเก-บา

โยนาธานพูดกับชายหนุ่มที่ถืออาวุธของท่านว่า “มาเถิด เราไปที่ด่านทหารชั้นนอกของคนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตพวกนั้นกันเถิด พระผู้เป็นเจ้าอาจจะกระทำบางสิ่งเพื่อเราก็ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะขวางกั้นพระผู้เป็นเจ้าไม่ให้ช่วยเรา ไม่ว่าจะเป็นคนจำนวนมากหรือน้อยก็ตาม” คนถืออาวุธของท่านพูดว่า “ท่านประสงค์สิ่งใด ท่านก็ดำเนินการไป ข้าพเจ้าขออยู่ติดตามท่านจนชีวิตจะหาไม่” โยนาธานพูดว่า “ถ้าฉะนั้นก็ตามมา เราจะข้ามไปทางที่พวกทหารอยู่ ให้เขาเห็นพวกเรา ถ้าพวกเขาพูดกับเราว่า ‘รออยู่ที่นั่นจนกว่าพวกเราจะมาหาเจ้า’ เราก็จะอยู่กับที่ และไม่ขึ้นไปถึงตัวพวกเขา 10 แต่ถ้าพวกเขาพูดว่า ‘ขึ้นมาหาเราได้’ เราก็จะปีนขึ้นไป เพราะเป็นสัญลักษณ์ให้เรารู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าได้มอบพวกเขาไว้ในมือของพวกเราแล้ว” 11 ดังนั้นทั้งสองคนจึงไปแสดงตนให้ชาวฟีลิสเตียเห็นที่ด่านทหารชั้นนอก พวกฟีลิสเตียพูดว่า “ดูสิ ชาวฮีบรูกำลังคลานออกมาจากรูที่ซ่อนตัว” 12 พวกทหารที่ด่านชั้นนอกตะโกนบอกโยนาธานและคนถืออาวุธว่า “ขึ้นมายังที่ของเราสิ แล้วเราจะสอนบทเรียนให้กับเจ้า” โยนาธานจึงพูดกับคนถืออาวุธว่า “ปีนตามเราขึ้นมา พระผู้เป็นเจ้าได้มอบพวกเขาไว้ในมือของอิสราเอลแล้ว” 13 โยนาธานใช้เท้าและมือปีนขึ้นไป คนถืออาวุธก็ตามหลังท่านอย่างใกล้ชิด พวกฟีลิสเตียถูกฆ่าและล้มตายอยู่เบื้องหน้าโยนาธาน และคนถืออาวุธของท่านตามอยู่ข้างหลังก็ได้ฆ่าทหารไปด้วย 14 การโจมตีครั้งแรกนั้น โยนาธานและคนถืออาวุธของท่านฆ่าทหารได้ประมาณ 20 คนที่อยู่ในเขตเนื้อที่ประมาณหนึ่งไร่เศษ 15 เป็นเหตุให้ทหารทั้งกองที่อยู่ทั้งในค่ายและในทุ่งนากลัว ด่านทหารชั้นนอกและแม้แต่ทหารกองปล้นก็ยังกลัวจนตัวสั่น เกิดแผ่นดินไหว ทำให้สถานการณ์เป็นที่น่าตกใจยิ่งนัก

16 ทหารยามของซาอูลที่กิเบอาห์ของเบนยามินมองเห็นคนจำนวนมากกำลังกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง 17 ซาอูลจึงพูดกับทหารที่อยู่กับท่านว่า “นับจำนวนคน ว่ามีใครไปจากเราบ้าง” เมื่อนับแล้ว ดูเถิด โยนาธานกับคนถืออาวุธของท่านไม่อยู่ที่นั่น 18 ซาอูลพูดกับอาหิยาห์ว่า “จงนำหีบของพระเจ้ามา” (ในเวลานั้นหีบของพระเจ้าอยู่กับชาวอิสราเอล) 19 ขณะที่ซาอูลกำลังพูดกับปุโรหิตอยู่ เสียงชุลมุนที่ค่ายชาวฟีลิสเตียก็ดังมากยิ่งขึ้น ดังนั้นซาอูลจึงพูดกับปุโรหิตว่า “ยั้งมือไว้ก่อน” 20 แล้วซาอูลกับพวกทหารของท่านก็ไปสู้รบ และพบว่าพวกฟีลิสเตียฟันดาบสู้กันเองด้วยความสับสนอลหม่าน 21 บรรดาชาวฮีบรูที่ก่อนหน้านั้นได้ไปร่วมพรรคกับพวกฟีลิสเตีย และขึ้นไปที่ค่ายของพวกเขาด้วย กลับมาสมทบกับชาวอิสราเอลที่อยู่กับซาอูลและโยนาธาน 22 ครั้นชาวอิสราเอลทั้งหมดที่ได้หลบซ่อนอยู่ในแถบภูเขาเอฟราอิมทราบว่าพวกฟีลิสเตียหนีเตลิดไป จึงรีบไล่ตามไปต่อสู้ด้วย 23 ฉะนั้นพระผู้เป็นเจ้าได้ช่วยอิสราเอลให้รอดพ้นในวันนั้น และการต่อสู้ครั้งนั้นไปไกลจนเลยเมืองเบธอาเวน

ซาอูลผลุนผลันสาบาน

24 ในวันนั้นชาวอิสราเอลสู้รบอย่างหนัก ซาอูลจึงทำให้ประชาชนถือคำสาบานว่า “ใครก็ตามรับประทานอาหารก่อนจะถึงเย็น และก่อนเราแก้แค้นพวกศัตรูของเรา ก็ขอให้ถูกสาปแช่ง” ดังนั้นจึงไม่มีทหารคนใดลิ้มรสอาหาร 25 ทหารทั้งกองไปถึงบริเวณป่า ที่นั่นมีน้ำผึ้งเรียงรายอยู่บนพื้นดิน 26 เมื่อพวกเขาเข้าไปในป่า ก็เห็นน้ำผึ้งกำลังไหลย้อย แต่ก็ไม่มีผู้ใดแตะเข้าปาก เพราะพวกเขากลัวคำสาบาน 27 แต่โยนาธานไม่ได้ยินว่าบิดาของท่านให้คำสาบานผูกมัดประชาชน ดังนั้นท่านจึงยื่นปลายไม้ที่อยู่ในมือท่านแหย่รวงผึ้ง แล้วมือก็แตะปาก และท่านก็รู้สึกกระชุ่มกระชวย 28 แล้วทหารคนหนึ่งบอกท่านว่า “บิดาของท่านให้คำสาบานผูกมัดกองทหารอย่างจริงจังว่า ‘ใครก็ตามรับประทานอาหารในวันนี้ ขอให้ถูกสาปแช่ง’” เหล่าทหารจึงได้อ่อนล้ากัน 29 โยนาธานพูดว่า “บิดาของเราได้ทำให้คนในแผ่นดินลำบาก เห็นไหมว่า เรากระชุ่มกระชวยปานใดหลังจากได้ชิมน้ำผึ้งเพียงนิดเดียว 30 ถ้าหากว่าวันนี้เหล่าทหารได้รับประทานสิ่งที่ริบมาจากพวกศัตรูแล้ว เขาจะรู้สึกดีกว่านี้เพียงไร และจะได้ฆ่าฟันชาวฟีลิสเตียมากกว่านี้ด้วย”

31 ในวันนั้น หลังจากที่ชาวอิสราเอลได้ฆ่าชาวฟีลิสเตียตั้งแต่มิคมาชจนถึงอัยยาโลนแล้ว พวกเขาจึงอ่อนล้ามาก 32 พวกเขาจึงตะครุบสิ่งที่ริบมาได้ และเอาแกะ โคและลูกโคมาฆ่าตรงพื้นดินและรับประทานเนื้อทั้งที่ยังมีเลือดติดอยู่[a] 33 คนหนึ่งพูดกับซาอูลว่า “ดูสิ พวกทหารกำลังกระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยการรับประทานเนื้อทั้งที่ยังมีเลือดติดอยู่” ซาอูลกล่าวว่า “พวกเจ้าฝืนกฎ จงกลิ้งหินก้อนใหญ่มานี่เดี๋ยวนี้” 34 และท่านกล่าวว่า “ออกไปบอกพวกทหารให้ทั่วหน้ากันว่า ให้แต่ละคนนำโคและแกะมาให้เรา ฆ่าสัตว์ที่นี่แล้วจึงรับประทานได้ อย่ากระทำบาปต่อพระผู้เป็นเจ้าด้วยการรับประทานเนื้อที่ยังมีเลือดติดอยู่” ดังนั้นทุกคนจึงนำโคของตนมาในเย็นวันนั้นและฆ่าสัตว์ที่นั่น[b] 35 แล้วซาอูลก็สร้างแท่นบูชาถวายแด่พระผู้เป็นเจ้า นับว่าเป็นครั้งแรกที่ท่านทำเช่นนั้น

36 ซาอูลกล่าวว่า “เราลงไปตามล่าพวกฟีลิสเตียเวลากลางคืน และจัดการทุกอย่างจนฟ้าสางกันเถิด อย่าปล่อยให้มีใครรอดสักคน” พวกทหารตอบว่า “กระทำตามที่ท่านเห็นว่าดีที่สุดเถิด” แต่ปุโรหิตพูดว่า “ให้พวกเราถามพระเจ้าที่นี่ก่อนเถิด” 37 ซาอูลจึงถามพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าควรจะลงไปตามล่าพวกฟีลิสเตียหรือไม่ พระองค์จะมอบไว้ในมือของอิสราเอลหรือไม่” แต่วันนั้นพระเจ้าไม่ได้ตอบท่าน 38 ซาอูลจึงพูดว่า “ท่านทุกคนที่เป็นผู้นำของประชาชนจงมาที่นี่เถิด เรามาดูกันว่า วันนี้ได้กระทำบาปอะไรบ้าง 39 ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ฉันใด พระองค์เป็นผู้ช่วยชีวิตของชาวอิสราเอล และถึงแม้ว่าจะเป็นโยนาธานบุตรของเรา เขาก็จะต้องตาย” แต่ไม่มีใครตอบท่านแม้แต่คนเดียว 40 ดังนั้นซาอูลจึงกล่าวแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงว่า “พวกท่านยืนอยู่ที่โน่น โยนาธานกับเราจะยืนอยู่ที่นี่” ประชาชนตอบว่า “กระทำตามที่ท่านเห็นว่าดีที่สุดเถิด” 41 ซาอูลจึงอธิษฐานต่อพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลว่า “โปรดให้คำตอบที่ถูกต้องแก่ข้าพเจ้าเถิด” เมื่อฉลากตกอยู่ที่โยนาธานและซาอูล และประชาชนรอดตัวไป 42 ซาอูลกล่าวว่า “จงใช้วิธีจับฉลากระหว่างเรากับโยนาธานบุตรของเรา” และฉลากตกอยู่ที่โยนาธาน

43 ซาอูลกล่าวกับโยนาธานว่า “บอกเรามาว่า เจ้ากระทำอะไรลงไป” โยนาธานจึงบอกท่านว่า “ข้าพเจ้าชิมน้ำผึ้งที่ปลายไม้นิดเดียวเท่านั้น ข้าพเจ้าต้องตายแล้วหรือ” 44 ซาอูลกล่าวว่า “โยนาธานเอ๋ย ถ้าเจ้าไม่ตาย ก็ขอให้พระเจ้ากระทำต่อเรายิ่งกว่านั้นเสียอีก” 45 แต่ประชาชนพูดกับซาอูลว่า “โยนาธานควรจะตายหรือ ท่านเป็นคนที่ช่วยอิสราเอลให้มีชัยอันใหญ่ยิ่งเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ามีชีวิตอยู่ ผมสักเส้นบนศีรษะของท่านก็จะไม่ร่วงลงพื้นหรอก เพราะวันนี้ท่านกระทำไปก็ด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า” ฉะนั้นประชาชนช่วยโยนาธานให้รอดตัวได้ และท่านไม่ตาย 46 และซาอูลหยุดตามล่าพวกฟีลิสเตีย พวกเขาจึงถอยกลับไปยังดินแดนของตน

47 เมื่อซาอูลได้ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลแล้ว ท่านได้ต่อสู้ศัตรูที่อยู่รอบด้านเช่น โมอับ ชาวอัมโมน เอโดม บรรดากษัตริย์แห่งโศบาห์ และพวกชาวฟีลิสเตีย ไม่ว่าท่านจะหันไปที่ไหน ท่านก็ทำให้คนเหล่านั้นเป็นทุกข์ 48 ท่านต่อสู้อย่างกล้าหาญ และตีพวกอามาเลขให้พ่ายแพ้ไป และช่วยอิสราเอลให้พ้นจากมือของพวกที่เคยปล้นระดมพวกเขา

49 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อบุตรของซาอูล โยนาธาน อิชวี มัลคีชูวา ธิดาหัวปีชื่อเมราบ และธิดาคนเล็กชื่อมีคาล 50 ภรรยาของท่านชื่ออาหิโนอัมบุตรีของอาหิมาอัส ผู้บังคับกองพันทหารของซาอูลชื่ออับเนอร์บุตรของเนอร์ และเนอร์เป็นลุงของซาอูล 51 คีชเป็นบิดาของซาอูล เนอร์เป็นบิดาของอับเนอร์ คีชและเนอร์เป็นบุตรของอาบีเอล

52 มีการต่อสู้อย่างรุนแรงกับชาวฟีลิสเตียตลอดทั้งชีวิตของซาอูล เมื่อใดที่ซาอูลเล็งเห็นชายผู้เก่งกล้าและกล้าหาญ ท่านก็จะเรียกให้เขาเข้าไปรับใช้อย่างใกล้ชิด

Footnotes

  1. 14:32 ปฐมกาล 9:4; เลวีนิติ 7:26,27
  2. 14:34 สัตว์ถูกฆ่าบนก้อนหินใหญ่ เพื่อให้เลือดไหลออกจากตัวสัตว์ให้หมด