Add parallel Print Page Options

24 แล้วโยชูวาก็ได้รวบรวมชาวอิสราเอลทุกเผ่ามาที่เชเคม เขาได้เรียกพวกผู้อาวุโส พวกผู้นำ พวกผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของอิสราเอลมา ทั้งหมดได้มายืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า

โยชูวาได้พูดกับประชาชนทั้งหมดว่า “นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของชาวอิสราเอลพูด ‘ในอดีตนานมาแล้ว บรรพบุรุษของพวกเจ้า รวมทั้งเทราห์พ่อของอับราฮัมและนาโฮร์ ได้อาศัยอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและได้รับใช้พระอื่นๆ

แต่เราได้นำบรรพบุรุษของพวกเจ้าคือ อับราฮัม มาจากฝั่งโน้นของแม่น้ำยูเฟรติส และเราได้นำเขาไปทั่วแผ่นดินคานาอัน และให้เขามีลูกหลานมากมาย เราให้ลูกชายแก่เขาคืออิสอัค และเราได้ให้ยาโคบ และเอซาวกับอิสอัค เราให้แถบเนินเขาเสอีร์กับเอซาว แต่ยาโคบกับลูกหลานของเขาได้ลงไปที่ประเทศอียิปต์

ต่อจากนั้น เราจึงส่งโมเสสกับอาโรนมา และเราได้ทำให้เกิดความทุกข์อย่างใหญ่หลวงกับประชาชนอียิปต์ ด้วยสิ่งที่เราได้ทำลงไปในประเทศนั้น และหลังจากนั้นเราได้นำพวกเจ้าออกมา เมื่อเรานำบรรพบุรุษของเจ้าออกจากประเทศอียิปต์ พวกเจ้าก็มาถึงทะเล และชาวอียิปต์ได้ไล่ล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้ามา ด้วยรถรบ และพลทหารม้า จนมาถึงทะเลแดง เมื่อบรรพบุรุษของเจ้าได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ เราจึงเอาความมืดใส่ไว้ระหว่างพวกเจ้ากับชาวอียิปต์ และทำให้น้ำทะเลท่วมพวกอียิปต์จนมิด และสายตาของพวกเจ้าก็ได้เห็นสิ่งที่เราได้ทำต่อชาวอียิปต์ แล้วพวกเจ้าก็ได้อาศัยอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลานาน จากนั้น เราได้นำพวกเจ้ามาถึงแผ่นดินของคนอาโมไรต์ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน คนอาโมไรต์ได้ต่อสู้กับพวกเจ้า แต่เราได้มอบพวกเขาไว้ในมือเจ้า เราได้ทำลายพวกเขาไปต่อหน้าเจ้า และเจ้าก็ได้ยึดครองแผ่นดินของพวกเขา

แล้วกษัตริย์บาลาคลูกชายของศิปโปร์แห่งเมืองโมอับได้ตระเตรียมที่จะสู้รบกับชาวอิสราเอล เขาใช้บาลาอัมลูกชายของเบโอร์มาสาปแช่งพวกเจ้า 10 แต่เราไม่ฟังบาลาอัม ดังนั้นเขาจึงได้อวยพรพวกเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า เราได้ช่วยเหลือพวกเจ้าให้รอดพ้นจากอำนาจของเขา

11 เมื่อพวกเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนและมาถึงเมืองเยริโค ชาวเมืองเยริโคได้ต่อสู้กับเจ้า เหมือนกับคนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนเกอร์กาชี คนฮีไวต์ และคนเยบุส และเราได้มอบพวกเขาไว้ในมือของพวกเจ้า 12 เราได้ส่งตัวแตน[a] นำหน้าพวกเจ้า และพวกมันได้ขับไล่กษัตริย์ชาวอาโมไรต์สองคนนั้นออกไปต่อหน้าเจ้า ที่เจ้าชนะนั้นไม่ใช่เป็นเพราะคมดาบหรือธนูของเจ้าหรอก

13 เราได้ยกแผ่นดินซึ่งเจ้าไม่ได้แผ้วถางและยกเมืองต่างๆซึ่งเจ้าไม่ได้สร้างให้กับพวกเจ้า และให้พวกเจ้าได้อยู่อาศัย พวกเจ้ากินผลไม้จากสวนองุ่นและสวนมะกอกเทศ ที่พวกเจ้าไม่ได้ปลูก’

14 อย่างนั้น ให้ยำเกรงพระยาห์เวห์ และรับใช้พระองค์อย่างจริงใจและสัตย์ซื่อ ให้ทิ้งพระทั้งหลายที่บรรพบุรุษของเจ้าเคยรับใช้ ตอนอยู่อีกฝากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและในประเทศอียิปต์ แล้วให้หันมารับใช้พระยาห์เวห์แทน

15 ถ้าพวกท่านไม่อยากรับใช้พระยาห์เวห์ ก็ให้เลือกเอาในวันนี้ว่า พวกท่านจะรับใช้ใคร จะเป็นพวกพระที่บรรพบุรุษของท่านเคยรับใช้ตอนที่อยู่อีกฝากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส หรือจะเป็นพวกพระของคนอาโมไรต์ที่เคยอยู่ในแผ่นดินนี้ที่ท่านกำลังอาศัยอยู่ แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า จะรับใช้พระยาห์เวห์”

16 แล้วประชาชนได้ตอบไปว่า “พวกเราจะไม่มีวันละทิ้งพระยาห์เวห์เพื่อไปรับใช้พระอื่นอย่างเด็ดขาด 17 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราคือ ผู้ที่ได้นำพวกเราและบรรพบุรุษของเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ที่เราเคยเป็นทาสนั้น และพระองค์คือ ผู้ที่ได้ทำสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆอันยิ่งใหญ่ต่อสายตาของพวกเรา และคุ้มครองพวกเราตลอดทางที่พวกเราไป และปกป้องพวกเราจากชนชาติต่างๆที่พวกเราเดินผ่านดินแดนของพวกเขานั้น 18 พระยาห์เวห์ได้ขับไล่ชนชาติทั้งหลายให้พ้นไปต่อหน้าพวกเรา รวมทั้งชาวอาโมไรต์ผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินนี้ อย่างนั้น พวกเราก็จะรับใช้พระยาห์เวห์เหมือนกัน เพราะพระองค์คือพระเจ้าของพวกเรา”

19 แล้วโยชูวาก็พูดกับประชาชนว่า “พวกท่านไม่สามารถรับใช้พระยาห์เวห์ได้ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระเจ้าที่หึงหวง พระองค์จะไม่อภัยต่อการกบฏของพวกท่านและบาปทั้งหลายของพวกท่าน 20 ถ้าท่านทั้งหลายละทิ้งพระยาห์เวห์และไปรับใช้พระอื่นๆ พระองค์จะหันมาและจะนำความหายนะมาสู่พวกท่าน และจะทำลายพวกท่าน แม้ว่าพระองค์เคยทำดีกับพวกท่านมาก่อนก็ตาม”

21 ประชาชนจึงพูดกับโยชูวาว่า “ไม่หรอก เราจะรับใช้พระยาห์เวห์”

22 โยชูวาจึงพูดกับประชาชนว่า “ให้พวกท่านเป็นพยานต่อตัวเองว่า พวกท่านได้เลือกที่จะรับใช้พระยาห์เวห์”

พวกเขาก็พูดว่า “เราเป็นพยาน”

23 ดังนั้น โยชูวาจึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น ให้โยนพวกพระอื่นๆที่ยังอยู่ท่ามกลางพวกท่านทิ้งไปเดี๋ยวนี้ และให้หันจิตใจของพวกท่านเข้าหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล”

24 ประชาชนพูดกับโยชูวาว่า “เราจะรับใช้พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา และเชื่อฟังพระองค์”

25 โยชูวาจึงได้ทำข้อตกลงกับประชาชนในวันนั้น เขาได้วางกฎเกณฑ์และกฎหมายให้กับพวกเขาที่เมืองเชเคม 26 โยชูวาได้บันทึกข้อความเหล่านี้ลงในหนังสือกฎของพระเจ้า และได้เอาก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งมาตั้งไว้ใต้ต้นก่อ ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์

27 แล้วโยชูวาได้พูดกับประชาชนทั้งหมดว่า “ดูเถิด ก้อนหินนี้จะเป็นพยานฟ้องพวกเรา เพราะมันได้ยินทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ได้พูดกับพวกเรานี้ ดังนั้น มันจะเป็นพยานฟ้องพวกท่าน ถ้าพวกท่านกบฏต่อพระเจ้าของพวกท่าน”

28 แล้วโยชูวาก็ส่งประชาชนกลับไปยังดินแดนที่เป็นมรดกของพวกเขาแต่ละคน

การตายของโยชูวา

29 หลังจากนั้น โยชูวาลูกชายของนูนผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ก็ตาย เขามีอายุหนึ่งร้อยสิบปี 30 พวกเขาได้ฝังเขาไว้ในที่ดินที่เป็นมรดกของเขาที่เมืองทิมนาทเสราห์ ซึ่งอยู่ในแถบเนินเขาเอฟราอิม ทางทิศเหนือของยอดเขากาอัช

31 ชาวอิสราเอลได้รับใช้พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของโยชูวา และตลอดสมัยของพวกผู้อาวุโสที่มีอายุยืนยาวกว่าโยชูวา พวกผู้อาวุโสเหล่านี้ได้รู้เห็นถึงผลงานทุกอย่างที่พระยาห์เวห์ได้ทำให้กับคนอิสราเอลนั้น

โยเซฟกลับบ้าน

32 กระดูกของโยเซฟที่ชาวอิสราเอลนำกลับมาจากอียิปต์ถูกฝังอยู่ที่เมืองเชเคม ในที่ดินที่ยาโคบได้ซื้อมาจากลูกหลานของฮาโมร์ผู้เป็นพ่อของเชเคม ด้วยแผ่นเงินหนึ่งร้อยชิ้น[b] ที่ดินแห่งนั้นได้ตกเป็นมรดกของลูกหลานโยเซฟ

33 เอเลอาซาร์ลูกชายของอาโรนก็ตายและถูกฝังไว้ที่กิเบอาห์ ซึ่งเป็นเมืองในแถบเนินเขาเอฟราอิม เป็นเมืองที่ได้มอบไว้ให้แก่ฟีเนหัสลูกชายของเขา

Footnotes

  1. 24:12 ตัวแตน แมลงชนิดหนึ่งต่อยได้เหมือนกับตัวต่อขนาดใหญ่หรือผึ้ง ในที่นี้อาจหมายถึงทูตสวรรค์ของพระเจ้าหรือพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์
  2. 24:32 แผ่นเงินหนึ่งร้อยชิ้น ในภาษาฮีบรู เคสิทาห์คือหน่วยเงินที่แทนจำนวนที่ไม่รู้ค่าเรื่องน้ำหนักหรือราคา

พันธสัญญาที่เชเคม

24 โยชูวาเรียกประชุมทุกเผ่าของอิสราเอลที่เชเคม และเรียกบรรดาผู้ใหญ่ หัวหน้า ผู้ตัดสินความ และเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลมา และเขาทั้งหลายแสดงตัว ณ เบื้องหน้าพระเจ้า โยชูวาพูดกับทุกคนว่า “พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวว่า ‘เมื่อกาลก่อน บรรพบุรุษของพวกเจ้า รวมทั้งเทราห์บิดาของอับราฮัมและนาโฮร์อาศัยอยู่ที่โพ้นแม่น้ำยูเฟรติส[a] และเขาเหล่านั้นบูชาเทพเจ้าอื่นๆ เราจึงได้ให้อับราฮัมบิดาของเจ้าออกมาจากโพ้นแม่น้ำ และนำเขาผ่านทั่วแผ่นดินคานาอันมา ให้เขามีผู้สืบเชื้อสายมากมาย เราให้อิสอัคแก่เขา เราให้ยาโคบและเอซาวแก่อิสอัค และเราให้เอซาวเป็นเจ้าของดินแดนแถบภูเขาเสอีร์ ส่วนยาโคบกับลูกหลานของเขาลงไปยังประเทศอียิปต์ จากนั้นเราใช้โมเสสและอาโรนไป และเราทำให้ชาวอียิปต์ประสบภัยพิบัติที่เกิดขึ้นที่นั่น แล้วเราก็นำพวกเจ้าออกมา

เรานำบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์ และพวกเขามาถึงทะเล ชาวอียิปต์พร้อมกับรถศึกและทหารม้าตามล่าบรรพบุรุษของพวกเจ้าไปจนถึงทะเลแดง เมื่อพวกเขาร้องขอให้พระผู้เป็นเจ้าช่วยเหลือ พระองค์ก็ทำให้เกิดความมืดระหว่างพวกเจ้าและชาวอียิปต์ พระองค์ทำให้น้ำไหลท่วมตัวพวกเขาจนมิด พวกเจ้าเห็นด้วยตาของเจ้าเองว่าเราได้กระทำอะไรต่อชาวอียิปต์ แล้วพวกเจ้าก็อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลานาน เรานำพวกเจ้าออกมายังแผ่นดินของชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ที่ทางด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาต่อสู้กับเจ้า แต่เราก็มอบเขาไว้ในมือของพวกเจ้า เราทำให้เขาพินาศไปต่อหน้าพวกเจ้า แล้วเจ้าจึงได้ยึดครองแผ่นดิน และบาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับลุกขึ้นต่อสู้กับอิสราเอล เขาขอให้บาลาอัมบุตรเบโอร์ไปสาปแช่งพวกเจ้า 10 แต่เราไม่ฟังบาลาอัม เขาจึงอวยพรพวกเจ้า ฉะนั้นเราจึงช่วยพวกเจ้าให้หลุดพ้นจากมือของเขา[b] 11 พวกเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังเยรีโค และเหล่าหัวหน้าของเยรีโคต่อสู้กับพวกเจ้า และอีกทั้งชาวอาโมร์ ชาวเปริส ชาวคานาอัน ชาวฮิต ชาวเกอร์กาช ชาวฮีว และชาวเยบุสด้วย และเรามอบเขาเหล่านั้นไว้ในมือของพวกเจ้า 12 และเราส่งฝูงแตนไปล่วงหน้าเจ้า ขับไล่กษัตริย์ทั้งสองของชาวอาโมร์ไปให้พ้นทางเจ้า มิใช่ด้วยดาบหรือธนูของเจ้า[c] 13 เราให้แผ่นดินแก่เจ้า ซึ่งไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเจ้าเอง เราให้เมืองที่เจ้าไม่ได้สร้างขึ้นเอง และพวกเจ้าก็อาศัยอยู่ได้ เจ้ากินผลจากสวนองุ่นและสวนมะกอกที่พวกเจ้าไม่ได้ปลูกเอง’

14 บัดนี้จงเกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า และรับใช้พระองค์ด้วยใจจริงและความภักดี จงกำจัดบรรดาเทวรูปที่บรรพบุรุษของพวกท่านรับใช้ที่โพ้นแม่น้ำและในประเทศอียิปต์ และจงรับใช้พระผู้เป็นเจ้า 15 และถ้าท่านเห็นว่าการรับใช้พระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งไม่ดี ท่านก็จงเลือกในวันนี้ว่า ท่านจะรับใช้ผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นเทพเจ้าที่บรรพบุรุษของท่านรับใช้ที่โพ้นแม่น้ำ หรือบรรดาเทพเจ้าของชาวอาโมร์ในแผ่นดินที่ท่านอาศัยอยู่ แต่สำหรับข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า พวกเราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า

16 แล้วประชาชนตอบว่า “ไม่มีวันที่เราจะทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า เพื่อไปรับใช้เทพเจ้าอื่นๆ 17 เพราะพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเราเป็นผู้นำพวกเราและบรรพบุรุษของเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ ออกมาจากเรือนทาส พระองค์แสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์ให้พวกเราเห็น และคุ้มครองเรามาโดยตลอดทางและในท่ามกลางชนชาติทั้งปวงที่เราเดินทางผ่านมา 18 และพระผู้เป็นเจ้าขับไล่ชนชาติทั้งปวงไปให้พ้นหน้าพวกเรา คือชาวอาโมร์ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ฉะนั้นพวกเราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วย เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของเรา”

19 แต่โยชูวาพูดกับประชาชนว่า “ท่านไม่สามารถรับใช้พระผู้เป็นเจ้าได้ เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าบริสุทธิ์ พระองค์เป็นพระเจ้าผู้หวงแหน พระองค์จะไม่ยกโทษการล่วงละเมิดหรือบาปของพวกท่าน 20 ถ้าท่านทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า และไปบูชาบรรดาเทพเจ้าต่างชาติ พระองค์ก็จะหันกลับและให้สิ่งร้ายๆ เกิดขึ้นกับท่าน และเผาผลาญท่านเสีย แม้ว่าพระองค์ได้กระทำดีต่อท่านมาแล้วก็ตาม” 21 และประชาชนพูดกับโยชูวาว่า “เราไม่เป็นเช่นนั้น แต่เราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า 22 แล้วโยชูวาพูดกับประชาชนว่า “พวกท่านให้คำพยานด้วยตนเองว่า ท่านได้เลือกพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับใช้พระองค์” และเขาทั้งหลายพูดว่า “พวกเราเป็นพยาน” 23 ท่านพูดว่า “ฉะนั้นแล้ว ท่านจงกำจัดเทวรูปของชาวต่างชาติที่อยู่ในหมู่พวกท่านเสีย และน้อมใจของท่านเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอล” 24 และประชาชนพูดกับโยชูวาว่า “พวกเราจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเรา และเราจะเชื่อฟังพระองค์” 25 ดังนั้น โยชูวาจึงทำพันธสัญญากับประชาชนในวันนั้น และวางกฎเกณฑ์และข้อกำหนดให้พวกเขาที่เชเคม 26 โยชูวาเขียนคำเหล่านี้ลงในหนังสือกฎบัญญัติของพระเจ้า และท่านเอาก้อนหินใหญ่ตั้งไว้ใต้ต้นโอ๊กที่อยู่ข้างที่พำนักของพระผู้เป็นเจ้า 27 และโยชูวาพูดกับประชาชนทั้งปวงว่า “ดูเถิด หินก้อนนี้จะเป็นพยานให้แก่พวกเรา เนื่องจากได้ยินทุกคำของพระผู้เป็นเจ้าที่กล่าวแก่พวกเราแล้ว ฉะนั้นหินก้อนนี้จะเป็นพยานท่ามกลางพวกท่าน เกรงว่าพวกท่านไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าของท่าน” 28 ดังนั้น โยชูวาจึงให้ประชาชนกลับไป แต่ละคนไปยังดินแดนที่ตนได้รับเป็นมรดก

โยชูวาสิ้นชีวิต

29 หลังจากนั้น โยชูวาบุตรของนูนผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าก็สิ้นชีวิต มีอายุ 110 ปี 30 เขาทั้งหลายฝังท่านไว้ในดินแดนที่ท่านได้รับเป็นมรดกที่ทิมนาทเสราห์ ซึ่งอยู่ในแถบภูเขาแห่งเอฟราอิม ทางทิศเหนือของภูเขากาอัช

31 อิสราเอลรับใช้พระผู้เป็นเจ้าตลอดชีวิตของโยชูวา และตลอดชีวิตของบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ที่มีอายุยืนกว่าโยชูวา และมีประสบการณ์กับทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้ากระทำเพื่ออิสราเอล

32 กระดูกของโยเซฟที่ชาวอิสราเอลนำขึ้นมาจากอียิปต์นั้น พวกเขาก็ฝังไว้ที่เชเคม บนผืนดินที่ยาโคบซื้อไว้จากบรรดาบุตรของฮาโมร์บิดาของเชเคม เป็นจำนวน 100 เหรียญเงิน[d] ที่ดินนี้ตกเป็นมรดกของบรรดาผู้สืบเชื้อสายของโยเซฟ

33 และเอเลอาซาร์บุตรของอาโรนก็สิ้นชีวิต และเขาทั้งหลายฝังท่านไว้ที่กิเบอาห์ซึ่งอยู่ในแถบภูเขาแห่งเอฟราอิม และมอบไว้ให้แก่ฟีเนหัสบุตรของท่าน

ฟื้นฟูพันธสัญญาที่เชเคม

24 แล้วโยชูวาจึงเรียกอิสราเอลทุกเผ่าที่เชเคม พร้อมทั้งบรรดาผู้อาวุโส ผู้นำ ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลมาเข้าเฝ้าต่อหน้าพระเจ้า

โยชูวากล่าวแก่ประชากรทั้งปวงดังนี้ “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘นานมาแล้วบรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลาย รวมทั้งเทราห์บิดาของอับราฮัมและนาโฮร์อาศัยอยู่ฟากข้างโน้นของแม่น้ำยูเฟรติสและนมัสการพระอื่นๆ แต่เราได้พาอับราฮัมบิดาของเจ้าจากดินแดนนั้น ข้ามแม่น้ำยูเฟรติสมายังดินแดนคานาอัน และให้เขามีลูกหลานมากมาย เราให้อิสอัคแก่เขา และเราให้ยาโคบกับเอซาวแก่อิสอัค เรายกดินแดนแถบภูเขาเสอีร์ให้แก่เอซาว ส่วนยาโคบกับลูกๆ ไปยังอียิปต์

“ ‘แล้วเราส่งโมเสสกับอาโรนไป เราลงโทษชาวอียิปต์ด้วยภัยพิบัติต่างๆ ที่เราทำ และนำพวกเจ้าออกมา เมื่อเรานำบรรพบุรุษของเจ้าออกจากอียิปต์มาถึงทะเลแดง[a] และรถม้าศึกกับเหล่าทหารม้า[b]ของชาวอียิปต์ไล่ล่าพวกเขามาจนถึงทะเลนั้น พวกเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ก็ทรงบันดาลความมืดกั้นระหว่างพวกเจ้ากับชาวอียิปต์ พระองค์ให้ทะเลถาโถมเข้าใส่พวกเขา เจ้าทั้งหลายได้เห็นสิ่งที่เราทำแก่ชาวอียิปต์กับตา จากนั้นพวกเจ้าอาศัยอยู่ในถิ่นกันดารเป็นเวลานาน

“ ‘เราได้นำเจ้าทั้งหลายมายังดินแดนของชาวอาโมไรต์ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน เขาสู้รบกับเจ้า แต่เรามอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า เราทำลายพวกเขาให้พ้นหน้าเจ้า และเจ้าเข้ายึดครองดินแดนของพวกเขา เมื่อบาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับเตรียมสู้รบกับอิสราเอล เขาได้เรียกบาลาอัมบุตรเบโอร์มาแช่งเจ้า 10 แต่เราไม่ฟังบาลาอัม ดังนั้นเขาจึงอวยพรเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า และเรากอบกู้เจ้าจากเงื้อมมือของเขา

11 “ ‘จากนั้นเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนมายังเยรีโค ชาวเยรีโคสู้กับเจ้า เช่นเดียวกับชาวอาโมไรต์ เปริสซี คานาอัน ฮิตไทต์ เกอร์กาชี ฮีไวต์ และเยบุส แต่เรามอบเขาไว้ในมือของเจ้า 12 เราส่งฝูงต่อล่วงหน้าเจ้าไป เพื่อขับไล่พวกเขารวมทั้งกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ทั้งสององค์ออกไปให้พ้นหน้าเจ้า เจ้าชนะได้ไม่ใช่ด้วยดาบหรือธนูของเจ้าเอง 13 เรายกที่ดินที่เจ้าไม่ได้ลงแรง ยกเมืองที่เจ้าไม่ได้สร้างให้แก่เจ้า ซึ่งเจ้าอาศัยอยู่ขณะนี้ และกินผลองุ่นและมะกอกที่เจ้าไม่ได้ปลูก’

14 “ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและปรนนิบัติพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์ทุกประการ จงกำจัดพระทั้งหลายซึ่งบรรพบุรุษของท่านนมัสการที่ฟากโน้นของแม่น้ำยูเฟรติสและในอียิปต์ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า 15 แต่หากท่านไม่เต็มใจที่จะปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็จงเลือกในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติใคร จะเป็นพระต่างๆ ซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติที่ฟากข้างโน้นของแม่น้ำยูเฟรติส หรือพระต่างๆ ของชาวอาโมไรต์ในดินแดนซึ่งท่านอาศัยอยู่ขณะนี้ แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเองกับครอบครัวจะปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า”

16 ประชากรจึงตอบว่า “ขอให้การนั้นห่างไกลจากเราเถิด เราจะไม่ทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าไปปรนนิบัติพระอื่น! 17 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา พระองค์เองนี่แหละคือผู้ที่นำเราและบรรพบุรุษของเราออกมาจากอียิปต์ จากดินแดนแห่งความเป็นทาส ทรงกระทำหมายสำคัญอันยิ่งใหญ่เหล่านั้นต่อหน้าต่อตาเรา พระองค์ทรงปกป้องคุ้มครองเราตลอดการเดินทางและจากชนชาติต่างๆ 18 และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ชนชาติทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้รวมทั้งชาวอาโมไรต์ออกไป เราก็จะรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นกันเพราะพระองค์แต่ผู้เดียวเป็นพระเจ้าของเรา”

19 โยชูวาตอบเหล่าประชากรว่า “ท่านไม่สามารถปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้หึงหวง พระองค์จะไม่ทรงอภัยการกบฏและบาปของท่าน 20 หากท่านละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าไปปรนนิบัติพระต่างด้าว พระองค์จะทรงหันกลับและนำภัยพิบัติมาเหนือท่านและทำลายท่านหมดสิ้น แม้ว่าพระองค์ทรงดีต่อท่านตลอดมาก็ตาม”

21 แต่เหล่าประชากรกล่าวกับโยชูวาว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น! เราจะปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า”

22 แล้วโยชูวาจึงกล่าวว่า “ท่านเป็นพยานผูกมัดตัวเองแล้วนะว่าท่านเลือกที่จะปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า” เขาตอบว่า “ถูกแล้ว เราเป็นพยาน”

23 โยชูวากล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นจงทิ้งพระต่างด้าวทั้งปวงซึ่งอยู่ท่ามกลางท่าน และมอบจิตใจของท่านแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลเถิด”

24 เหล่าประชากรกล่าวกับโยชูวาว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราและเชื่อฟังพระองค์”

25 ในวันนั้น โยชูวาจึงทำพันธสัญญาสำหรับเหล่าประชากร และเขาเขียนกฎหมายและบทบัญญัติให้พวกเขาที่เชเคม 26 โยชูวายังได้บันทึกสิ่งเหล่านี้ลงในหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า และกลิ้งหินก้อนใหญ่มาตั้งขึ้นใต้ต้นโอ๊กข้างสถานบริสุทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

27 โยชูวากล่าวกับประชากรทั้งปวงว่า “ดูเถิด! หินก้อนนี้จะเป็นพยานผูกมัดเรา หินก้อนนี้ได้ยินทุกคำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเรา ฉะนั้นมันจะเป็นพยานผูกมัดท่าน หากท่านไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของท่าน”

การฝังศพในดินแดนแห่งพันธสัญญา(A)

28 จากนั้นโยชูวาจึงให้ประชากรแยกย้ายกันกลับไปยังดินแดนตามกรรมสิทธิ์ของตน

29 หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ โยชูวาบุตรนูนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสิ้นชีวิตลงเมื่ออายุได้ 110 ปี 30 และเขาถูกฝังไว้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ของเขาที่ทิมนาทเสราห์[c] ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมทางเหนือของภูเขากาอัช

31 อิสราเอลปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดช่วงอายุของโยชูวา และบรรดาผู้อาวุโสซึ่งอายุยืนกว่าโยชูวา และผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำเพื่ออิสราเอล

32 กระดูกของโยเซฟซึ่งชนอิสราเอลได้นำออกมาจากอียิปต์ถูกฝังไว้ที่เชเคม ในที่ดินซึ่งยาโคบซื้อมาจากบุตรของฮาโมร์บิดาของเชเคม ในราคาเงินหนึ่งร้อยแผ่น[d] ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกหลานเผ่าโยเซฟ

33 และเอเลอาซาร์บุตรของอาโรนก็สิ้นชีวิต และถูกฝังไว้ที่เมืองกิเบอาห์ ซึ่งแบ่งสรรให้แก่ฟีเนหัสบุตรของเขาในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม

Footnotes

  1. 24:6 คือ ทะเลต้นกก
  2. 24:6 หรือพลรถรบ
  3. 24:30 หรือทิมนาทเฮเรส(ดูวนฉ.2:9)
  4. 24:32 ภาษาฮีบรูว่า 100 เคสิทาห์ เคสิทาห์เป็นหน่วยเงินตราที่ไม่ทราบน้ำหนักหรือมูลค่า