Add parallel Print Page Options

อิสราเอลกบฏอยู่เรื่อยต่อพระเจ้าที่ดีกับพวกเขา

20 ในวันที่สิบของเดือนที่ห้า ปีที่เจ็ด[a] พวกผู้นำอาวุโสบางคนของอิสราเอลได้มาขอคำปรึกษาจากพระยาห์เวห์ พวกเขามานั่งลงตรงหน้าผม

แล้วคำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เจ้าลูกมนุษย์ ให้พูดกับพวกผู้นำอาวุโสของอิสราเอลอย่างนี้ว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อขอคำปรึกษากับเราหรือ เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะไม่ตอบคำถามของพวกเจ้า’” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น “เจ้าลูกมนุษย์ เจ้าจะดำเนินคดีต่อพวกเขาหรือ เจ้าจะดำเนินคดีต่อพวกเขาหรือ ถ้าอย่างนั้น ชี้ให้เขาเห็นการกระทำอันน่าขยะแขยงของบรรพบุรุษของพวกเขาสิ เจ้าต้องบอกกับพวกเขาว่า ‘นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ในวันที่เราได้เลือกอิสราเอล ตอนที่เราได้เปิดเผยตัวเองให้กับพวกเขารู้จักในแผ่นดินอียิปต์นั้น เราได้ยกมือขึ้นสาบานต่อพวกลูกหลานของยาโคบว่า “เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า” ในวันนั้นเราได้สาบานไว้กับพวกเขาว่า เราจะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ไปยังแผ่นดินที่เราได้ค้นหามาให้กับพวกเขา เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์[b] และสวยงามที่สุดในบรรดาดินแดนทั้งหลาย’”

และเราได้พูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าทุกคน ให้กำจัดรูปปั้นที่น่าขยะแขยง ที่เจ้าชอบมองเพื่อขอความช่วยเหลือจากมันนั้น อย่าทำตัวของพวกเจ้าให้แปดเปื้อนด้วยรูปเคารพทั้งหลายของอียิปต์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า” แต่พวกเขากลับกบฏต่อเราและไม่ยอมฟังเรา พวกเขาไม่ยอมโยนพวกรูปปั้นชั่วที่ขยะแขยงทิ้ง ที่พวกเขาจ้องมองเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น และไม่ยอมละทิ้งพวกรูปเคารพขี้ๆของอียิปต์ ดังนั้นเราจึงพูดว่า ‘เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขาและแสดงความโกรธใส่พวกเขาในแผ่นดินอียิปต์’ แต่เพื่อไม่ให้เราเสียชื่อ ต่อชนชาติทั้งหลายรอบข้าง ที่ได้เห็นเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราจึงไม่ได้ทำลายพวกเขา 10 เราได้นำชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ไปที่ทะเลทราย 11 เราได้ให้ข้อบังคับต่างๆของเรากับพวกเขา และให้พวกเขารู้จักกฎต่างๆของเรา เพราะคนเหล่านั้นที่เชื่อฟังกฎพวกนั้น จะมีชีวิตต่อไป 12 เรายังให้วันหยุดพักผ่อนต่างๆกับพวกเขา เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงสายสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน พวกเขาจึงรู้ว่าเราคือยาห์เวห์ที่ทำให้พวกเขาเป็นของเราโดยเฉพาะ

13 แต่ประชาชนชาวอิสราเอลได้กบฏต่อเราในทะเลทราย พวกเขาไม่ยอมทำตามข้อบังคับทั้งหลายของเรา พวกเขาไม่ยอมรับกฎต่างๆของเรา ทั้งๆที่การเชื่อฟังกฎเหล่านั้นทำให้มีชีวิต พวกเขาทำให้พวกวันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป เราจึงบอกว่า ‘เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขา และทำลายพวกเขาในทะเลทราย’ 14 แต่เพื่อไม่ให้เราเสียชื่อ ต่อชนชาติทั้งหลายที่ได้เห็นเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เราจึงไม่ได้ทำลายพวกเขา 15 ที่ทะเลทรายนั้น เราได้ยกมือขึ้นสาบานกับพวกเขาว่า ‘เราจะไม่นำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราสัญญาว่าจะให้กับพวกเขา ซึ่งเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามที่สุดในบรรดาแผ่นดินทั้งหมด’

16 เพราะพวกเขาไม่ยอมรับกฎต่างๆของเราและไม่ทำตามข้อบังคับของเรา และยังทำให้วันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย เพราะพวกเขาได้มอบใจของพวกเขาให้กับพวกรูปเคารพทั้งหลายเหล่านั้นไป 17 แต่เราได้มองดูพวกเขาด้วยความสงสารและไม่ได้ทำลายพวกเขาหรือทำให้พวกเขาจบสิ้นไปที่ทะเลทรายนั้น 18 เราได้พูดกับลูกๆของพวกเขาในทะเลทรายว่า ‘อย่าทำตามข้อบังคับต่างๆของพวกพ่อเจ้า อย่ารักษากฎทั้งหลายของพวกเขา อย่าทำตัวของพวกเจ้าให้แปดเปื้อนไปด้วยรูปเคารพของพวกเขา 19 เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ให้ทำตามข้อบังคับของเรา และให้รักษากฎของเราอย่างเคร่งครัด 20 ให้รักษาพวกวันหยุดพักผ่อนที่เราให้กับเจ้าไว้ให้ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นสิ่งเตือนใจให้ระลึกถึงสายสัมพันธ์ที่เรามีต่อกัน แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า’

21 แต่ลูกๆพวกนั้นได้กบฏต่อเราอีก พวกเขาไม่ยอมทำตามข้อบังคับทั้งหลายของเรา พวกเขาไม่ได้รักษากฎของเราอย่างเคร่งครัด ทั้งๆที่การเชื่อฟังกฎเหล่านั้นทำให้มีชีวิต พวกเขายังทำให้วันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ด้วย ดังนั้น เราจึงบอกว่า ‘เราจะเทความเดือดดาลของเราลงบนพวกเขา และแสดงความโกรธใส่พวกเขาในทะเลทราย’ 22 แต่เราได้ยั้งมือไว้ เพื่อไม่ให้เราเสียชื่อต่อชนชาติทั้งหลายที่ได้เห็นเรานำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 23 ที่ทะเลทรายนั้น เราได้ยกมือขึ้นสาบานกับพวกเขาว่า ‘เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปอยู่ตามชนชาติต่างๆและทำให้พวกเขาแตกกระเจิงไปอยู่ตามประเทศทั้งหลาย’

24 เพราะพวกเขาไม่ยอมเชื่อฟังกฎต่างๆของเรา พวกเขาไม่ยอมรับข้อบังคับต่างๆของเรา และยังทำให้วันหยุดพักผ่อนที่เราให้เขาเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ไป สายตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่พวกรูปเคารพของบรรพบุรุษของพวกเขา 25 ดังนั้นเราจึงให้กฎระเบียบที่ห่วยๆกับพวกเขาและให้กฎที่ไม่สามารถช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอดได้ 26 เราทำให้พวกเขาแปดเปื้อนไป ด้วยของถวายของพวกเขาเอง คือการสังเวยลูกชายหัวปี เพื่อเราจะได้ทำลายพวกเขาและให้พวกเขารู้ว่าเราคือยาห์เวห์ 27 ดังนั้น เจ้าลูกมนุษย์ ให้บอกกับประชาชนชาวอิสราเอลว่า นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูด ‘พวกพ่อของเจ้าได้ทรยศเรา ซึ่งเป็นการลบหลู่เรา 28 เราได้นำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินที่เราได้สาบานไว้ว่าจะให้กับพวกเขา แต่พอพวกเขาเห็นเนินเขาสูงลูกใดหรือต้นไม้ต้นไหนที่ให้ร่มเงา พวกเขาก็จะถวายเครื่องบูชาของพวกเขาที่นั่น พวกเขาได้ยั่วยุให้เราโกรธ ด้วยการถวายเครื่องบูชาอันมีกลิ่นหอม และเทเครื่องดื่มบูชาให้กับพระปลอมที่นั่น 29 เราจึงถามพวกเขาว่า “ศาลเจ้าอะไรหรือที่พวกเจ้าไปกัน” มันถึงเรียกว่า บามาห์[c] มาจนถึงทุกวันนี้’

30 ดังนั้นให้บอกกับครอบครัวชาวอิสราเอลว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า

“เจ้าจะทำตัวไม่บริสุทธิ์ เหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ ที่ไปลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับรูปปั้นที่น่าขยะแขยงของพวกเขานั้น 31 การที่พวกเจ้ายังถวายเครื่องบูชา ด้วยการเอาลูกๆของพวกเจ้าใส่เข้าไปในไฟ พวกเจ้าก็ได้ทำให้ตัวเองแปดเปื้อนด้วยรูปเคารพทั้งหลายของพวกเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ แล้วเจ้ายังมีหน้ามาขอคำปรึกษาจากเราอีกหรือ ครอบครัวอิสราเอลเอ๋ย เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะไม่ตอบคำถามพวกเจ้าแม้แต่ข้อเดียว” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น 32 พวกเจ้าพูดว่า “พวกเราอยากเป็นเหมือนชนเผ่าอื่นๆในโลกนี้ ที่นมัสการพระเจ้าที่เป็นไม้หรือหิน” แต่สิ่งที่พวกเจ้าคิดนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก

33 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ขนาดไหน ก็ให้แน่ใจขนาดนั้นเลยว่า เราจะปกครองพวกเจ้าด้วยมืออันทรงพลัง ด้วยแขนที่ยื่นออกมา และด้วยการเทความเดือดดาลออกมา 34 เราจะนำพวกเจ้ามาจากชนชาติต่างๆและรวบรวมพวกเจ้ามาจากประเทศทั้งหลายที่พวกเจ้าได้กระจัดกระจายกันไปอยู่นั้น ด้วยมืออันทรงพลังและแขนที่ยื่นออกมานี้ 35 เราจะนำพวกเจ้าเข้าไปในทะเลทรายของชาติต่างๆและที่นั่นเราจะเจอกันซึ่งๆหน้า และเราจะตัดสินโทษพวกเจ้า 36 เหมือนกับที่เราได้ตัดสินบรรพบุรุษของพวกเจ้าในทะเลทรายใกล้แผ่นดินอียิปต์” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

37 “เราจะนับพวกเจ้าด้วยการให้เดินลอดไม้เท้าของเราไป[d] และเราจะทำให้เจ้ายินยอมต่อข้อตกลงของเรา 38 เราจะกำจัดพวกที่ชอบลุกฮือขึ้นต่อต้านและกบฏต่อเรา ถึงแม้ว่าเราจะนำพวกเขาออกมาจากแผ่นดินที่พวกเขากำลังอาศัยอยู่อย่างคนต่างชาตินั้น แต่เราก็จะไม่ให้พวกเขาเข้าสู่แผ่นดินอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

39 ส่วนพวกเจ้า ครอบครัวชาวอิสราเอล พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ว่า “ไปเลย พวกเจ้าแต่ละคนไปนมัสการพวกรูปเคารพของพวกเจ้าตอนนี้เลย และต่อไป ถ้าพวกเจ้าไม่ฟังเรา (จะได้เห็นดีแน่)[e] และพวกเจ้าจะไม่ทำให้ชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของเราต้องเสื่อมเสียอีกต่อไปแล้วด้วยของถวายและรูปเคารพทั้งหลายของพวกเจ้า”

40 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่า “บนภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา ซึ่งเป็นภูเขาสูงของอิสราเอลครอบครัวชาวอิสราเอลทั้งหมดจะนมัสการเราที่นี่ เราจะยอมรับพวกเขา เราจะยอมรับเครื่องบูชาทั้งหลายของพวกเจ้า และของถวายที่เป็นผลผลิตชุดแรกของพวกเจ้า รวมทั้งเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของพวกเจ้าด้วย 41 เมื่อเรานำพวกเจ้าออกมาจากชนชาติต่างๆและรวบรวมพวกเจ้ามาจากประเทศทั้งหลายที่เราได้ทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายกันไปอยู่นั้น เราจะยอมรับพวกเจ้าเหมือนกลิ่นหอมจากควันของเครื่องบูชาของเจ้า และเราจะแสดงความศักดิ์สิทธิ์ของเราในหมู่พวกเจ้าต่อหน้าสายตาของชนชาติทั้งหลาย 42 แล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เมื่อเรานำพวกเจ้าเข้าสู่แผ่นดินอิสราเอลซึ่งเป็นแผ่นดินที่เราได้ยกมือสาบานไว้ว่าจะให้กับบรรพบุรุษของพวกเจ้า 43 ที่นั่นพวกเจ้าจะสำนึกผิดถึงการกระทำและวิถีทางที่ชั่วร้ายทั้งหลายของเจ้า ที่ทำให้เจ้าแปดเปื้อน แล้วเจ้าจะละอายใจ 44 ครอบครัวของอิสราเอล พวกเจ้าได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากมาย พวกเจ้าสมควรที่จะถูกทำลาย แต่เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงของเรา เราจะไม่ทำอย่างนั้น แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือยาห์เวห์” พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดว่าอย่างนั้น

พระยาห์เวห์จะชักดาบออกมาทำลายยูดาห์ตั้งแต่ใต้ถึงเหนือ

45 คำพูดของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า 46 “เจ้าลูกมนุษย์หันหน้าไปทางใต้ และเทศน์ต่อว่าทิศใต้นั้นให้พูดแทนเราต่อต้านป่าแห่งดินแดนทางใต้นั้น 47 ให้พูดกับป่าทางใต้นั้นว่า ‘ฟังคำพูดของพระยาห์เวห์ให้ดี พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตพูดอย่างนี้ว่า เราจะจุดไฟเผาพวกเจ้า และมันจะเผาผลาญต้นไม้ทั้งหมดของเจ้า ทั้งต้นที่ยังเขียวสดอยู่และต้นที่เหี่ยวแห้งแล้ว เปลวไฟจะไม่ดับลงและใบหน้าทุกหน้าตั้งแต่ทางใต้ไปจนถึงทางเหนือจะร้อนผ่าวๆเพราะมัน 48 ทุกคนจะเห็นว่า เรา ยาห์เวห์ เป็นผู้จุดไฟนั้นขึ้น และมันจะไม่ดับลง’”

49 แล้วผมได้พูดว่า “พระยาห์เวห์เจ้าข้า พวกเขากำลังพูดถึงผมว่า

‘เขาเป็นคนชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบอยู่อย่างนั้นแหละ’”

Footnotes

  1. 20:1 เดือนที่ห้า ปีที่เจ็ด ตรงกับเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมของปีที่ 591 ก่อนพระเยซูมาเกิด
  2. 20:6 อุดมสมบูรณ์ หรือแปลตรงๆว่า “แผ่นดินที่มีน้ำนมกับน้ำเชื่อมผลไม้ไหลอยู่”
  3. 20:29 บามาห์ เป็นคำฮีบรู ในที่นี้หมายถึงศาลเจ้า หรือ แปลตรงๆคือ สถานที่สูง คำนี้มีเสียงคล้ายกับคำว่า “ไป” (บา) และ “อะไร” (มาห์)
  4. 20:37 เราจะนับ … ลอดไม้เท้าของเราไป เปรียบเทียบกับแกะที่เดินลอดไม้เท้าแสดงว่าแกะนั้นเป็นของผู้เลี้ยงคนนั้น ดูเพิ่มเติมได้จากหนังสือเลวีนิติ 27:32; มาลาคี 7:14
  5. 20:39 จะได้เห็นดีแน่ ไม่มีคำพูดนี้ในสำเนาต้นฉบับเดิม แต่ใส่เข้าไปเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ละไว้ให้เขาคิดเอาเอง

อิสราเอลฝ่าฝืนร่ำไป

20 ในวันที่สิบของเดือนห้า ปีที่เจ็ด[a] หัวหน้าชั้นผู้ใหญ่บางคนของอิสราเอลมาถามพระผู้เป็นเจ้า และพวกเขานั่งที่ตรงหน้าข้าพเจ้า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงบอกบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘พวกเจ้ามาหาเราเพื่อจะถามเราหรือ ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด เราจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้ามาถามเรา’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น “เจ้าจะตัดสินโทษพวกเขาไหม บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะตัดสินโทษพวกเขาไหม จงบอกให้พวกเขาทราบถึงการกระทำอันน่าชังของบรรพบุรุษของเขา จงบอกพวกเขาว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘ในวันที่เราเลือกอิสราเอล เรายกมือปฏิญาณกับบรรดาผู้สืบเชื้อสายของพงศ์พันธุ์ของยาโคบ และเผยให้พวกเขารู้ในแผ่นดินอียิปต์ เรายกมือและพูดกับพวกเขาดังนี้ “เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า”[b] ในวันนั้น เราปฏิญาณกับพวกเขาว่า เราจะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ ไปยังดินแดนที่เราได้เลือกให้พวกเขา ซึ่งอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เป็นดินแดนอันงดงามที่สุด และเราบอกพวกเขาว่า “จงกำจัดสิ่งอันน่ารังเกียจซึ่งเจ้าเชยชม พวกเจ้าทุกคนจงอย่าทำตนให้มีมลทินด้วยรูปเคารพของอียิปต์ เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า”[c] แต่พวกเขาขัดขืน และไม่ยอมเชื่อฟังเรา ไม่มีใครในหมู่พวกเขาทิ้งสิ่งอันน่ารังเกียจที่พวกเขาเชยชม และไม่ละทิ้งรูปเคารพของอียิปต์’

ดังนั้น เรากล่าวว่า เราจะกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนพวกเขา และเราจะให้ความกริ้วของเราลงที่พวกเขาในแผ่นดินอียิปต์

แต่เพื่อนามของเรา เรากระทำเพื่อไม่ให้เป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของบรรดาประชาชาติที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเขา เราทำให้พวกเขาเห็นว่า เรานำชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ 10 ดังนั้นเรานำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และพาไปยังถิ่นทุรกันดาร 11 เราให้กฎเกณฑ์และคำบัญชาแก่พวกเขา และให้พวกเขารู้ด้วยว่า ถ้าผู้ใดกระทำตาม เขาจะมีชีวิตอยู่ 12 และยิ่งกว่านั้น เราให้พวกเขามีวันสะบาโต เป็นเครื่องเตือนใจระหว่างเรากับพวกเขา เพื่อจะได้รู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์ 13 แต่พงศ์พันธุ์อิสราเอลขัดขืนเราในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาไม่ได้ดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของเรา และไม่ยอมรับคำบัญชาของเรา ซึ่งถ้าผู้ใดกระทำตาม เขาจะมีชีวิตอยู่ พวกเขาดูหมิ่นวันสะบาโตของเรายิ่งนัก

เราจึงกล่าวว่า เราจะกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนพวกเขาในถิ่นทุรกันดารให้พินาศเสีย 14 แต่เพื่อนามของเรา เรากระทำเพื่อไม่ให้เป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของบรรดาประชาชาติ เราทำให้พวกเขาเห็นว่า เรานำพวกเขาออกมา 15 และยิ่งกว่านั้น เราปฏิญาณกับพวกเขาในถิ่นทุรกันดารว่า เราจะไม่นำพวกเขาเข้าไปในดินแดนที่เราได้มอบให้แก่พวกเขา ดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง เป็นดินแดนอันงดงามที่สุด 16 เพราะพวกเขาไม่ยอมรับคำบัญชาของเรา และไม่ดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของเรา และดูหมิ่นวันสะบาโตของเรา เนื่องจากได้มอบใจให้กับรูปเคารพเสียแล้ว 17 ถึงกระนั้น เราก็ยังมองดูพวกเขาด้วยความสงสาร และไม่ได้กำจัดหรือทำให้พวกเขาสิ้นไปในถิ่นทุรกันดาร

18 และเรากล่าวกับบุตรหลานของพวกเขาในถิ่นทุรกันดารว่า ‘อย่าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของบรรพบุรุษของเจ้า หรือรักษาคำบัญชาของพวกเขา หรือทำตนให้เป็นมลทินด้วยรูปเคารพของพวกเขา 19 เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า จงดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และจงระมัดระวังเชื่อฟังคำบัญชาของเรา 20 และรักษาวันสะบาโตของเราให้บริสุทธิ์เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจระหว่างเรากับพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้รู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของพวกเจ้า’[d] 21 แต่บรรดาบุตรหลานขัดขืนเรา พวกเขาไม่ได้ดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของเรา และไม่ระมัดระวังเชื่อฟังคำบัญชาของเรา ถ้าผู้ใดกระทำตาม เขาจะมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขากลับดูหมิ่นวันสะบาโตของเรา

เราจึงกล่าวว่า เราจะกระหน่ำการลงโทษของเราลงบนพวกเขา และเราจะให้ความกริ้วของเราลงที่พวกเขาในถิ่นทุรกันดาร 22 แต่เรายั้งมือของเราไว้ และเรากระทำเพื่อไม่ให้เป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของบรรดาประชาชาติ เราทำให้พวกเขาเห็นว่าเรานำพวกเขาออกมา 23 และยิ่งกว่านั้น เราปฏิญาณในถิ่นทุรกันดารว่า เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และกระจายไปยังหลายดินแดน 24 เพราะพวกเขาไม่ได้เชื่อฟังคำบัญชาของเรา ไม่ยอมรับกฎเกณฑ์ของเรา และดูหมิ่นวันสะบาโตของเรา และสิ่งที่เขามองเห็นทำให้เกิดกิเลสในรูปเคารพของบรรพบุรุษของพวกเขา 25 และยิ่งกว่านั้น เราได้ปล่อยให้พวกเขาอยู่ใต้กฎเกณฑ์ที่ไม่ดี และคำบัญชาซึ่งไม่สามารถให้ชีวิตแก่พวกเขาได้ 26 และเราได้ประกาศว่าพวกเขาทำตนเป็นมลทินเพราะของถวายของพวกเขา[e] เมื่อเขาถวายบุตรหัวปีทุกคนเป็นเครื่องสักการะ เราจะทำให้พวกเขาหายนะ เพื่อพวกเขาจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

27 ฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย จงบอกพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ ‘บรรพบุรุษของพวกเจ้าหมิ่นประมาทเรา ด้วยการทรยศต่อเรา 28 เพราะเวลาที่เราได้นำพวกเขาเข้าไปในแผ่นดินที่เราปฏิญาณว่าจะมอบให้ และไม่ว่าที่ไหนก็ตามที่พวกเขาเห็นเนินเขาสูงหรือต้นไม้เขียวชอุ่ม พวกเขาก็ถวายเครื่องสักการะและมอบของถวายซึ่งเป็นการยั่วโทสะเรา ด้วยการมอบเครื่องหอมและเทเครื่องดื่มบูชา 29 เราพูดกับพวกเขาว่า สถานบูชาบนภูเขาสูงที่พวกเจ้าไปนั้นคืออะไร’ (ที่นั่นมีชื่อว่า บามาห์ มาจนถึงทุกวันนี้)[f]

30 ฉะนั้น จงบอกพงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวดังนี้ว่า ‘พวกเจ้าจะทำตนเป็นมลทินตามอย่างบรรพบุรุษของพวกเจ้า และทำตามกิเลสโดยเชื่อสิ่งที่น่ารังเกียจของพวกเขาหรือ 31 เมื่อพวกเจ้ามอบของถวายและถวายบุตรของตนในไฟ พวกเจ้าทำตนให้เป็นมลทินด้วยรูปเคารพทั้งสิ้นมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วเราจะปล่อยให้เจ้าถามเราหรือ โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด เราจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้ามาถามเรา’” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

32 “พวกเจ้าคิดในใจว่า ‘ให้พวกเราเป็นอย่างบรรดาประชาชาติ อย่างตระกูลของหลายดินแดนที่นมัสการไม้และหิน’ สิ่งที่อยู่ในความคิดของพวกเจ้าจะไม่มีวันเกิดขึ้น”

พระผู้เป็นเจ้าจะฟื้นฟูอิสราเอล

33 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “ตราบที่เรามีชีวิตอยู่ฉันใด เราจะเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเจ้า ด้วยอานุภาพและพลานุภาพ และด้วยการลงโทษที่หลั่งออก 34 เราจะนำพวกเจ้าออกมาจากบรรดาชนชาติ และรวบรวมพวกเจ้าจากดินแดนทั้งหลายที่เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่ ด้วยอานุภาพและพลานุภาพ และด้วยการลงโทษที่หลั่งออก 35 และเราจะนำพวกเจ้าเข้าไปในถิ่นทุรกันดารของบรรดาชนชาติ และเราจะลงโทษพวกเจ้าที่นั่นต่อหน้า 36 เราจะลงโทษพวกเจ้า อย่างที่เราลงโทษบรรพบุรุษของเจ้าในถิ่นทุรกันดารของแผ่นดินอียิปต์” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น 37 “เราจะทำให้พวกเจ้าลอดใต้ไม้เท้าของเรา[g] และเราจะให้พวกเจ้าผูกพันกับเราในพันธสัญญา 38 เราจะกำจัดพวกที่ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองและขัดขืนเราให้ออกไปจากพวกเจ้า เราจะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินที่เร่ร่อนไปอาศัยอยู่ แต่จะไม่ได้เข้าไปยังแผ่นดินของอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้า

39 ส่วนเจ้าเอง โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า พวกเจ้าทุกคนไปบูชารูปเคารพของตนเอง แต่หลังจากนั้นพวกเจ้าจะฟังเราอย่างแน่นอน เจ้าจะไม่ดูหมิ่นนามอันบริสุทธิ์ของเราด้วยของถวายและรูปเคารพของพวกเจ้าอีกต่อไป”

40 พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนี้ว่า “พงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดจะรับใช้เราบนภูเขาอันบริสุทธิ์ซึ่งเป็นภูเขาสูงในแผ่นดินของอิสราเอล เราจะรับสิ่งที่นำมามอบให้เราที่นั่น และเจ้าต้องนำของถวาย และมอบส่วนที่ดีที่สุด พร้อมกับเครื่องสักการะอันบริสุทธิ์ทั้งสิ้น 41 เราจะรับพวกเจ้าอย่างเครื่องหอมอันเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเรานำเจ้าออกมาจากหลายดินแดน และรวบรวมพวกเจ้าจากบรรดาชนชาติที่เจ้ากระจัดกระจายไปอยู่ และเราจะให้ความบริสุทธิ์ของเราปรากฏในหมู่พวกเจ้า ให้บรรดาประชาชาติเห็น 42 และพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเรานำพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดินของอิสราเอลซึ่งเป็นดินแดนที่เราปฏิญาณจะมอบให้แก่บรรพบุรุษของพวกเจ้า 43 และเจ้าจะนึกถึงความประพฤติและการกระทำของเจ้าทั้งสิ้น ซึ่งได้ทำให้เจ้าเป็นมลทิน และพวกเจ้าจะเกลียดตนเองที่ได้กระทำสิ่งชั่วร้ายทั้งสิ้น 44 และพวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระผู้เป็นเจ้าเมื่อเรากระทำต่อเจ้าเพื่อนามของเรา มิใช่กระทำต่อเจ้าตามวิถีทางอันชั่วของเจ้า หรือตามความประพฤติอันเสื่อมทรามของเจ้า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย” พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

45 พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า 46 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปทางใต้ เทศนากล่าวโทษดินแดนทางใต้และเผยความกล่าวโทษแดนป่าไม้ในเนเกบ 47 จงพูดกับแดนป่าไม้ของเนเกบดังนี้ ‘จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า ดูเถิด เรากำลังจะก่อไฟในตัวเจ้า และมันจะลุกผลาญต้นไม้ทุกต้นที่ทั้งเขียวชอุ่มและต้นที่แห้ง เปลวไฟที่ลุกโพลงจะไม่ถูกดับ ใบหน้าทุกหน้าจากทิศใต้ถึงทิศเหนือจะถูกไฟลวก 48 ทุกคนจะเห็นว่า เราผู้เป็นพระผู้เป็นเจ้าได้จุดไฟให้ลุกขึ้น และมันจะไม่ถูกดับ’” 49 แล้วข้าพเจ้าพูดว่า “โอ พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขากำลังพูดถึงข้าพเจ้าว่า ‘เขาเพียงแต่พูดเป็นอุปมาใช่ไหม’”

Footnotes

  1. 20:1 สิงหาคม 591 ปีก่อน ค.ศ.
  2. 20:5 อพยพ 6:2
  3. 20:7 อพยพ 20:2,4; เลวีนิติ 18:3
  4. 20:20 เฉลยธรรมบัญญัติ 4:3-6; 5:32,33
  5. 20:26 เลวีนิติ 18:21
  6. 20:29 บามาห์ แปลได้ความว่า สถานที่สูง
  7. 20:37 เลวีนิติ 27:32