Add parallel Print Page Options

23 พระยาห์เวห์พูดว่า “ความหายนะจะเกิดขึ้นกับพวกคนเลี้ยงแกะที่กำลังทำลายแกะในทุ่งหญ้าของเราและทำให้มันกระจัดกระจายไป”

ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล พูดเกี่ยวกับพวกคนเลี้ยงแกะที่กำลังดูแลคนของเราอยู่

“พวกเจ้าทำให้แกะของเรากระจัดกระจายไป เจ้าได้ขับไล่พวกแกะออกไปและไม่ได้จัดการอะไรให้กับแกะเลย ดังนั้น เราจะจัดการกับเจ้า สำหรับสิ่งเลวร้ายที่เจ้าทำ” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

“เราจะรวบรวมแกะที่เหลือของเราจากดินแดนต่างๆที่เราได้ขับไล่พวกมันไป แล้วเราจะนำพวกมันกลับมาที่ทุ่งหญ้าของพวกมัน พวกมันจะเจริญเติบโตและออกลูกมากมาย

เราจะหาคนเลี้ยงแกะพวกใหม่มาดูแลพวกมัน คนเลี้ยงแกะพวกใหม่นี้จะดูแลพวกมัน แกะเหล่านั้นจะไม่หวาดกลัวอีกต่อไป และจะไม่มีสักตัวที่หลงหายไป” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

กิ่งก้านที่ชอบธรรม

พระยาห์เวห์พูดว่า
“วันเวลานั้นใกล้จะมาถึงแล้ว
    ที่เราจะยกชูกิ่งก้านที่ชอบธรรมสำหรับดาวิด
กษัตริย์องค์นั้นจะปกครองและแสดงความเฉลียวฉลาด
    เขาจะรักษาความยุติธรรมและความชอบธรรม
ในช่วงเวลาที่เขาปกครองนั้นยูดาห์จะปลอดภัย
    และอิสราเอลจะอยู่อย่างปลอดภัย
และผู้คนจะเรียกกษัตริย์องค์นั้นว่า
    ‘พระยาห์เวห์คือความชอบธรรมของเรา’”

พระยาห์เวห์พูดอย่างนี้ว่า “วันเวลานั้นใกล้จะมาถึงแล้วที่ผู้คนจะไม่พูดกันอีกแล้วว่า ‘ฉันขอสาบานโดยอ้างชื่อของพระยาห์เวห์ ผู้ที่นำลูกหลานของอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์’ แต่พวกเขาจะพูดกันว่า ‘ฉันขอสาบานโดยอ้างชื่อของพระยาห์เวห์ผู้ที่นำลูกหลานของครอบครัวอิสราเอลจากดินแดนทางเหนือ จากดินแดนทั้งหลายที่พระองค์ได้ขับไล่พวกเขาไป แล้วพวกเขาก็จะได้กลับมาอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง’”

การพิพากษาต่อผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอม

ส่วนเรื่องพวกผู้พูดแทนพระเจ้า
หัวใจผมแตกสลายอยู่ในอก
    กระดูกผมก็อ่อนปวกเปียกไปหมด
ผมเป็นเหมือนคนเมา
    เป็นเหมือนคนที่ถูกมอมด้วยเหล้าองุ่น
ที่ผมรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะพระยาห์เวห์และถ้อยคำต่างๆอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์นั่นเอง
10 พระยาห์เวห์พูดว่า “แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยคนเล่นชู้
    แผ่นดินแห้งแล้งเพราะถูกสาปแช่ง
    ทุ่งหญ้าในที่เปล่าเปลี่ยวเหี่ยวแห้งไป
วิถีทางของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็ชั่วร้าย
    และพวกมันก็ใช้อำนาจอย่างผิดๆ
11 อันที่จริงแล้ว ทั้งผู้พูดแทนพระเจ้าและนักบวชต่างก็ทำให้แผ่นดินเสื่อมไป
    แม้แต่ในวิหารของเรา เราก็ยังพบเห็นความชั่วช้าของพวกมัน”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
12 “ดังนั้น เส้นทางของพวกมันก็จะลื่นมาก
    พวกมันจะถูกไล่ออกไปในความมืดมิด
และในความมืดนั้น พวกมันจะล้มลง
    เพราะเราจะนำความทุกข์ทรมานมาให้พวกมันในปีที่เรามาเยี่ยมหา”
พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น
13 “เราได้เห็นสิ่งที่น่าขยะแขยงท่ามกลางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของสะมาเรีย พวกมันทำนายโดยพระบาอัล
    แล้วพวกมันได้ทำให้คนอิสราเอลของเราต้องหลงหายไป
14 และเราได้เห็นสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นอีกในท่ามกลางพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเมืองเยรูซาเล็ม
    ผู้คนเล่นชู้กันและฉ้อโกงกัน
แล้วพวกผู้พูดแทนพระเจ้านี้ก็สนับสนุนคนเลวพวกนี้
    ไม่มีใครกลับใจจากความชั่วร้ายเลยสักคน
ในสายตาของเรา พวกผู้พูดแทนพระเจ้าเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเหมือนเมืองโสโดม
    และพลเมืองของเยรูซาเล็มก็เหมือนกับเมืองโกโมราห์”

15 ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดเกี่ยวกับพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้ว่า

“เราจะทำให้มันต้องกินอาหารที่มีรสขมและทำให้พวกมันต้องดื่มน้ำที่มียาพิษ
    เพราะสิ่งที่เสื่อมทรามได้ออกมาจากพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของเมืองเยรูซาเล็มและกระจายไปทั่วแผ่นดิน”

16 พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดว่า

“อย่าไปฟังคำทำนายของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้ที่พูดกับเจ้า
    พวกมันกำลังหลอกเจ้า
นิมิตที่พวกมันพูดออกมานั้น
    ไม่ได้มาจากปากของพระยาห์เวห์หรอก
17 พวกมันพร่ำพูดอยู่กับพวกที่เกลียดชังเราว่า
    พระยาห์เวห์พูดว่า ‘พวกเจ้าจะมีสันติสุข’
และพูดกับพวกที่มีจิตใจดื้อด้านว่า
    ‘เรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นกับเจ้าหรอก’
18 ใครล่ะที่ยืนอยู่ในห้องประชุมสภาของพระยาห์เวห์
    ที่จะได้เห็นหรือได้ยินถ้อยคำของพระยาห์เวห์
    ใครเคยสนใจคำพูดของพระองค์และเชื่อฟังคำพูดของพระองค์
19 นี่ไง พายุจากพระยาห์เวห์
    ความเกรี้ยวโกรธของพระองค์พลุ่งออกมา
มันเป็นเหมือนกับพายุหมุน
    ที่หมุนตัวอยู่เหนือหัวของคนชั่วพวกนั้น
20 ความโกรธของพระยาห์เวห์จะไม่หวนกลับไปหรอก จนกว่าจะทำหน้าที่ของมันจนเสร็จสิ้น
    และจนกว่ามันจะทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จ
หลังจากวันพวกนี้ผ่านไปแล้ว
    พวกเจ้าก็จะเข้าใจว่าทำไมถึงต้องเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น
21 เราไม่ได้ส่งผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนี้มา
    แต่พวกมันกลับวิ่งไปพูดกับพวกเจ้าเอง
เราไม่ได้พูดกับพวกมัน
    แต่พวกมันกลับไปพูดแทนเรา
22 ถ้าพวกมันได้มายืนอยู่ในห้องประชุมสภาของเรา
    และได้ยินถ้อยคำต่างๆของเราที่มีไว้สำหรับคนของเรา
พวกมันก็คงจะทำให้คนเหล่านั้นหันจากวิถีทางชั่วของพวกเขา
    และหันจากการทำชั่วของพวกเขาแล้ว”

23 พระยาห์เวห์ถามว่า
“เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้ๆเท่านั้นหรือ
    เราไม่ได้เป็นพระเจ้าในที่ห่างไกลด้วยหรือ
24 ถ้าใครซ่อนตัวอยู่ เราจะมองไม่เห็นหรือ”
“เราไม่ได้อยู่ทั่วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกหรือ”
พระยาห์เวห์ถามอย่างนั้น

พระยาห์เวห์พูดว่า 25 “เราได้ยินสิ่งที่ไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้าพวกนั้นพูด ไอ้พวกนั้นที่ทำนายโกหก โดยเอาชื่อเราไปอ้าง พวกมันพูดว่า ‘ฉันฝันเห็นแล้ว ฉันฝันเห็นแล้ว’

26 ใจของพวกมันจะเป็นอย่างนี้ไปอีกนานไหม พวกมันทำนายโกหกและหลอกลวงในสิ่งที่พวกมันกุขึ้นมาเองในใจ

27 พวกมันวางแผนที่จะทำให้คนของเราลืมชื่อของเรา ด้วยความฝันต่างๆที่พวกมันยกขึ้นมาเล่าให้กับเพื่อนบ้านฟัง พวกมันหวังว่าคนจะลืมเรา เหมือนกับที่บรรพบุรุษของพวกมันลืมชื่อของเรา และหันไปบูชาพระบาอัล

28 ให้ผู้พูดแทนพระเจ้าที่มีความฝันจะเล่า เล่ามันออกมา แต่ขอให้คนที่มีถ้อยคำของเรา พูดถ้อยคำของเราอย่างซื่อสัตย์ ฟางกับเมล็ดข้าวสาลีมันจะไปด้วยกันได้อย่างไร” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น

29 พระยาห์เวห์ถามว่า “ถ้อยคำของเราเป็นเหมือนไฟไม่ใช่หรือ

มันเป็นเหมือนค้อนที่ทุบหินที่แข็งให้แตกกระจุยไม่ใช่หรือ

30 ดังนั้น เราต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ขโมยถ้อยคำต่างๆของเราจากเพื่อนบ้านของเขา

31 เราต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ใช้ลิ้นตัวเองประกาศเรื่องบางเรื่องว่าเป็นคำทำนายของพระยาห์เวห์” พระยาห์เวห์พูดว่าอย่างนั้น

32 “เราจะต่อต้านไอ้พวกผู้พูดแทนพระเจ้า ที่ทำนายฝันหลอกๆ” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น “พวกมันเล่าความฝันเหล่านั้น และทำให้คนของเราหลงไป ด้วยคำหลอกลวงและเรื่องต่างๆที่พวกมันกุขึ้นมาเอง เราไม่ได้ส่งพวกมันมา และเราก็ไม่ได้สั่งให้พวกมันพูดด้วย และที่แน่นอนก็คือพวกมันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรให้กับคนพวกนี้เลย” พระยาห์เวห์พูดอย่างนั้น

33 “และถ้าคนพวกนี้ หรือผู้พูดแทนพระเจ้า หรือนักบวชถามเจ้าว่า ‘พระยาห์เวห์ฝากภาระอะไรให้เจ้าแบกมา’ เจ้าก็บอกพวกมันไปว่า ‘พระยาห์เวห์พูดว่า “ก็พวกแกนี่แหละคือภาระ และเราจะโยนพวกแกทิ้ง”’”

34 “ผู้พูดแทนพระเจ้า หรือนักบวช หรือคนที่พูดว่า ‘นี่แหละคือภาระที่พระยาห์เวห์ฝากมา’ พวกที่พูดว่าอย่างนั้น เราจะลงโทษพวกที่พูดอย่างนั้นรวมทั้งคนในบ้านเรือนของพวกเขาด้วย”

35 “แต่นี่ต่างหากที่พวกเจ้าควรจะถามกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องของเจ้า คือ ‘พระยาห์เวห์ตอบว่าอะไร หรือพระยาห์เวห์พูดว่าอะไร’ 36 และเจ้าจะต้องไม่พูดอย่างนี้อีกต่อไปว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ เพราะภาระนั้นเป็นแค่คำพูดของแต่ละคน และโดยวิธีนี้ เจ้าก็ได้บิดเบือนคำพูดของพระเจ้าผู้มีชีวิตอยู่ พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพระเจ้าของพวกเรา

37 ดังนั้นเจ้าควรจะถามผู้พูดแทนพระเจ้าอย่างนี้ว่า

‘พระยาห์เวห์ตอบว่าอะไร พระยาห์เวห์พูดว่าอะไร’

38 แต่ถ้าพวกเจ้าพูดประโยคนี้ว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ ซึ่งพระยาห์เวห์ได้บอกไว้แล้วว่า อย่าพูดประโยคนี้ที่ว่า ‘นี่คือภาระที่พระยาห์เวห์ให้แบกมา’ และพวกเจ้าก็ยังพูดอย่างนั้น

39 ดังนั้น ดูไว้ให้ดี เราจะยกเจ้าเหวี่ยงออกไปจากหน้าเราแน่ๆ ทั้งเจ้าและเมืองที่เราเคยมอบให้กับเจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า 40 เราจะทำให้เจ้าได้รับความอัปยศตลอดไป และทำให้เจ้าอับอายอย่างที่ไม่มีวันลืมเลือนได้”

อังกูรผู้มีความชอบธรรม

23 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “วิบัติจงเกิดแก่บรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่ทำลายและทำให้แกะที่อยู่ในทุ่งหญ้าของเรากระจัดกระจายไป” ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของอิสราเอลกล่าวถึงเรื่องบรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่ดูแลชนชาติของเราดังนี้ “พวกเจ้าได้ทำให้ฝูงแกะของเรากระจัดกระจายไป และได้ขับไล่ให้พวกเขาออกไป และพวกเจ้าไม่ได้เอาใจใส่ต่อเขาเหล่านั้น ดูเถิด เราจะเอาใจใส่ต่อพวกเจ้ากับการกระทำชั่วของเจ้า พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น แล้วเราจะรวบรวมแกะของเราที่เหลืออยู่ในฝูง ให้ออกจากทุกประเทศที่เราได้ขับไล่ให้พวกเขาออกไป และเราจะนำพวกเขากลับมาสู่ทุ่งหญ้าเดิม พวกเขาจะเกิดผลและทวีจำนวนขึ้น เราจะแต่งตั้งผู้เลี้ยงดูฝูงแกะที่จะเอาใจใส่ต่อพวกเขา และพวกเขาจะไม่กลัวอีกต่อไป จะไม่ตกใจ และจะไม่มีใครขาดหายไปไหน” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ดูเถิด จะถึงวันที่เราจะกำหนดอังกูร[a]ผู้หนึ่งซึ่งกอปรด้วยความชอบธรรมให้แก่ดาวิด และท่านจะครองราชย์อย่างกษัตริย์และดำเนินการด้วยการไตร่ตรองจากสติปัญญา และจะปฏิบัติด้วยความเป็นธรรมและความชอบธรรมในแผ่นดิน เมื่อท่านมา ยูดาห์จะปลอดภัย และอิสราเอลจะอยู่อย่างมั่นคง ผู้คนจะเรียกชื่อท่านว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าเป็นความชอบธรรมของพวกเรา’”

พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ดูเถิด จะถึงเวลาที่จะไม่มีใครพูดว่า ‘ตราบที่พระผู้เป็นเจ้าผู้นำชาวอิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์มีชีวิตอยู่ฉันใด’ แต่จะเป็นที่พูดกันว่า ‘ตราบที่พระผู้เป็นเจ้าผู้นำเชื้อสายของพงศ์พันธุ์อิสราเอลออกจากดินแดนทางเหนือ และจากดินแดนทั้งปวงที่พระองค์เคยขับไล่ออกไป มีชีวิตอยู่ฉันใด’ พวกเขาจึงจะกลับมาอยู่ในแผ่นดินของพวกเขาเอง”

คำเท็จของบรรดาผู้เผยคำกล่าว

เรื่องเกี่ยวกับบรรดาผู้เผยคำกล่าว

ใจข้าพเจ้าแตกสลาย
    กระดูกของข้าพเจ้าทุกชิ้นสั่นสะท้าน
ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนเมา
    เหมือนคนถูกควบคุมด้วยเหล้าองุ่น
เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้า
    และเพราะคำกล่าวอันบริสุทธิ์ของพระองค์
10 “แผ่นดินเต็มไปด้วยคนผิดประเวณี
    แผ่นดินร้องคร่ำครวญเพราะคำสาปแช่ง
    และทุ่งหญ้าในถิ่นทุรกันดารแห้งเหือด
ทางดำเนินชีวิตของพวกเขาชั่วร้าย
    และใช้อำนาจอย่างไม่ยุติธรรม
11 ทั้งผู้เผยคำกล่าวและปุโรหิตไร้คุณธรรม
    เราเห็นสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำแม้แต่ในตำหนักของเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
12 “ฉะนั้น วิถีทางของพวกเขาจะเป็น
    ทางเดินที่ลื่นในความมืด
    ซึ่งพวกเขาจะถูกขับไล่ลงไปและล้มลง
เพราะเราจะทำให้พวกเขาประสบกับความวิบัติ
    ในปีแห่งการลงโทษ”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
13 “เราเห็นสิ่งที่บรรดาผู้เผยคำกล่าว
    ที่อยู่ในสะมาเรียกระทำผิด
พวกเขาเผยความด้วยเทพเจ้าบาอัล
    และนำอิสราเอลชนชาติของเราให้หลงผิด
14 เราได้เห็นสิ่งที่บรรดาผู้เผยคำกล่าว
    ที่อยู่ในเยรูซาเล็มกระทำสิ่งเลวร้ายมาก
พวกเขาประพฤติผิดประเวณีและพูดเท็จ
    พวกเขาสนับสนุนคนทำความชั่ว
    ซึ่งทำให้ไม่มีผู้ใดหันไปจากความชั่ว
ในสายตาของเรา พวกเขาทุกคนกลายเป็นเหมือนโสโดม
    และบรรดาผู้อยู่อาศัยเป็นเหมือนโกโมราห์”

15 ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวถึงบรรดาผู้เผยคำกล่าวดังนี้

“ดูเถิด เราจะให้อาหารขมพวกเขากิน
    และให้น้ำมีพิษแก่พวกเขาดื่ม
เพราะการกระทำที่ไร้คุณธรรมได้แพร่ไปทั่วแผ่นดิน
    เป็นเพราะบรรดาผู้เผยคำกล่าวที่อยู่ในเยรูซาเล็ม”

16 พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธากล่าวดังนี้ “อย่าฟังคำของบรรดาผู้เผยคำกล่าวที่เผยความแก่พวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าฟังแต่เรื่องความหวังลมๆ แล้งๆ พวกเขาพูดถึงภาพนิมิตอันเกิดจากความคิดของเขาเอง ไม่ใช่จากปากของพระผู้เป็นเจ้า 17 พวกเขาพูดอยู่เสมอกับพวกที่ดูหมิ่นคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้าว่า ‘ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีกับพวกท่าน’ และพูดกับทุกคนที่ดื้อรั้นตามใจตนเองว่า ‘ท่านจะไม่ประสบกับความพินาศ’”

18 มีใครในหมู่พวกเขาที่เข้าพบพระผู้เป็นเจ้า
    เพื่อจะทราบและได้ยินคำกล่าวของพระองค์
    หรือใครบ้างที่ตั้งใจฟังคำกล่าวของพระองค์ และได้ยินพระองค์
19 ดูเถิด ความกริ้วดั่งพายุของพระผู้เป็นเจ้า
    การลงโทษได้ก้าวออกไปแล้ว
พายุอันแรงกล้า
    จะกระหน่ำลงบนหัวของคนชั่ว
20 ความกริ้วของพระผู้เป็นเจ้าจะไม่หวนกลับ
    จนกว่าพระองค์จะได้กระทำตามความตั้งใจให้สำเร็จ
ในวันข้างหน้า พวกท่านจะเข้าใจอย่างชัดเจน

21 “เราไม่ได้ใช้บรรดาผู้เผยคำกล่าวไป
    แต่พวกเขาก็ยังรีบไป
เราไม่ได้พูดกับพวกเขา
    แต่พวกเขาก็ยังเผยความ
22 แต่ถ้าพวกเขาได้ฟังเรา
    พวกเขาก็จะประกาศคำกล่าวของเราให้แก่ชนชาติของเรา
และพวกเขาก็จะทำให้ประชาชนหันไปจากวิถีทางแห่งความชั่ว
    และจากการกระทำความชั่วของพวกเขา”

23 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ “เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเพียงเท่านั้นหรือ ไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ในทุกแห่งหนหรือ 24 มีผู้ใดซ่อนตัวในที่ลี้ลับเพื่อไม่ให้เรามองเห็นได้หรือ” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น “เราอยู่ทุกแห่งหนทั้งในฟ้าสวรรค์และโลก” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น 25 “เราเคยได้ยินคำเท็จของบรรดาผู้เผยคำกล่าว พวกเขาเผยความในนามของเราว่า ‘เราฝัน เราฝัน’ 26 อีกนานแค่ไหนที่จะมีความเท็จอยู่ในจิตใจของบรรดาผู้เผยคำกล่าว พวกเขาเผยความเท็จ และเผยความลวงหลอกที่อยู่ในจิตใจของพวกเขา 27 พวกเขาคิดว่าความฝันที่บอกเล่าต่อกันและกันจะทำให้ชนชาติของเราลืมชื่อของเรา เหมือนอย่างที่บรรพบุรุษของพวกเขาลืมชื่อของเรา และหันเข้าหาเทพเจ้าบาอัล 28 ให้ผู้เผยคำกล่าวพูดถึงความฝันที่เขาฝันเห็น แต่จงให้ผู้ที่มีคำกล่าวของเราพูดคำของเราด้วยความภักดี ฟางกับข้าวสาลีมีอะไรที่เทียบเท่ากันได้หรือ” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนั้น 29 “คำของเราเป็นเหมือนไฟมิใช่หรือ” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “และเหมือนค้อนที่ทุบก้อนหินแตกเป็นเสี่ยงๆ” 30 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ฉะนั้น ดูเถิด เรากล่าวโทษบรรดาผู้เผยคำกล่าว พวกเขาฉวยเอาว่า คำพูดของพวกเขาเป็นคำพูดของเรา” 31 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “ดูเถิด เรากล่าวโทษบรรดาผู้เผยคำกล่าว พวกเขาใช้ลิ้นอ้างว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า’” 32 ดูเถิด พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “เรากล่าวโทษบรรดาผู้ที่เผยความเท็จที่มาจากความฝัน พวกเขาบอกเรื่องที่เขาฝัน และนำชนชาติของเราให้หลงผิดด้วยความเท็จและคำที่เกินความจริง ทั้งที่เราไม่ได้ใช้พวกเขาหรือสั่งให้ไป ฉะนั้นพวกเขาไม่ได้ทำสิ่งใดให้เกิดประโยชน์แก่ชนชาตินี้เลย” พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

33 “เวลาที่คนใดคนหนึ่งในชนชาตินี้ หรือผู้เผยคำกล่าว หรือปุโรหิต ถามเจ้าว่า ‘อะไรเป็นคำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า’ เจ้าจงตอบพวกเขาว่า ‘คำพยากรณ์อะไรน่ะหรือ พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า “เราจะทอดทิ้งพวกเจ้า”’ 34 และสำหรับผู้เผยคำกล่าว ปุโรหิต หรือหนึ่งในชนชาติที่พูดว่า ‘นี่คือคำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า’ เราจะลงโทษผู้นั้นและครัวเรือนของเขา 35 เจ้าควรจะพูดเช่นนี้ ให้ทุกคนพูดกับเพื่อนบ้านและพี่น้องของตนว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าตอบอย่างไรบ้าง’ หรือ ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอย่างไรบ้าง’ 36 แต่เจ้าจงอย่าพูดคำว่า ‘คำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า’ อีกต่อไป เพราะคำพยากรณ์คือคำพูดของเขาแต่ละคน เจ้าได้บิดเบือนคำกล่าวของพระเจ้าผู้ดำรงชีวิตอยู่ พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา พระเจ้าของเรา 37 เจ้าจงพูดกับผู้เผยคำกล่าวดังนี้ ‘พระผู้เป็นเจ้าตอบท่านอย่างไรบ้าง’ หรือ ‘พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอย่างไรบ้าง’ 38 แต่ถ้าเจ้าพูดว่า ‘คำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า’ เป็นเพราะเจ้าพูดคำนั้น ทั้งๆ ที่เราให้คนไปบอกเจ้าว่าอย่าพูดว่า ‘คำพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า 39 ฉะนั้น ดูเถิด เราจะยกตัวเจ้าขึ้นมาอย่างแน่นอน และเหวี่ยงเจ้าไปให้ไกลจากเรา ทั้งตัวเจ้าและเมืองที่เรามอบให้แก่เจ้า และบรรพบุรุษของพวกเจ้า 40 และเราจะทำให้พวกเจ้าถูกดูหมิ่นและรับความอับอายไปตลอดกาล ซึ่งจะไม่มีวันลืมได้”

Footnotes

  1. 23:5 คือพระเมสสิยาห์ซึ่งพระเจ้าได้สัญญาไว้กับดาวิด ฉบับ 2 ซามูเอล 7:12,13; 1 พงศาวดาร 17:12; อิสยาห์ 4:2; 11:1; เยเรมีย์ 33:15; เศคาริยาห์ 3:8; 6:12