Add parallel Print Page Options

ยูดาห์ไม่สัตย์ซื่อ

พระคำของพระยาห์เวห์ได้มาถึงผมว่า “เยเรมียาห์ ไปพูดให้กับคนเยรูซาเล็มได้ยินว่า พระยาห์เวห์พูดว่า

เรายังจำได้ถึงความรักอันมั่นคงที่เจ้ามีให้กับเราเมื่อเจ้ายังเป็นเด็กอยู่
    เรายังจำได้ถึงความรักที่เจ้ามีให้กับเราในฐานะเจ้าสาว
และเรายังจำได้ว่าเจ้าได้ติดตามเราไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
    และในดินแดนที่ยังไม่เคยเพาะปลูกมาก่อน
    อิสราเอลนั้นถูกแยกออกมาสำหรับพระยาห์เวห์ เป็นผลแรกที่ดีเยี่ยมของสิ่งที่พระองค์ปลูก
ใครที่คิดจะกินส่วนนั้น ก็จะต้องถูกลงโทษ
    และคนพวกนั้นจะต้องได้รับความหายนะ”
พระยาห์เวห์พูดไว้อย่างนี้

พวกเจ้าที่เป็นลูกหลานของยาโคบ
    ที่เป็นตระกูลต่างๆที่สืบเชื้อสายมาจากอิสราเอล ฟังคำของพระยาห์เวห์ไว้ให้ดี
พระยาห์เวห์พูดไว้อย่างนี้
“บรรพบุรุษของเจ้าไม่พอใจเราตรงไหนหรือ พวกเขาถึงอยากจะไปให้ไกลจากเรา
    พวกเขาหันไปติดตามสิ่งที่ไร้ค่า ก็เลยทำให้พวกเขาไร้ค่าไปด้วย
บรรพบุรุษของเจ้าไม่ได้พูดว่า ‘พระยาห์เวห์อยู่ที่ไหนแล้ว
    พระองค์ผู้ที่ได้นำเราออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
ผู้ที่นำเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
    ในดินแดนที่รกร้างและหุบเขาลึก
ในดินแดนที่แห้งแล้งและอันตราย
    ในดินแดนที่ไม่มีใครเคยผ่านเข้าไปมาก่อน
    เป็นดินแดนที่ไม่เคยมีคนอยู่มาก่อน’

พระยาห์เวห์พูดว่า

แต่เราได้นำเจ้าไปยังแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
    เพื่อให้เจ้าได้กินผลไม้และผลผลิตต่างๆของมัน
แล้วเมื่อเจ้าเข้ามาอยู่ เจ้าก็ได้ทำให้แผ่นดินของเราไม่บริสุทธิ์
    และเจ้าได้ทำให้มรดกของเรากลายเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง
พวกนักบวชไม่ได้ถามว่า ‘พระยาห์เวห์อยู่ที่ไหน’
    และคนพวกนั้นที่เชี่ยวชาญกฎโมเสส ก็ไม่รู้จักเรา
เหล่าผู้เลี้ยงแกะ ก็ได้ทรยศต่อเรา
    ส่วนพวกผู้พูดแทนพระเจ้าก็พูดแทนพระบาอัล
    ผู้คนก็ไปติดตามสิ่งต่างๆที่ไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย”

พระยาห์เวห์พูดว่า “เพราะฉะนั้นเราจะยังโต้แย้งกับเจ้าต่อไป
    และโต้แย้งกับลูกของเจ้าและหลานของเจ้าด้วย
10 ข้ามไปที่เกาะไซปรัสสิ ไปดูว่าคนที่นั่นทำอะไรกัน
    หรือไม่ก็ส่งคนไปที่เคดาร์ ไปสำรวจให้ละเอียด
    ไปดูสิว่ามีใครเคยทำอะไรอย่างนี้เหมือนกับที่ยูดาห์บ้างไหม
11 มีชนชาติไหนบ้างที่เอาพระเจ้าของพวกเขาไปแลกกับพระอื่นๆ ไม่มีหรอก
    นี่ขนาดพระของคนพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้าเที่ยงแท้สักหน่อย
    แต่คนของเราสิ กลับเอาศักดิ์ศรีของเราไปแลกกับของที่ไม่ให้ประโยชน์อะไรเลย

12 ฟ้าสวรรค์ทั้งหลาย ให้ตกตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
    ให้สะดุ้งกลัว และหมดเรี่ยวแรงไป”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้แหละ
13 “ที่เราพูดอย่างนี้ เพราะคนของเราได้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่อเราสองอย่าง คือ
    พวกเขาได้ละทิ้งเราซึ่งเป็นน้ำพุที่ไหลริน
เพื่อจะได้ขุดแอ่งเก็บน้ำสำหรับตัวเอง
    แต่แอ่งน้ำพวกนั้นเป็นแอ่งน้ำแตกที่กักเก็บน้ำไม่ได้

14 อิสราเอลเป็นทาสหรือยังไง เขาเป็นลูกของคนใช้หรือยังไง ไม่ใช่เลย
    แล้วทำไมเขาถึงได้กลายเป็นเชลยสงครามไป
15 พวกสิงโตได้ขู่คำรามใส่อิสราเอล
    พวกสิงโตได้ส่งเสียงคำรามดังขึ้น
พวกสิงโตได้ทำให้แผ่นดินของพวกเขาว่างเปล่า
    จนไม่เหลือใครเลยในเมืองต่างๆเหล่านั้น
16 แม้แต่ลูกๆของชาวเมมฟิสและชาวทาปานเหส
    ก็ยังทำให้หัวของเจ้าบาดเจ็บ
17 ที่มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกับเจ้า ก็ไม่ใช่เพราะเจ้าได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปหรอกหรือ
    ตอนที่พระองค์นำเจ้าเดินไปตามทางที่ถูกต้อง
18 แล้วตอนนี้ทำไมเจ้าถึงอยากจะเดินกลับไปอียิปต์
    เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์เล่า
และทำไมเจ้าถึงอยากจะไปอัสซีเรีย
    เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสเล่า
19 สิ่งชั่วร้ายต่างๆที่เจ้าได้ทำไปจะตีสอนเจ้า
    และการหันเหไปจากเราก็จะทำให้เจ้าได้รับบทเรียน
เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่ามันชั่วร้ายและขมขื่นแค่ไหนที่เจ้าได้ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไป
    และเจ้าก็ไม่ได้มีความเกรงกลัวต่อเราเลย”
พระยาห์เวห์ เจ้านายของผม ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นพูดไว้ว่าอย่างนี้
20 “ที่เราพูดเรื่องนี้ก็เพราะเมื่อก่อนโน้นเจ้าหักแอกของเจ้า เจ้ากระชากเชือกทั้งหลายของเจ้าออก
    เจ้าพูดว่า ‘ฉันจะไม่รับใช้พระยาห์เวห์’
แน่ล่ะ ก็เจ้าเล่นนอนเอกเขนกอย่างกับโสเภณีอยู่บนเนินเขาสูงทุกลูก
    และใต้ต้นไม้เขียวชอุ่มทุกต้น
21 แต่เราปลูกเจ้าขึ้นมาเหมือนเถาองุ่นอย่างดีจากเมล็ดที่ดีที่สุดที่มีอยู่
    แล้วนี่เจ้ากลายพันธุ์ไปเป็นองุ่นป่าได้ยังไงกัน
22 ถึงเจ้าจะเอากรดหรือสบู่สารพัดมาล้างตัว เจ้าก็ยังดูเลอะเปรอะเปื้อน ในสายตาเราอยู่ดี
    เพราะการกระทำที่ชั่วช้าของเจ้านั่นแหละ”
พระยาห์เวห์เจ้านายของผม พูดไว้ว่าอย่างนั้น
23 “เจ้าพูดได้ยังไงว่า ‘ฉันไม่ได้ด่างพร้อย
    ฉันไม่ได้ติดตามพวกพระบาอัลสักหน่อย’
ดูการใช้ชีวิตของเจ้าในหุบเขาสิ
    ให้รับรู้เสียบ้างว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป
เจ้าทำตัวเหมือนอูฐสาวที่อยู่ไม่สุขในช่วงฤดูผสมพันธุ์ของมัน
24 เจ้าเป็นเหมือนลาป่าที่เคยชินกับที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น
    หมกมุ่นอยู่กับความอยากของตัวเอง
    แล้วก็ดมกลิ่นลม เมื่อถึงเวลาติดสัตว์ของนาง
ใครจะไปเหนี่ยวรั้งนางได้ สัตว์ที่ตามหานางเพื่อผสมพันธุ์ ไม่มีสักตัวที่ต้องตามหานางจนหมดแรง
    เพราะพวกเขาต่างหานางได้ง่ายๆในฤดูผสมพันธุ์นั้น
25 ทำไมเจ้าจะต้องวิ่งเท้าเปล่าและหิวน้ำตามพระเหล่านั้น
    แต่เจ้ากลับพูดว่า ‘ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ ฉันรักพระของคนต่างชาติ
    และฉันจะไปติดตามพวกพระเหล่านั้น’

26 ก็เหมือนกับที่หัวขโมยต้องอับอายขายหน้าเมื่อถูกจับ
    ชาติอิสราเอลก็จะต้องอับอายขายหน้าอย่างนั้นเหมือนกัน
ไม่ว่าจะเป็น ตัวพวกมันเอง หรือพวกกษัตริย์ พวกเจ้าหน้าที่ พวกนักบวช หรือพวกผู้พูดแทนพระเจ้าของพวกมัน
27 เรากำลังพูดถึงคนพวกนั้นที่พูดกับต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นพ่อของฉัน’
    และคนพวกนั้นที่พูดกับก้อนหินว่า ‘ท่านให้กำเนิดฉันมา’
พวกมันหันหลังให้เรา
    ไม่ได้หันหน้าให้เรา
แต่พอพวกมันมีปัญหาก็พูดว่า
    ‘พระยาห์เวห์เจ้าข้า ลุกขึ้นมาช่วยพวกเราด้วยเถิด’
28 แล้วไหนละ ยูดาห์ พวกพระที่เจ้าทำขึ้นมาให้กับตัวเอง
    ให้พวกมันลุกขึ้นมาช่วยพวกเจ้าตอนที่เจ้ามีปัญหาสิ
    เพราะเจ้ามีพระตั้งมากมายเท่ากับจำนวนเมืองของเจ้า

29 ทำไมเจ้าถึงเถียงเรา
    พวกเจ้าทุกคนทรยศต่อเรา”
พระยาห์เวห์พูดไว้ว่าอย่างนี้แหละ
30 “เราได้ตีลูกๆของพวกเจ้า แต่การตีนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
    พวกเขาไม่ได้รับบทเรียนจากการถูกตีสอนนั้น
เจ้าได้ฆ่าผู้พูดแทนพระเจ้าทุกคนที่เราส่งมาเตือนเจ้า เหมือนสิงโตที่หิวจัด
31 พวกเจ้าที่เป็นคนในรุ่นนี้ ให้สนใจสิ่งที่พระยาห์เวห์พูดกับเจ้า
    ‘เราเป็นเหมือนทะเลทรายให้กับอิสราเอลหรือยังไง เราเป็นเหมือนแผ่นดินที่มืดมิดให้กับพวกเขาหรือยังไง’
ทำไมคนของเราถึงได้พูดว่า ‘พวกเราเป็นอิสระไปไหนก็ได้ พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีกแล้ว’
32 มีเจ้าสาวที่ไหนลืมเครื่องประดับของเธอบ้าง
    มีเจ้าสาวที่ไหนลืมชุดแต่งงานของตัวเองบ้าง
แต่คนของเรากลับลืมเรานานซะจนนับไม่ถ้วนแล้ว

33 เจ้านี่เก่งจริงๆเลย ที่แสวงหาคนรักอื่นๆ
    และเจ้ายังได้สอนคนอื่นๆให้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่างๆแบบเดียวกัน
34 เจ้ามีเลือดติตอยู่ที่ฝ่ามือของเจ้า
    เป็นเลือดของคนบริสุทธิ์และคนยากจน
เจ้าไม่ได้พบว่าพวกเขาปล้นบ้านของเจ้าสักหน่อย
    แต่เมื่อพูดถึงเรื่องพวกนี้ทั้งหมด
35 เจ้าพูดว่า ‘ฉันบริสุทธิ์แน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่มีวันโกรธฉันแน่’
    ดูสิ เรากำลังนำตัวเจ้าไปศาล เพราะเจ้าพูดว่า ‘ฉันไม่ได้ทำบาป’
36 ทำไมเจ้าเปลี่ยนใจง่ายจัง
    อียิปต์ก็จะทำให้เจ้าผิดหวัง เหมือนกับที่อัสซีเรียทำให้เจ้าผิดหวังมาแล้วก่อนหน้านี้
37 เจ้าจะต้องออกจากอียิปต์ด้วยมือกุมหัว
    เพราะพระยาห์เวห์ได้ปฏิเสธชนชาติเหล่านั้นที่เจ้าไว้วางใจ
    พวกเขาจะไม่ทำให้เจ้าประสบความสำเร็จหรอก”

อิสราเอลทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า

พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “จงไปประกาศให้ทุกคนในเยรูซาเล็มรับรู้ว่า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

เราระลึกถึงการอุทิศตนเมื่อเจ้ายังเยาว์
    ความรักของเจ้าที่มีต่อเราราวกับเจ้าสาว
และเจ้าติดตามเราอย่างไรในถิ่นทุรกันดาร
    ในแผ่นดินที่ยังไม่มีพันธุ์ไม้เลย
อิสราเอลเคยบริสุทธิ์ต่อพระผู้เป็นเจ้า
    ดั่งผลแรกของการเก็บเกี่ยว
ทุกคนที่กินผลแรกก็จะมีความผิด
    และได้รับความวิบัติ”
    พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

พวกท่านที่เป็นผู้สืบเชื้อสายของยาโคบ และตระกูลทั้งปวงของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้

“บรรพบุรุษของเจ้าเห็นว่าเราทำสิ่งใดผิด
    จึงได้ห่างเหินไปจากเรา
และกลับติดตามสิ่งอันไร้ค่า
    และกลายเป็นคนไร้ค่า
พวกเขาไม่ได้พูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้าอยู่ไหน
    ผู้ที่นำพวกเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
ผู้นำพวกเราในถิ่นทุรกันดาร
    ในแผ่นดินที่เป็นทะเลทรายและเป็นหลุมทราย
ในแผ่นดินแห้งแล้งและปราศจากชีวิต
    ในแผ่นดินที่ไม่มีใครเดินทางผ่าน
    หรืออาศัยอยู่’
และเรานำเจ้าเข้าไปในแผ่นดินอันอุดม
    เพื่อให้เจ้าสุขสำราญกับผลิตผลและสิ่งดีๆ ของแผ่นดิน
แต่เมื่อเจ้าเข้ามาแล้ว เจ้าทำให้แผ่นดินที่เรามอบให้เป็นมรดกเป็นมลทิน
    และทำให้ผืนแผ่นดินของเราเป็นที่น่ารังเกียจ
บรรดาปุโรหิตไม่ได้พูดว่า
    พระผู้เป็นเจ้าอยู่ไหน’
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎบัญญัติไม่รู้จักเรา
    บรรดาผู้เลี้ยงดูฝูงแกะก็ล่วงละเมิดต่อเรา
บรรดาผู้เผยคำกล่าวพูดในนามของเทพเจ้าบาอัล
    และไปติดตามสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์”

ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้

“เรายังคัดค้านเจ้าอยู่
    เราจะคัดค้านลูกของเจ้าและลูกๆ ของลูกเจ้าด้วย
10 ถ้าเจ้าข้ามไปยังฝั่งทะเลของไซปรัสและมองดู
    หรือให้ผู้ใดไปยังเคดาร์และสำรวจอย่างระมัดระวัง
    ดูสิว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่
11 มีประชาชาติใดที่เปลี่ยนเทพเจ้าบ้าง
    แม้ว่าจะไม่ใช่เทพเจ้าแท้จริง
แต่ชนชาติของเราได้เปลี่ยนจากเราซึ่งเป็นบารมีของพวกเขา
    ไปหาเทพเจ้าซึ่งทำสิ่งใดให้พวกเขาไม่ได้เลย”

12 พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า

“โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงตื่นตระหนก
    และหวาดกลัวจนตัวแข็งเกร็งกับเรื่องดังกล่าว
13 ด้วยว่าชนชาติของเราได้กระทำความชั่ว 2 ประการคือ
    พวกเขาได้ทอดทิ้งเราผู้เป็นน้ำพุแห่งชีวิต
และเขาได้ขุดบ่อน้ำให้แก่ตนเอง
    บ่อน้ำที่พังซึ่งเก็บน้ำไม่ได้

14 อิสราเอลเป็นทาสหรือ เป็นผู้รับใช้ที่เป็นทาสโดยกำเนิดหรือ
    แล้วทำไมพวกเขาจึงกลายเป็นเหยื่อที่ถูกล่า
15 สิงโตได้คำรามใส่เขา
    คำรามเสียงดัง
พวกสิงโตทำให้แผ่นดินของเขารกร้าง
    เมืองของเขาถูกเผาและไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่
16 ยิ่งกว่านั้น ชาวเมมฟิสและทาปานเหส
    ได้โกนศีรษะของพวกเจ้า
17 เจ้าเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์นี้กับตัวเจ้าเอง
    เพราะการทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
    ครั้งที่พระองค์นำพวกเจ้าไปมิใช่หรือ
18 และบัดนี้เจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปยังประเทศอียิปต์
    เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำไนล์หรือ
หรือเจ้าจะได้ประโยชน์อะไรที่ไปยังอัสซีเรีย
    เพื่อไปดื่มน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสหรือ
19 ความชั่วร้ายของเจ้าจะลงโทษเจ้าเอง
    และเจ้าจะได้รับบทเรียนเมื่อเจ้าหันเหไปจากเรา
จงรับรู้ไว้ว่า สิ่งเลวร้ายและขมขื่นจะเกิดแก่เจ้า
    ที่ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเจ้า
ความเกรงกลัวที่มีต่อเราไม่ได้อยู่ในตัวเจ้าเลย”
    พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น

20 “ด้วยว่า นานมาแล้วที่เจ้าหักแอกของเจ้า
    และตัดสิ่งที่ผูกเจ้าให้หลุดออกไป
    และเจ้าพูดว่า ‘เราจะไม่รับใช้’
แต่แล้วเจ้าก็ก้มกราบลงอย่างหญิงแพศยาคนหนึ่ง
    บนเนินเขาสูงทุกลูก
    และใต้ต้นไม้อันเขียวชอุ่มทุกต้น
21 เราปลูกเจ้าให้เป็นดั่งเถาพันธุ์เยี่ยม
    เป็นเมล็ดบริสุทธิ์แท้
แล้วเจ้ากลับเน่า
    และได้กลายเป็นเถาที่ไร้ค่า
22 แม้ว่าเจ้าจะชำระล้างตัวเจ้าด้วยน้ำด่าง
    และใช้สบู่มาก
    แต่ความชั่วที่เป็นรอยเปื้อนของเจ้าก็ยังอยู่เบื้องหน้าเรา”
    พระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ประกาศดังนั้น
23 “เจ้าพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้าพเจ้าไม่มีมลทิน
    ข้าพเจ้าไม่ได้นมัสการเทพเจ้าบาอัล’
ดูวิถีทางของเจ้าในหุบเขาสิ
    เจ้ารู้ว่าเจ้าได้ทำอะไรไปบ้าง
เหมือนกับอูฐสาวที่วิ่งไปวิ่งมา
24     ลาป่าเคยชินกับถิ่นทุรกันดาร
ลาตัวเมียสูดตามกลิ่นในสายลมเพื่อหาคู่ของมัน
    ใครจะรั้งความต้องการของมันได้ล่ะ
ไม่มีลาผู้ตัวใดที่จำเป็นจะต้องเหนื่อยจากการมองหาลาตัวเมียเลย
    เมื่อถึงเวลาหาคู่ ลาผู้ก็จะหามันพบ
25 อย่าวิ่งไปมาจนเท้าของเจ้าเจ็บ
    หรือทำให้คอของเจ้าแห้ง
แต่เจ้าพูดว่า ‘ไม่เกิดประโยชน์เลย
    เพราะข้าพเจ้าหลงรักเทพเจ้าต่างชาติ
    และข้าพเจ้าจะติดตามต่อไป’

26 ขโมยที่อับอายเมื่อถูกจับได้เป็นอย่างไร
    พงศ์พันธุ์อิสราเอลก็จะอับอายอย่างนั้น
ทั้งพวกเขา บรรดากษัตริย์ ผู้นำ ปุโรหิต
    และบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพวกเขา
27 ซึ่งเป็นบรรดาผู้ที่พูดกับต้นไม้ว่า
    ‘ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า’
และพูดกับก้อนหินว่า
    ‘ท่านให้กำเนิดแก่เรา’
เพราะพวกเขาหันหลัง
    แทนที่จะหันหน้ามาหาเรา
แต่เมื่อพวกเขามีความลำบากก็พูดว่า
    ‘ขอพระองค์ลุกขึ้นและช่วยพวกเราให้รอดเถิด’
28 แต่พวกเทพเจ้าของเจ้า ที่เจ้าทำขึ้นเองอยู่ไหนล่ะ
    ถ้าเขาช่วยเจ้าให้รอดได้
    เมื่อเจ้ามีความลำบาก ก็ให้พวกเขาลุกขึ้นสิ
เพราะเทพเจ้าของเจ้ามีมาก
    เท่ากับเมืองของเจ้า โอ ยูดาห์เอ๋ย

29 พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

ทำไมเจ้าจึงบ่นกับเรา
    พวกเจ้าทุกคนได้ล่วงละเมิดต่อเรา
30 เราได้ลงโทษคนของเจ้า
    แต่พวกเขาก็ไม่รับเป็นบทเรียน
เจ้าฆ่าบรรดาผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าด้วยดาบของเจ้าเอง
    เหมือนกับสิงโตที่คอยขม้ำเหยื่อ
31 โอ พวกเจ้าที่อยู่ในยุคนี้เอ๋ย
    จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
อิสราเอลเห็นว่า เราเป็นเหมือนถิ่นทุรกันดาร
    หรือเป็นแผ่นดินอันมืดทึบอย่างนั้นหรือ
เหตุใดชนชาติของเราจึงพูดว่า ‘พวกเรามีอิสระ
    พวกเราจะไม่มาหาพระองค์อีก’
32 หญิงสาวจะลืมเครื่องประดับของเธอ
    หรือเจ้าสาวจะลืมชุดเจ้าสาวได้อย่างนั้นหรือ
ถึงกระนั้นชนชาติของเรายังได้ลืมเราเสียแล้ว
    เป็นเวลานานแสนนาน

33 เจ้าชำนาญในการเลือกหาคนรักได้อย่างดี
    แม้แต่พวกหญิงชั่วร้าย
    เจ้าก็ยังได้สอนวิถีทางของเจ้าให้แก่พวกเขา
34 เสื้อผ้าของเจ้ามีรอยเปื้อนเลือดของผู้ยากไร้ที่ไร้ความผิด
    เจ้าก็รู้ดีว่า พวกเขาไม่ได้บุกเข้าบ้าน
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม
35     เจ้ายังพูดว่า ‘ข้าพเจ้าไม่มีความผิด
    พระองค์ไม่เอาผิดข้าพเจ้า’
ดูเถิด เราจะตัดสินเจ้าที่พูดว่า
    ‘ข้าพเจ้าไม่ได้ทำบาป’
36 เจ้าร่อนไปมา
    เปลี่ยนวิถีทางของเจ้าได้ง่ายอะไรเช่นนี้
อียิปต์จะทำให้เจ้าต้องอับอาย
    เหมือนกับที่อัสซีเรียได้ทำให้เจ้าอับอาย
37 เจ้าจะวางมือไว้บนหัว
    และหันกลับออกมาจากอียิปต์
เพราะพระผู้เป็นเจ้าไม่ยอมรับพวกที่เจ้าไว้วางใจ
    และพวกเขาจะไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้”