[a]ข้าพเจ้าคือผู้ที่เห็นความทุกข์ลำเค็ญ
จากไม้เรียวแห่งพระพิโรธของพระองค์
พระองค์ทรงขับไล่ข้าพเจ้าออกมาเดิน
ในความมืดมนแทนที่จะเดินในความสว่าง
อันที่จริงพระองค์ทรงหันมาเล่นงานข้าพเจ้า
ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดวันคืน

พระองค์ทรงกระทำให้เนื้อและหนังของข้าพเจ้าเหี่ยวย่นไป
ทรงหักกระดูกของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงล้อมกรอบข้าพเจ้าไว้
ด้วยความขมขื่นและความทุกข์ลำเค็ญ
พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด
เหมือนคนที่ตายไปนานแล้ว

พระองค์ทรงล้อมข้าพเจ้าไว้ไม่ให้หนีไปได้
พระองค์ทรงถ่วงข้าพเจ้าด้วยโซ่ตรวน
แม้เมื่อข้าพเจ้าทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือ
พระองค์ไม่ทรงรับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงวางศิลากั้นทางของข้าพเจ้า
ทรงทำให้หนทางของข้าพเจ้าคดเคี้ยว
10 พระองค์ทรงเป็นดั่งหมีที่คอยตะครุบ
ดั่งสิงโตที่ซุ่มอยู่
11 พระองค์ทรงลากข้าพเจ้าออกจากทางและฉีกข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ
แล้วทิ้งข้าพเจ้าโดยไม่มีใครมาช่วย
12 พระองค์ทรงโก่งคันธนู
เล็งข้าพเจ้าเป็นเป้า

13 ลูกธนูจากแล่งธนูของพระองค์
เสียบทะลุหัวใจของข้าพเจ้า
14 ข้าพเจ้าตกเป็นขี้ปากให้พี่น้องร่วมชาติหัวเราะเยาะ
เขาร้องเพลงล้อเลียนข้าพเจ้าวันยังค่ำ
15 พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้ากินผักรสขมจนอิ่ม
และทำให้ข้าพเจ้าเข็ดขมด้วยบอระเพ็ด

16 พระองค์ทรงเลาะฟันของข้าพเจ้าด้วยกรวด
ทรงเหยียบย่ำข้าพเจ้าจมฝุ่นธุลี
17 สันติสุขถูกพรากไปจากใจของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าลืมไปแล้วว่าความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างไร
18 ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “ศักดิ์ศรีของข้าพเจ้าสูญสิ้นเสียแล้ว
และทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดหวังจากองค์พระผู้เป็นเจ้าก็พังทลาย”

19 โปรดระลึกถึงความทุกข์ลำเค็ญและการระหกระเหินของข้าพเจ้า
ระลึกถึงความขมขื่นและบอระเพ็ดที่ข้าพเจ้าได้รับ
20 ข้าพเจ้าจดจำสิ่งเหล่านี้ได้ดี
และจิตใจของข้าพเจ้าก็หดหู่อยู่ภายใน
21 ถึงกระนั้นข้าพเจ้าก็หวนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
ข้าพเจ้าจึงมีความหวัง

22 เพราะความรักใหญ่หลวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าเราจึงไม่ถูกผลาญทำลายไป
เพราะพระเมตตาของพระองค์ไม่เคยยั้งหยุด
23 มีมาใหม่ทุกเช้า
ความซื่อสัตย์ของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก
24 ข้าพเจ้ากล่าวกับตนเองว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามี
ฉะนั้นข้าพเจ้าจะรอคอยพระองค์”

25 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดีต่อผู้ที่ฝากความหวังไว้กับพระองค์
ทรงดีต่อผู้ที่แสวงหาพระองค์
26 เป็นการดีที่จะสงบรอคอย
ความรอดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน
27 เป็นการดีที่คนเราจะแบกแอกไว้
ขณะยังหนุ่มสาว

28 ให้เขานั่งเงียบๆ อยู่แต่ลำพัง
เพราะพระองค์ทรงวางแอกนั้นไว้บนเขา
29 ให้เขาจำนนซบหน้าลงกับดิน
เพราะอาจยังมีความหวัง
30 ให้เขาเอียงแก้มให้ผู้ที่จะตบเขา
และให้เขายอมรับความอัปยศอดสู

31 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า
ไม่ได้ทรงทอดทิ้งมนุษย์ตลอดไป
32 แม้พระองค์ทรงให้เกิดความทุกข์โศก แต่ก็ยังจะทรงสำแดงความเมตตาสงสาร
ตามความรักมั่นคงอันใหญ่หลวงของพระองค์
33 เพราะพระองค์ไม่ได้ทรงเต็มพระทัยที่จะให้เกิดความทุกข์ทรมาน
หรือความโศกเศร้าแก่มนุษย์ทั้งหลาย

34 การเหยียบย่ำ
นักโทษทั้งปวงในดินแดน
35 การตัดสิทธิ์ผู้หนึ่งผู้ใด
ต่อหน้าองค์ผู้สูงสุด
36 การไม่ให้ความยุติธรรมแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงเห็นสิ่งเหล่านี้หรือ?

37 หากองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้มีประกาศิตไว้
ผู้ใดเล่าจะสั่งให้มันเกิดขึ้นได้?
38 ทั้งหายนะและสิ่งดีงาม
ล้วนมาจากพระโอษฐ์ขององค์ผู้สูงสุดไม่ใช่หรือ?
39 ควรหรือที่มนุษย์จะบ่น
เมื่อถูกลงโทษเพราะบาปทั้งหลายของตน?

40 ให้เราสำรวจตรวจตราวิถีทางของเราเอง
และให้เรากลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า
41 ให้เราชูใจและชูมือขึ้นอธิษฐาน
ต่อพระเจ้าในสวรรค์และกล่าวว่า
42 “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปและได้กบฏ
และพระองค์ไม่ได้ทรงให้อภัย

43 “พระองค์ทรงคลุมพระองค์เองไว้ด้วยพระพิโรธและทรงตามล่าข้าพระองค์ทั้งหลาย
พระองค์ทรงประหารโดยไม่ปรานี
44 พระองค์ทรงคลุมพระองค์เองไว้ด้วยเมฆ
เพื่อไม่ให้คำอธิษฐานใดๆ ขึ้นถึงพระองค์ได้
45 พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นกากเดนและเศษขยะ
ในหมู่ประชาชาติ

46 “ศัตรูทั้งปวงของพวกข้าพระองค์
เปิดปากว่าร้ายพวกข้าพระองค์
47 พวกข้าพระองค์เผชิญความน่าสะพรึงกลัว
การหลอกลวงและความพินาศย่อยยับ”
48 ธารน้ำตาไหลหลั่งจากตาของข้าพเจ้า
เพราะพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าถูกทำลาย

49 ข้าพเจ้าจะหลั่งน้ำตาไม่ขาดสาย
ไม่หยุดหย่อน
50 จนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทอดพระเนตร
จากฟ้าสวรรค์ลงมาเหลียวแล
51 สิ่งที่เห็นทำให้จิตใจของข้าพเจ้าทุกข์ระทม
เพราะหญิงทุกคนในเมืองของข้าพเจ้า

52 บรรดาผู้ที่เป็นศัตรูกับข้าพเจ้าโดยไม่มีสาเหตุ
ตามล่าข้าพเจ้าเหมือนล่านก
53 พวกเขามุ่งปลิดชีวิตของข้าพเจ้าในบ่อ
และขว้างก้อนหินใส่ข้าพเจ้า
54 น้ำไหลท่วมมิดศีรษะของข้าพเจ้า
จนข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองถึงจุดจบแล้ว

55 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องเรียกพระนามของพระองค์
จากก้นบ่อ
56 พระองค์ทรงได้ยินข้าพระองค์อ้อนวอนว่า “ขออย่าทรงปิดพระกรรณ
จากคำร้องทูลขอการบรรเทาของข้าพระองค์”
57 พระองค์เสด็จมาใกล้เมื่อข้าพระองค์ร้องเรียกพระองค์
และตรัสว่า “อย่ากลัวเลย”

58 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรับคดีความของข้าพระองค์
ทรงไถ่ชีวิตของข้าพระองค์
59 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเห็นการร้ายที่เขาทำแก่ข้าพระองค์
ขอทรงให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพระองค์!
60 พระองค์ทรงเห็นแผนแก้แค้นอันลึกล้ำของพวกเขา
สิ่งทั้งปวงที่พวกเขาคบคิดกันต่อสู้ข้าพระองค์

61 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงได้ยินคำสบประมาทของพวกเขาแล้ว
สิ่งทั้งปวงที่พวกเขาคบคิดกันต่อสู้ข้าพระองค์
62 สิ่งที่เหล่าศัตรูซุบซิบพึมพำ
ว่าร้ายข้าพระองค์ตลอดทั้งวัน
63 โปรดทอดพระเนตรพวกเขา! จะลุกเหินเดินนั่ง
พวกเขาก็ร้องเพลงถากถางข้าพระองค์

64 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงคืนสนองพวกเขาอย่างสาสม
ตามสิ่งที่มือของพวกเขาได้ทำ
65 ขอทรงคลี่ผ้าคลุมใจของพวกเขา
ขอให้คำสาปแช่งของพระองค์ตกแก่พวกเขา!
66 ขอทรงรุกไล่พวกเขาด้วยพระพิโรธและทำลายล้างพวกเขา
จากภายใต้ฟ้าสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า

Footnotes

  1. + ในภาษาฮีบรู บทนี้เป็นบทกวีที่แต่ละข้อขึ้นต้นด้วยตัวอักษรฮีบรูเรียงตามลำดับ ทุกสามข้อขึ้นต้นด้วยตัวอักษรตัวเดียวกัน

ความสัตย์จริงของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก

ข้าพเจ้าเป็นคนที่ได้เห็นความทุกข์ทรมาน
    จากอำนาจแห่งการลงโทษของพระองค์
พระองค์ได้นำข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้าเข้าสู่ความมืด
    โดยปราศจากแสงสว่าง
จริงทีเดียว มือของพระองค์ฟาดตัวข้าพเจ้า
    ซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดวันเวลา

พระองค์ทำให้เนื้อหนังของข้าพเจ้าเหี่ยวแห้ง
    และหักกระดูกของข้าพเจ้า
พระองค์ให้ความขมขื่นและความยากลำบาก
    ล้อมและคลุมรอบตัวข้าพเจ้า
พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด
    อย่างคนที่ตายไปนานแล้ว

พระองค์ได้กั้นล้อมข้าพเจ้าโดยไม่ให้หนีรอดไปได้
    พระองค์ใช้โซ่หนักถ่วงข้าพเจ้าไว้
แม้ว่าข้าพเจ้าจะร้องเรียกขอความช่วยเหลือ
    พระองค์ก็ไม่ต้องการได้ยินคำอธิษฐาน
พระองค์ได้ปิดกั้นทางของข้าพเจ้าด้วยหินสกัด
    ทำให้หนทางของข้าพเจ้าคดเคี้ยว

10 พระองค์เป็นดั่งหมีที่รอดักอยู่
    เป็นดั่งสิงโตที่ซ่อนอยู่
11 พระองค์นำข้าพเจ้าออกนอกทางและฉีกข้าพเจ้าออกเป็นชิ้นๆ
    และปล่อยให้ข้าพเจ้าอยู่ตามลำพัง
12 พระองค์โก่งคันธนู
    และตั้งข้าพเจ้าให้เป็นเป้าธนู

13 พระองค์ยิงธนูจากแล่งของพระองค์
    ตรงหัวใจของข้าพเจ้า
14 ข้าพเจ้ากลายเป็นที่หัวเราะเยาะของประชาชนทั้งปวงของข้าพเจ้า
    พวกเขาร้องเพลงล้อเลียนข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
15 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้ารับเต็มอิ่มด้วยของขม
    และให้ข้าพเจ้าดื่มจากพันธุ์ไม้ขม

16 พระองค์ทำให้ฟันของข้าพเจ้าหักด้วยก้อนกรวด
    และกดข้าพเจ้าลงในกองขี้เถ้า
17 พระองค์ทำให้ข้าพเจ้าขาดความสงบสุข
    ข้าพเจ้าลืมแล้วว่าความสุขเป็นอย่างไร
18 ข้าพเจ้าจึงพูดว่า “ความอดกลั้น
    และความหวังที่ข้าพเจ้ามีในพระผู้เป็นเจ้าหมดสิ้นแล้ว”

19 ข้าพเจ้ายังจำได้ถึงความทุกข์ทรมานและความขมขื่น
    พันธุ์ไม้ขมและของขม
20 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าระลึกถึงตลอดมา
    ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าสลดหดหู่
21 ข้าพเจ้านึกเรื่องนี้ขึ้นได้
    ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความหวัง

22 เพราะความรักอันมั่นคงของพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยขาดหาย
    ความเมตตาของพระองค์ไม่เคยหยุดยั้ง
23 ความรักและความเมตตาเกิดขึ้นใหม่ทุกๆ เช้า
    ความสัตย์จริงของพระองค์ยิ่งใหญ่นัก
24 ข้าพเจ้าบอกตนเองว่า “พระผู้เป็นเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงรอคอยพระองค์”

25 พระผู้เป็นเจ้าดีต่อบรรดาผู้ที่มีความหวังในพระองค์
    ต่อจิตวิญญาณที่แสวงหาพระองค์
26 เป็นการดีที่รอคอยความรอดพ้น
    ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าอย่างเงียบๆ
27 เป็นการดีที่คนแบกแอกได้
    ขณะยังเยาว์วัย

28 ปล่อยให้เขานั่งอย่างเงียบๆ ตามลำพัง
    เมื่อพระองค์วางแอกบนตัวเขา
29 ปล่อยให้เขาถ่อมตนลง
    เผื่อจะมีความหวังบ้าง
30 ปล่อยให้เขาถูกคนตบหน้า
    และถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม

31 เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทอดทิ้ง
    ไปตลอดกาล
32 แม้ว่าพระองค์ทำให้เราเศร้าใจ พระองค์ก็ยังจะแสดงความเมตตา
    เพราะความรักอันมั่นคงของพระองค์มากยิ่งนัก
33 พระองค์ไม่ตั้งใจที่จะนำความทุกข์
    หรือความเศร้ามาสู่บรรดาบุตรของมนุษย์

34 การเหยียบขยี้ผู้ถูกจำขังทุกคนในโลก
    ให้อยู่ใต้เท้า
35 การตัดสิทธิของมนุษย์
    ณ เบื้องหน้าองค์ผู้สูงสุด
36 และการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่มนุษย์
    พระผู้เป็นเจ้าทราบเรื่องเหล่านี้มิใช่หรือ

37 ใครบัญชาให้เกิดขึ้นได้
    นอกจากพระผู้เป็นเจ้าจะกำหนดขึ้น
38 สิ่งดีและร้ายเกิดขึ้น
    ก็เนื่องจากองค์ผู้สูงสุดบัญชามิใช่หรือ
39 ทำไมมนุษย์ที่ยังมีชีวิตจึงพร่ำบ่น
    เมื่อถูกลงโทษเพราะบาปของตน

40 เราควรพิจารณาและทดสอบวิถีทางของพวกเรา
    และหันเข้าหาพระผู้เป็นเจ้าเถิด
41 เรามาเปิดใจและยกมืออธิษฐานต่อ
    พระเจ้าในสวรรค์เถิด
42 เราได้ล่วงละเมิดและขัดขืน
    และพระองค์ไม่ได้ยกโทษ

43 พระองค์คลุมพระองค์เองด้วยความกริ้ว และตามล่าพวกเรา
    ด้วยการสังหารโดยปราศจากความปรานี
44 พระองค์คลุมพระองค์เองด้วยก้อนเมฆ
    เพื่อคำอธิษฐานจะผ่านเข้าถึงไม่ได้
45 พระองค์ทำให้พวกเราเป็นดั่ง
    กองขยะในบรรดาชนชาติ

46 ศัตรูทุกคนของพวกเรา
    อ้าปากกว้างใส่พวกเรา
47 พวกเราประสบความน่ากลัวและหลุมพราง
    ความทุกข์ทรมานและความพินาศ
48 น้ำตาข้าพเจ้าไหลพราก
    เพราะความพินาศของธิดาของประชาชนของข้าพเจ้า

49 น้ำตาข้าพเจ้าไหลไม่หยุด
    ไม่ได้พัก
50 จนกระทั่งพระผู้เป็นเจ้ามองลงมา
    จากสวรรค์และแลเห็น
51 สิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นทำให้จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเศร้าใจ
    เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรหญิงทั้งปวงในเมืองของข้าพเจ้า

52 บรรดาศัตรูของข้าพเจ้าตามล่าข้าพเจ้า
    ราวกับล่านกโดยไร้สาเหตุ
53 พวกเขาเหวี่ยงข้าพเจ้าทั้งเป็นลงในหลุมลึก
    และขว้างก้อนหินใส่ข้าพเจ้า
54 น้ำท่วมมิดศีรษะของข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าคิดในใจว่า ข้าพเจ้ากำลังถูกตัดขาด

55 โอ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าออกพระนามของพระองค์
    จากห้วงเหวของหลุมลึกแห่งแดนคนตาย
56 พระองค์ได้ยินคำวิงวอนของข้าพเจ้า
    “โปรดฟังคำร้องขอความช่วยเหลือของข้าพเจ้า”
57 พระองค์เข้ามาใกล้ในเวลาที่ข้าพเจ้าร้องเรียกถึงพระองค์
    พระองค์กล่าวว่า “ไม่ต้องกลัว”

58 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ปกป้องข้าพเจ้า
    พระองค์ได้ไถ่ชีวิตข้าพเจ้าแล้ว
59 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์เห็นการกระทำผิดที่มีต่อข้าพเจ้า
    ขอพระองค์ช่วยเหลือข้าพเจ้า
60 พระองค์ทราบว่าความเคียดแค้นของพวกเขาโหดร้ายนัก
    เขาวางแผนต่อต้านข้าพเจ้า

61 โอ พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ยินแล้วว่าพวกเขาดูถูกข้าพเจ้า
    เขาวางแผนต่อต้านข้าพเจ้า
62 สิ่งที่พวกศัตรูนินทาและพร่ำบ่น
    ก็คือการต่อต้านข้าพเจ้าตลอดวันเวลา
63 ดูเถิด ไม่ว่าพวกเขาจะนั่งหรือยืน
    ข้าพเจ้าก็กลายเป็นเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นมา

64 โอ พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้เขาได้รับสนองตามสิ่งที่เขาปฏิบัติ
    ให้เขาได้รับผลจากสิ่งที่เขาได้กระทำ
65 ทำจิตใจของพวกเขาให้แข็งกระด้าง
    และขอคำสาปแช่งจงตกอยู่กับพวกเขา
66 ขอพระองค์ตามล่าพวกเขาด้วยความกริ้วและทำให้พินาศไป
    จากใต้ฟ้าสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า

ความหมายของความทุกข์ยากลำบาก

ผมเป็นคนที่เห็นความทุกข์ยากลำบากมามากแล้ว
พระเจ้าตีผมด้วยไม้เท้าของพระองค์
    ตอนที่พระองค์โกรธ
พระองค์นำผมและทำให้ผมเดินในความมืด ไม่ใช่ความสว่าง
พระองค์ตีผมคนเดียว
    ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดวัน
พระองค์ทำให้เนื้อและหนังของผมเหี่ยวแห้งไป
    พระองค์หักกระดูกของผม
พระองค์สร้างพวกหอเคลื่อนที่สำหรับโจมตีผม
    และโอบล้อมผมด้วยความยากจน และความทุกข์ยาก
พระองค์ทำให้ผมนั่งอยู่ในความมืดมิด
    เหมือนกับคนที่ตายไปนานแล้ว
พระองค์สร้างกำแพงล้อมผมไว้ ผมหนีไม่ได้
    และพระองค์เอาโซ่ทองสัมฤทธิ์อันหนักอึ้งล่ามผมไว้
ถึงแม้ผมได้ร้องให้ช่วย
    พระองค์ก็เพิกเฉยต่อคำอธิษฐานของผม
พระองค์กั้นถนนของผมด้วยกำแพงที่สร้างจากหินสกัด
    พระองค์ทำให้ผมเดินทางต่อไปไม่ได้
10 พระองค์เป็นเหมือนหมีที่คอยตะครุบผม
    เหมือนสิงโตที่คอยซุ่มโจมตีผม
11 พระองค์ไล่ล่าผมจนออกนอกทางของผม และฉีกผมเป็นชิ้นๆ
    พระองค์ปล่อยให้ผมถูกทิ้งอย่างสิ้นหวัง
12 พระองค์โก่งคันธนูของพระองค์
    และเอาผมเป็นเป้าลูกธนูนั้น
13 พระองค์ยิงผมที่ไต
    ด้วยลูกธนูที่เอามาจากแล่งของพระองค์
14 คนของผมหัวเราะเยาะผม
    พวกเขาร้องเพลงล้อเลียนผมทั้งวัน
15 พระองค์ทำให้ผมเต็มไปด้วยความขมขื่น
    พระองค์ทำให้ผมอิ่มด้วยน้ำบอระเพ็ดอันขม
16 พระองค์ทำให้ฟันผมพังละเอียดด้วยก้อนกรวด
    พระองค์กระทืบผมจมดิน
17 จิตใจผมไม่มีความสงบสุขเลย
    ผมลืมไปแล้วว่า สิ่งที่ดีๆเป็นอย่างไร
18 ผมบอกกับตัวเองว่า “อนาคตและความหวังของผมจากพระยาห์เวห์
    ได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว”
19 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอได้โปรดจดจำถึงความทุกข์ยากลำบากของข้าพเจ้า
    การเร่ร่อนไปมาของข้าพเจ้าและน้ำบอระเพ็ดอันขมและยาพิษที่ข้าพเจ้าต้องดื่มนั้น
20 ผมจำได้ดีถึงความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับผม
    และผมก็หดหู่ใจ
21 แต่ผมระลึกได้ถึงสิ่งหนึ่ง
    ทำให้ผมเกิดความหวังขึ้น
22 แน่นอน ความรักของพระยาห์เวห์ไม่มีวันสิ้นสุด
    แน่นอน ความเมตตาของพระองค์ไม่มีวันหมดสิ้น
23 ความรักและความเมตตาของพระองค์เริ่มต้นใหม่ในทุกๆเช้า
    ความซื่อสัตย์ของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่
24 จิตใจของผมพูดว่า “พระยาห์เวห์เป็นทุกสิ่งที่ผมต้องการ
    ดังนั้นผมจึงมีความหวังในพระองค์”

25 พระยาห์เวห์ดีกับคนที่รอคอยพระองค์
    พระยาห์เวห์ดีกับคนที่แสวงหาพระองค์
26 มันเป็นสิ่งที่ดีที่คนจะมีความหวังและสงบใจ
    รอคอยการช่วยกู้จากพระยาห์เวห์
27 มันเป็นสิ่งที่ดีที่คนจะเรียนรู้
    ที่จะแบกภาระในวัยหนุ่มสาว
28 เขาควรจะนั่งคนเดียวและอยู่เงียบๆ
    เมื่อพระยาห์เวห์วางภาระหนักบนเขา
29 ให้เขาเอาหน้าซบดิน
    ไม่แน่อาจจะมีหวัง
30 ให้เขายื่นแก้มให้กับคนที่ตบเขา
    ให้เขายอมรับความอับอายขายหน้าอย่างเต็มที่
31 พระยาห์เวห์จะไม่ทอดทิ้งคนตลอดไป
32 ถ้าพระองค์เป็นผู้ที่ทำให้เกิดความทุกข์ยากขึ้น พระองค์ก็จะแสดงความเมตตาเหมือนกัน
    ตามความรักมั่นคงอันเหลือเฟือของพระองค์

33 พระองค์ไม่ชอบทำร้ายใคร
    หรือทำให้ใครต้องทุกข์ยากลำบาก
34 เมื่อนักโทษทุกคนในโลกนี้
    ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้า
35 เมื่อมนุษย์ถูกละเมิดสิทธิ
    ต่อหน้าพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
36 เมื่อคดีของคนหนึ่งถูกขัดขวางไม่ได้รับความยุติธรรม
    คิดว่าพระยาห์เวห์ไม่เห็นสิ่งเหล่านี้หรือ
37 ไม่มีใครหรอกที่สามารถพูดแล้วให้มันเป็นไปตามที่เขาพูด
    นอกจากพระยาห์เวห์จะสั่งให้มันเกิดขึ้น
38 ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้นมา
    ตามคำสั่งของพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
39 ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่
    ก็ไม่ควรบ่นเมื่อถูกลงโทษเพราะทำบาป
40 ให้เราทดสอบและสำรวจถึงการกระทำของเรา
    แล้วหันกลับไปหาพระยาห์เวห์

41 ให้เรายกใจของเราพร้อมกับมือทั้งสองขึ้น
    ต่อพระเจ้าในสวรรค์และพูดว่า
42 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ พวกเราได้ทำบาปและกบฏต่อพระองค์
    และพระองค์ไม่ได้ให้อภัยพวกเรา
43 พระองค์ได้ปกคลุมเราด้วยความโกรธและไล่ติดตามเรา
    พระองค์ฆ่าเราอย่างไม่ปรานี
44 พระองค์เอาเมฆมาปกคลุมพระองค์ไว้
    เพื่อป้องกันไม่ให้คำอธิษฐานผ่านไปถึงพระองค์
45 พระองค์ทำให้เราเป็นเหมือนกับเศษเดนและขยะ
    ท่ามกลางชนชาติอื่นๆ
46 พวกศัตรูของเรา
    พูดหัวเราะเยาะดูถูกพวกเรา
47 พวกเราตื่นตระหนกและตกอยู่ในหลุมพราง
    อยู่ในความพินาศและถูกทำลาย”
48 น้ำตาไหลจากดวงตาของผมอย่างสายน้ำ
    เพราะคนของผมล่มจม
49 น้ำตาของผมไหลอย่างไม่ขาดสาย
    ผมจะร้องไห้ไม่หยุด
50 จนกว่าพระยาห์เวห์จะมองลงมาจากสวรรค์
    และเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
51 จิตวิญญาณของผมเป็นทุกข์ยิ่งนัก
    เพราะผมเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาวๆในเมืองผม
52 คนเหล่านั้นที่เป็นศัตรูกับผมโดยไม่มีสาเหตุ
    ไล่ล่าผมเหมือนกับนกตัวหนึ่ง
53 พวกเขากะจะจบชีวิตผมด้วยการโยนผมลงไปในบ่อ
    และเอาหินขว้างผม
54 น้ำได้ไหลท่วมหัวผม
    ผมพูดว่า “ชีวิตของผมจบสิ้นแล้ว”
55 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าเรียกชื่อของพระองค์
    จากหลุมที่ลึกที่สุด
56 ขอช่วยฟังเสียงร้องของข้าพเจ้าด้วย ขออย่าได้ปิดหูพระองค์
    จากเสียงร้องละห้อยของข้าพเจ้า
    จากเสียงร้องให้ช่วยของข้าพเจ้า
57 เมื่อข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ ขอให้พระองค์เข้ามาใกล้ด้วยเถิด
    ขอพระองค์ปลอบว่า “อย่ากลัวเลย”
58 องค์เจ้าชีวิต ขอช่วยแก้ต่างให้กับข้าพเจ้าด้วย
    ขอพระองค์ช่วยไถ่ชีวิตข้าพเจ้าคืนมาด้วยเถิด
59 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ดูเรื่องที่เขาทำผิดต่อข้าพเจ้าสิ
    ช่วยตัดสินคดีของข้าพเจ้าอย่างยุติธรรมด้วย
60 พระองค์ ดูความอาฆาตที่พวกเขามีต่อข้าพเจ้าสิ
    พระองค์ ดูแผนชั่วทั้งหลายที่พวกเขามีต่อข้าพเจ้าสิ
61 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ฟังสิ พวกเขากำลังเยาะเย้ยข้าพเจ้าอยู่
    ฟังสิ พวกเขากำลังวางแผนชั่วร้ายต่อข้าพเจ้า
62 ฟังสิ พวกศัตรูของข้าพเจ้าซุบซิบนินทาข้าพเจ้าตลอดทั้งวัน
63 ดูสิ ไม่ว่าพวกเขาจะยืนหรือนั่ง
    พวกเขาก็ร้องเพลงหัวเราะเยาะข้าพเจ้า
64 ข้าแต่พระยาห์เวห์ช่วยตอบแทนพวกเขา
    ให้สาสมกับสิ่งที่พวกเขาได้ทำลงไป
65 ขอให้พวกเขากลุ้มใจ
    และสาปแช่งพวกเขาด้วย
66 ขอให้พระองค์ไล่ล่าพวกเขาด้วยความโกรธ
    และทำลายพวกเขาให้หมดสิ้นไปจากภายใต้ฟ้าสวรรค์ของพระยาห์เวห์