Add parallel Print Page Options

ชาวอิสราเอลร่อนเร่ไปในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง

พวกเราได้ทำตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งเราไว้ คือเราได้หวนกลับไปยังที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง โดยใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังทะเลแดง และพวกเราได้เดินเวียนไปตามแนวชายแดนของภูเขาเสอีร์เป็นเวลานานหลายวัน แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับเราว่า ‘พวกเจ้าได้เดินเวียนอยู่รอบๆเทือกเขานี้นานพอแล้ว ให้เดินทางต่อไปทางทิศเหนือ แล้วให้สั่งประชาชนว่า พวกเจ้ากำลังจะผ่านเขตแดนของญาติเจ้า พวกเขาเป็นลูกหลานของเอซาว ที่อยู่ในเสอีร์ พวกเขาจะกลัวเจ้า พวกเจ้าจะต้องระวังตัวไว้ให้ดี อย่าไปต่อสู้กับพวกเขา เพราะเราจะไม่ยกดินแดนของพวกเขาให้กับเจ้าแม้แต่ฝ่าเท้าเดียว เพราะเราได้ยกดินแดนบนภูเขาเสอีร์ให้กับเอซาวเป็นเจ้าของไปแล้ว อาหารที่เจ้าจะกินกัน ก็ต้องเอาเงินมาซื้อจากพวกเขา แม้แต่น้ำที่เจ้าจะดื่มก็ต้องเอาเงินมาซื้อด้วยเหมือนกัน แน่นอน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้อวยพรท่านในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านได้ทำมา พระองค์ดูแลท่านทุกย่างก้าวในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งอันกว้างใหญ่ ในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมานี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอยู่กับท่านตลอด ท่านไม่เคยขาดแคลนอะไรเลย’

พวกเราได้เดินทางต่อ ผ่านพวกญาติของเรา ที่เป็นลูกหลานของเอซาว ที่อาศัยอยู่ในเสอีร์ พวกเราไปจากถนนที่วิ่งตรงมาจากหุบเขาจอร์แดน ไปถึงเมืองเอลัทและเอซีโอน-เกเบอร์ พวกเราได้หันมาใช้ถนนที่มุ่งไปสู่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งโมอับ

อิสราเอลที่เมืองอาร์

พระยาห์เวห์ได้พูดกับเราว่า ‘อย่าไปรังควานพวกโมอับและอย่าทำสงครามกับพวกเขา เพราะเราจะไม่ยกแผ่นดินของพวกโมอับให้เจ้าครอบครอง เพราะเราได้ยกเมืองอาร์ให้ลูกหลานของโลท[a] ครอบครองไปแล้ว’”

10 (ชาวเอมิมเคยอยู่ที่เมืองอาร์มาก่อน พวกเขาเข้มแข็ง มีจำนวนมาก และรูปร่างสูงใหญ่เหมือนชาวอานาค[b] 11 ชาวอานาคเป็นส่วนหนึ่งของชาวเรฟาอิม คนก็เลยคิดว่าชาวเอมิมเป็นส่วนหนึ่งของชาวเรฟาอิมด้วย แต่ชาวโมอับเรียกพวกเขาว่าชาวเอมิม 12 พวกชาวโฮรีก็เคยอยู่ที่เสอีร์มาก่อนเหมือนกัน แต่ลูกหลานของเอซาวได้ขับไล่พวกเขาออกไป พวกลูกหลานของเอซาวได้ทำลายพวกโฮรีที่เคยอยู่ที่นั่น และเข้าไปอยู่แทน เหมือนกับที่ชาวอิสราเอลได้ทำกับประชาชนที่เคยเป็นเจ้าของดินแดนที่พระยาห์เวห์ได้ให้กับชาวอิสราเอล)

13 “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ตอนนี้ ลุกขึ้น ข้ามไปอีกฝากหนึ่งของหุบเขาเศเรด’ พวกเราจึงข้ามหุบเขาเศเรดไป 14 นับตั้งแต่วันที่จากคาเดช-บารเนียมาจนข้ามหุบเขาเศเรดนี้ พวกเราใช้เวลาในการเดินทางสามสิบแปดปี ในช่วงเวลานั้น พวกนักรบรุ่นนั้นทั้งหมดในค่ายของเราที่ไม่ไว้วางใจพระเจ้าตอนอยู่ที่คาเดช-บารเนีย ต่างก็ล้มตายกันไปหมดเหมือนกับที่พระยาห์เวห์ได้สาบานไว้กับพวกเขา 15 ความจริงแล้ว เป็นฝีมือของพระยาห์เวห์เองที่ทำลายพวกนั้นจนหมดสิ้นไปจากค่าย

16 เมื่อพวกนักรบเหล่านั้นตายจากไปหมดแล้ว 17 พระยาห์เวห์พูดกับเราว่า 18 วันนี้เจ้าจะข้ามเขตแดนของโมอับที่เมืองอาร์ 19 เจ้าจะเข้าไปใกล้กับลูกหลานของอัมโมน ‘อย่าไปยุ่งกับพวกเขาและอย่าต่อสู้กับพวกเขา เพราะเราจะไม่ยกแผ่นดินของลูกหลานอัมโมนให้เจ้าครอบครอง เพราะเราได้ยกแผ่นดินนั้นให้ลูกหลานของโลทครอบครองแล้ว’”

20 (แผ่นดินนี้ถือว่าเป็นของชาวเรฟาอิมเหมือนกัน เพราะพวกเขาเคยอยู่ที่นี่มาก่อน และชาวอัมโมนก็เรียกพวกเขาว่าศัมซุมมิม 21 ชาวเรฟาอิมมีจำนวนมาก เป็นคนกลุ่มใหญ่และมีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนชาวอานาค แต่พระยาห์เวห์ได้ทำลายพวกเขาต่อหน้าชาวอัมโมน ชาวอัมโมนจึงได้ยึดเอาดินแดนของชาวเรฟาอิม และเข้าไปอยู่แทน 22 พระยาห์เวห์ก็ทำอย่างเดียวกันนี้ให้กับลูกหลานของเอซาวที่อยู่ในเสอีร์ ตอนที่พระองค์ทำลายชาวโฮรีต่อหน้าพวกเขา พวกชาวเอโดมจึงยึดเอาดินแดนของชาวโฮรีและเข้าไปอยู่ที่นั่นแทนจนถึงทุกวันนี้ 23 ส่วนชาวอัฟวิมที่อยู่ตามหมู่บ้านใกล้กาซา ชาวคัฟโทร์ที่มาจากคัฟโทร์ได้มาทำลายพวกเขาและชาวคัฟโทร์เหล่านั้นก็เข้าตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นั่นแทน)

การต่อสู้กับประชาชนชาวอาโมไรต์

24 “พระยาห์เวห์พูดว่า ‘ลุกขึ้น เตรียมตัว และข้ามหุบเขาอารโนนไป เห็นแล้วหรือยังว่าเราได้ให้สิโหนชาวอาโมไรต์ กษัตริย์ของเมืองเฮชโบน ไว้ในกำมือเจ้าแล้ว เข้าไปยึดดินแดนของมัน และทำสงครามกับมันเลย 25 วันนี้เราจะทำให้ทุกคนทั่วใต้ฟ้านี้เกรงกลัวเจ้า เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับเจ้า พวกเขาจะกลัวจนตัวสั่นต่อหน้าเจ้า’

26 ในระหว่างที่พวกเราอยู่ที่ที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งเคเดโมท เราได้ส่งพวกผู้ถือสารไปหากษัตริย์สิโหนของเมืองเฮชโบน พร้อมกับคำพูดที่เป็นมิตรว่า 27 ‘ขออนุญาตให้เราใช้เส้นทางในดินแดนของท่านด้วยเถิด เราจะเดินอยู่แต่บนถนน จะไม่เลี้ยวขวาเลี้ยวซ้าย 28 เราจะจ่ายเงินซื้ออาหารและน้ำจากท่าน ขอแค่ให้เราใช้เส้นทางเดินผ่านไปเท่านั้น 29 เหมือนกับที่ลูกหลานของเอซาวที่อยู่ในเสอีร์และชาวโมอับที่อยู่ในอาร์ได้ทำกับเรามาแล้ว เราจะต้องข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปยังดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราได้ให้กับพวกเราไว้’

30 แต่กษัตริย์สิโหนของเฮชโบนไม่ยอมให้พวกเราผ่านทางนั้น เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทำให้เขาดื้อดึงและต่อต้าน เพื่อพระองค์จะได้ทำให้สิโหนตกอยู่ในกำมือของท่านอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้

31 แล้วพระยาห์เวห์ก็พูดกับผมว่า ‘เห็นแล้วหรือยังว่า เราได้ยกสิโหนและดินแดนของเขาให้กับเจ้าแล้ว เข้าไปยึดเอามาเป็นของเจ้าสิ’

32 สิโหนกับคนของเขาได้ออกมาทำสงครามกับพวกเราที่ยาฮาส 33 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราให้เขาตกอยู่ในกำมือของเรา เราจึงฆ่าสิโหนและลูกๆของเขา รวมทั้งกองทัพของเขาทั้งหมด 34 และเราได้เข้ายึดเมืองของเขาไว้ทั้งหมดในตอนนั้น เราได้ทำลายทุกคนทั้งผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กๆในทุกๆเมืองโดยไม่เหลือใครเลย 35 พวกเราเอาแต่วัวควายและของมีค่ามาจากเมืองที่ยึดมาได้นั้น 36 เรายึดได้ทุกๆเมืองจากอาโรเออร์ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำของหุบเขาอารโนน รวมทั้งเมืองที่อยู่ในหุบเขาจนถึงแคว้นกิเลอาด ไม่มีกำแพงเมืองไหนที่สูงเกินเงื้อมมือเรา พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราให้ทุกๆเมืองกับเรา 37 เพียงแต่ท่านไม่ได้เข้าไปใกล้ดินแดนของชาวอัมโมน รวมทั้งบริเวณริมฝั่งแม่น้ำยับบอกและเมืองต่างๆตามเนินเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้สั่งไว้ไม่ให้ทำอย่างนั้น

Footnotes

  1. 2:9 ลูกหลานของโลท ลูกชายของโลทคือโมอับและอัมโมน ดูใน ปฐมกาล 19:30-38
  2. 2:10 ชาวอานาค ลูกหลานของอานาค คนพวกนี้ได้ชื่อว่าเป็นนักรบที่มีพลังเข้มแข็งและรูปร่างสูงใหญ่เหมือนยักษ์ ดูใน กันดารวิถี 13:33