Add parallel Print Page Options

ลูกาเขียนเรื่องเกี่ยวกับพระเยซู

ท่านเธโอฟีลัสที่เคารพอย่างสูง มีหลายคนพยายามรวบรวมเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่พวกเรา คือเหตุการณ์ต่างๆที่เราได้ยินมาจากคนพวกนั้นที่ได้เห็นด้วยตาของพวกเขาเองตั้งแต่ตอนเริ่มต้น และเป็นพวกที่รับใช้พระเจ้าในการบอกถ้อยคำของพระองค์แก่ผู้อื่น ผมติดตามเรื่องนี้อย่างละเอียดตั้งแต่แรก ผมถึงตัดสินใจเขียนลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ลงในหนังสือให้กับท่าน เพื่อท่านจะได้รู้ว่าสิ่งที่ท่านได้รับการอบรมสั่งสอนมานั้น มันเชื่อถือได้ขนาดไหน

ทูตสวรรค์ประกาศว่ายอห์นคนทำพิธีจุ่มน้ำจะมาเกิด

ในสมัยที่เฮโรด[a] เป็นกษัตริย์ของแคว้นยูเดียนั้น มีนักบวชคนหนึ่งชื่อเศคาริยาห์ เขาอยู่ในกลุ่มเวรของนักบวชอาบียาห์[b] เมียของเขาชื่อเอลีซาเบธ สืบเชื้อสายมาจากอาโรน ในสายตาของพระเจ้าองค์เจ้าชีวิตนั้นทั้งสองคนนี้เป็นคนที่ทำตามใจพระองค์ และทำตามคำสั่งและกฎต่างๆของพระองค์อย่างไม่มีที่ติ แต่เขาทั้งสองไม่มีลูก เพราะเอลีซาเบธเป็นหมันและทั้งคู่ก็แก่มากแล้ว

เมื่อถึงเวรที่กลุ่มของนักบวชเศคาริยาห์จะต้องเข้าไปรับใช้อยู่ต่อหน้าพระเจ้า พวกเขาก็จับสลากกันตามประเพณีของนักบวช เพื่อเลือกคนที่จะเข้าไปเผาเครื่องหอมบูชา[c] ในวิหารขององค์เจ้าชีวิต เศคาริยาห์ถูกเลือกในวันนั้น 10 ในระหว่างที่เผาเครื่องหอมอยู่นั้น ฝูงชนจำนวนมากต่างพากันอธิษฐานอยู่ข้างนอก 11 ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์เจ้าชีวิต มายืนอยู่ทางขวาของแท่นเผาเครื่องหอม 12 เมื่อเศคาริยาห์เห็นก็ตกใจกลัวมาก 13 แต่ทูตสวรรค์นั้นบอกว่า “ไม่ต้องกลัว เศคาริยาห์ พระเจ้าได้ยินคำร้องขอของเจ้าแล้ว เอลีซาเบธเมียของเจ้าจะมีลูกชาย ให้ตั้งชื่อเขาว่ายอห์น 14 เขาจะนำความสุขความยินดีมาให้เจ้า และคนมากมายจะดีใจเมื่อเขาเกิดมา 15 เพราะเขาจะเป็นคนสำคัญในสายตาขององค์เจ้าชีวิต เขาจะต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมาเลย และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะอยู่กับเด็กคนนี้ตั้งแต่เขายังอยู่ในท้องแม่ 16 เขาจะทำให้คนอิสราเอลจำนวนมากหันกลับมาหาองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของพวกเขา 17 เขาจะนำหน้าองค์เจ้าชีวิต เขาจะมีพระวิญญาณ และฤทธิ์อำนาจเหมือนกับเอลียาห์ผู้พูดแทนพระเจ้า เขาจะทำให้จิตใจของพ่อหันกลับมาหาลูกๆ และทำให้คนที่ดื้อรั้นหันกลับมาเชื่อฟังอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อเตรียมประชาชนให้พร้อมสำหรับพระองค์”

18 แล้วเศคาริยาห์ก็พูดกับทูตสวรรค์ว่า “ผมจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่ท่านพูดมานี้จะเป็นจริง เพราะผมกับเมียก็แก่แล้ว”

19 ทูตสวรรค์จึงตอบว่า “เราคือกาเบรียลที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า พระองค์ส่งเรามา บอกข่าวดีนี้กับเจ้า 20 แต่เพราะเจ้าไม่เชื่อคำพูดของเรา เจ้าจะกลายเป็นใบ้จนกว่าลูกของเจ้าจะเกิด เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราบอกอย่างแน่นอน”

21 คนที่กำลังคอยเศคาริยาห์อยู่ข้างนอกก็สงสัยว่า ทำไมเขาถึงอยู่ในวิหารนานนัก 22 เมื่อเขาเดินออกมาก็พูดไม่ได้ คนเหล่านี้จึงรู้ว่าเขาได้เห็นนิมิตภายในวิหารนั้น เขาได้ทำไม้ทำมือบอกกับประชาชน แต่ยังพูดไม่ได้ 23 เมื่อเขาหมดหน้าที่แล้วก็กลับบ้าน

24 หลังจากนั้นไม่นาน เอลีซาเบธเมียของเขาก็ตั้งท้อง และเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านนานถึงห้าเดือน นางพูดว่า 25 “ดูสิ องค์เจ้าชีวิตได้ช่วยฉันอย่างนี้ ทำให้ฉันไม่ต้องอับอายขายหน้า[d]ชาวบ้านอีกต่อไปแล้ว”

ทูตสวรรค์ประกาศว่าพระเยซูจะมาเกิด

26 เมื่อเอลีซาเบธตั้งท้องได้ห้าเดือนย่างเข้าเดือนที่หก พระเจ้าได้ส่งทูตสวรรค์กาเบรียลไปที่เมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี 27 เพื่อมาหาหญิงพรหมจรรย์ชื่อมารีย์ เธอเป็นคู่หมั้นของโยเซฟคนที่สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด 28 ทูตสวรรค์มาหานาง และพูดว่า “สวัสดี หญิงเอ๋ย พระเจ้าได้อวยพรเจ้าจริงๆและองค์เจ้าชีวิตอยู่กับเจ้าเป็นพิเศษ”

29 นางก็งงมาก สงสัยว่าที่ทูตสวรรค์พูดหมายถึงอะไร

30 ทูตสวรรค์จึงบอกนางว่า “ไม่ต้องกลัวมารีย์ เพราะพระเจ้าชื่นชอบในตัวเจ้ามาก 31 ฟังนะ เจ้าจะตั้งท้องและคลอดลูกชาย ให้ตั้งชื่อเขาว่าเยซู 32 เขาจะยิ่งใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด พระเจ้าองค์เจ้าชีวิตจะทำให้เขาเป็นกษัตริย์เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของเขา 33 เขาจะปกครองบรรดาลูกหลานของยาโคบตลอดไป และอาณาจักรของเขาจะไม่มีวันเสื่อมสลาย”

34 แล้วมารีย์พูดกับทูตสวรรค์ว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ดิฉันเป็นหญิงพรหมจารีนะคะ” 35 ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะลงมาที่เจ้า และฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าผู้สูงสุดจะปกคลุมเจ้าไว้ ดังนั้นเด็กที่เกิดมาจากเจ้าจะเป็นของพระเจ้าโดยเฉพาะ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า 36 ฟังนะ ตอนนี้เอลีซาเบธญาติของเจ้าก็ตั้งท้องได้หกเดือนแล้ว นางจะมีลูกชายถึงแม้จะมีอายุมากแล้วและคนก็ยังเคยว่านางเป็นหมันด้วย 37 เพราะสำหรับพระเจ้าแล้วไม่มีอะไรที่พระองค์ทำไม่ได้” 38 มารีย์ พูดว่า “ดิฉันเป็นทาสรับใช้ขององค์เจ้าชีวิต ขอให้เป็นไปตามที่ท่านพูดเถิด” แล้วทูตสวรรค์ก็จากไป

มารีย์เยี่ยมเอลีซาเบธ

39 ในเวลานั้นมารีย์เตรียมตัวและรีบเดินทางไปเมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่ในแถบภูเขายูเดีย 40 นางเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์ และทักทายเอลีซาเบธ 41 เมื่อเอลีซาเบธได้ยินเสียงทักทายของมารีย์ เด็กในท้องของเอลีซาเบธก็ดิ้นและตัวนางก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 42 เอลีซาเบธพูดเสียงดังว่า “ในจำนวนผู้หญิงทั้งหมด พระเจ้าอวยพรหลานมากที่สุด และพระเจ้าอวยพรเด็กที่หลานจะคลอดออกมาด้วย 43 ป้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆที่แม่ขององค์เจ้าชีวิตของป้ามาเยี่ยม 44 พอป้าได้ยินเสียงทักทายของหลาน เด็กในท้องป้าก็ดิ้นเพราะดีใจ 45 หลานมีเกียรติจริงๆเพราะหลานเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงตามที่องค์เจ้าชีวิตบอก”

มารีย์สรรเสริญพระเจ้า

46 แล้วมารีย์พูดว่า “ดิฉันโอ้อวดในความยิ่งใหญ่ขององค์เจ้าชีวิตสุดหัวใจ
47 ดิฉันปลาบปลื้มยินดีในพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของดิฉัน
48 เพราะพระองค์ แสดงความห่วงใยดิฉัน ทาสที่ต่ำต้อยของพระองค์
    ดูสิ ต่อจากนี้ไป คนทุกยุคทุกสมัยก็จะให้เกียรติกับดิฉัน
49 เพราะพระเจ้าผู้มีอำนาจทั้งสิ้นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่มหาศาลให้กับดิฉัน
    ชื่อของพระองค์นั้นศักดิ์สิทธิ์
50 พระองค์มีเมตตากรุณากับคนทุกยุคทุกสมัยที่ยำเกรงพระองค์
51 พระองค์ใช้แขนที่เข้มแข็งทำสิ่งยิ่งใหญ่จริงๆ
    พระองค์ทำให้พวกคนหยิ่งผยองแตกกระเจิงไป
52 พระองค์ปลดพวกผู้ปกครองที่เข้มแข็งจากบัลลังก์
    และชูผู้ต่ำต้อยขึ้น
53 พระองค์มอบสิ่งดีๆให้กับคนที่หิวโหย
    และทำให้คนร่ำรวยไปตัวเปล่า
54 พระองค์มาเพื่อช่วยอิสราเอล ผู้รับใช้ของพระองค์
    พระองค์ไม่เคยลืมที่จะเมตตาคนของพระองค์
55 พระองค์ทำตามที่สัญญาไว้กับอับราฮัมบรรพบุรุษของพวกเราและลูกหลานของเขาตลอดไป”

56 มารีย์อยู่กับเอลีซาเบธเป็นเวลาสามเดือน แล้วจึงกลับบ้านไป

ยอห์นเกิด

57 เมื่อครบกำหนดคลอด เอลีซาเบธคลอดลูกชายคนหนึ่ง 58 เมื่อเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องรู้ข่าวว่าองค์เจ้าชีวิตเมตตากรุณากับนางอย่างใหญ่หลวง พวกเขาต่างก็พากันดีใจกับนางด้วย

59 เมื่อเด็กเกิดมาได้แปดวัน พวกเขาก็ทำพิธีขลิบให้ แต่ระหว่างที่กำลังจะตั้งชื่อเด็กว่า เศคาริยาห์ตามชื่อพ่อของเด็กนั้น 60 แม่ของเด็กก็ค้านว่า “ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น”

61 พวกเขาจึงพูดกับนางว่า “เธอไม่มีญาติสักคนที่ชื่อนี้เลยนะ” 62 แล้วพวกเขาก็หันไปทำท่ากับพ่อเด็ก เพื่อถามว่าจะให้ลูกชื่ออะไรดี

63 เศคาริยาห์จึงขอกระดานมาเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนก็แปลกใจกัน 64 จู่ๆเศคาริยาห์ก็พูดได้อีกครั้ง แล้วเขาก็ขอบคุณสรรเสริญพระเจ้า 65 เพื่อนบ้านทั้งหมดต่างพากันเกรงกลัว และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามเทือกเขาของยูเดียก็พูดกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ 66 ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างสงสัยว่า “เด็กคนนี้เมื่อโตขึ้นจะเป็นยังไง” เพราะพวกเขารู้ว่าองค์เจ้าชีวิตอยู่กับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ

เศคาริยาห์สรรเสริญพระเจ้า

67 แล้วเศคาริยาห์พ่อของเด็ก ก็เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และพูดแทนพระเจ้าว่า

68 “สรรเสริญองค์เจ้าชีวิต พระเจ้าของพวกอิสราเอล
    เพราะพระองค์มาเยี่ยมเยียนคนของพระองค์และได้ปลดปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระ
69 พระองค์ได้ส่งพระผู้ช่วยให้รอดที่มีพลังอันแข็งแกร่งมาให้เรา
    โดยให้เกิดในตระกูลดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
70 ทุกอย่างเป็นไปตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ ผ่านทางพวกที่พระเจ้าแต่งตั้งเป็นพิเศษให้พูดแทนพระองค์ในสมัยโบราณ
71 พระองค์สัญญาว่าจะช่วยให้พวกเราปลอดภัยจากศัตรู
    และจากคนทั้งหมดที่เกลียดชังพวกเรา
72 พระองค์สัญญาว่าจะเมตตาต่อบรรพบุรุษของพวกเรา
    และรักษาคำสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
73 พระองค์เลยสาบานไว้กับอับราฮัม บรรพบุรุษของพวกเรา
74 ว่าพระองค์จะช่วยเหลือให้พวกเราพ้นจากศัตรูของพวกเรา
    และพวกเราจะได้รับใช้พระองค์อย่างไม่ต้องหวาดกลัว
75 จะได้รับใช้ด้วยความบริสุทธิ์ และด้วยชีวิตที่พระองค์ชอบใจต่อหน้าพระองค์จนตลอดชีวิต
76 ลูกน้อยเอ๋ย เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าสูงสุด
    เพราะเจ้าจะนำหน้าองค์เจ้าชีวิต เพื่อเตรียมทางให้กับพระองค์
77 เพื่อจะบอกคนของพระเจ้าว่าพวกเขาจะรอด
    ทางที่จะรอดนั้นก็คือพระเจ้ายกโทษบาปของพวกเขา
78 เพราะความเมตตาสงสารของพระเจ้า
    แสงจากสวรรค์ใกล้จะส่องลงมาถึงพวกเราแล้ว เหมือนแสงของวันใหม่
79 ส่องลงมาถึงคนที่อยู่ในความมืดและอยู่ในเงาของความตาย
    เพื่อนำพวกเราไปบนหนทางของความสงบสุข”

80 ฝ่ายทารกนั้นก็ได้เติบโตขึ้น และพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ให้พลังอันยิ่งใหญ่กับเขา[e] เขาอาศัยอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง จนถึงเวลาที่เขาออกไปประกาศกับชนชาติอิสราเอล

Footnotes

  1. 1:5 เฮโรด เฮโรดที่ 1 (มหาราช) ผู้ปกครองแคว้นยูเดีย อยู่ในช่วง 40-4 ปีก่อนพระเยซูเกิด ความจริงแล้วพระเยซูเกิดก่อนเฮโรดมหาราชตาย คือในปีก่อนเริ่ม ค.ศ. 4 ปี
  2. 1:5 กลุ่มเวรของนักบวชอาบียาห์ คือนักบวชของชาวยิวแบ่งออกเป็น 24 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 1,000 คน กลุ่มของอาบียาห์เป็นหนึ่งในบรรดากลุ่มเหล่านั้น ให้ดู 1 พงศาวดาร 24:3-19
  3. 1:9 เครื่องหอมบูชา คือไม้ตากแห้งชนิดพิเศษที่ใช้เป็นเครื่องบูชา เมื่อถูกเผาแล้วจะมีควันที่มีกลิ่นหอมหวาน
  4. 1:25 ไม่ต้องอับอายขายหน้า หมายถึง ชาวยิวคิดว่าการที่ผู้หญิงไม่มีลูกเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้ามาก
  5. 1:80 ฝ่ายทารก … ยิ่งใหญ่กับเขา หรือแปลได้อีกอย่างว่า “ฝ่ายทารกนั้นก็ได้เจริญเติบโตขึ้นทั้งฝ่ายร่างกายและจิตใจ”

ผู้เขียนได้ลำดับเหตุการณ์ถึงเธโอฟีลัส

ด้วยเหตุว่าหลายท่านได้พยายามรวบรวมเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่เรา คือรวบรวมเรื่องได้เหมือนกับบรรดาผู้รู้เห็นเหตุการณ์มาแต่แรก ซึ่งก็เป็นผู้ประกาศคำกล่าวที่ได้ถ่ายทอดเรื่องเหล่านี้ให้แก่เรา ในเมื่อข้าพเจ้าได้ค้นหาข้อมูลอย่างถ้วนถี่มาแต่ต้นแล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่ข้าพเจ้าจะเขียนลำดับเหตุการณ์ถึงใต้เท้าเธโอฟีลัส เพื่อท่านจะได้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องที่ท่านได้รับทราบมาแล้ว

ทูตสวรรค์ประกาศแก่เศคาริยาห์

ในสมัยของเฮโรด[a]กษัตริย์แห่งแคว้นยูเดีย มีปุโรหิต[b]ผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์อยู่ในกลุ่มเวรอาบียาห์ ภรรยาของเขาชื่อเอลีซาเบธซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลอาโรน[c] ในสายตาของพระเจ้าแล้ว เขาทั้งสองมีความชอบธรรม ปฏิบัติตนตามพระบัญญัติและกฎข้อบังคับต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างเคร่งครัด เขาไม่มีบุตรเพราะว่าเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองก็มีอายุมากแล้ว

ครั้งหนึ่ง ขณะที่กองเวรของเศคาริยาห์เข้าเวรและเขากำลังปฏิบัติหน้าที่ของปุโรหิตอยู่เบื้องหน้าพระเจ้า ตามประเพณีของเหล่าปุโรหิต เขาได้รับเลือกโดยการจับฉลากให้เป็นผู้ที่เผาเครื่องหอมในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า 10 ครั้นถึงเวลาเผาเครื่องหอม คนทั่วไปจะอธิษฐานอยู่เพียงภายนอก 11 ทูตสวรรค์[d]องค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าได้มาปรากฏแก่เศคาริยาห์ ยืนอยู่ทางด้านขวาของแท่นเผาเครื่องหอม 12 ครั้นเศคาริยาห์เห็นทูตสวรรค์ก็ตกใจกลัว 13 ทูตสวรรค์จึงกล่าวว่า “อย่ากลัวเลยเศคาริยาห์ พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชายแก่ท่าน จงตั้งชื่อเขาว่า ยอห์น 14 ท่านจะมีความยินดีและดีใจยิ่งนัก คนทั้งหลายก็จะชื่นชมยินดีที่เขาเกิดมา 15 เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของพระผู้เป็นเจ้า เขาต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือสุราชนิดใดๆ และจะเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์[e]นับตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา 16 เขาจะนำชาวอิสราเอลจำนวนมากให้กลับใจเข้าหาพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของเขาทั้งปวง 17 เขาจะไปล่วงหน้าพระองค์โดยจิตวิญญาณและอานุภาพของเอลียาห์[f] เพื่อให้บิดาทั้งหลายเปิดใจเข้าหาบรรดาบุตร และให้ผู้ที่ไม่เชื่อฟังกลับมาเข้าใจถึงวิถีทางของผู้มีความชอบธรรม เขาจะเตรียมผู้คนให้พร้อมเพื่อพระผู้เป็นเจ้า”

18 เศคาริยาห์ถามทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าและภรรยาอายุมากแล้ว” 19 ทูตสวรรค์ตอบว่า “เราคือกาเบรียลผู้อยู่เบื้องหน้าพระเจ้า พระองค์ส่งเรามาเพื่อบอกข่าวอันประเสริฐแก่ท่าน 20 เพราะท่านไม่เชื่อคำของเรา ท่านจึงมิอาจเปล่งเสียงหรือพูดได้ จนกว่าวันที่เหตุการณ์นี้จะบังเกิดขึ้นตามกำหนดเวลา” 21 หมู่คนภายนอกที่รอคอยเศคาริยาห์อยู่ต่างก็แปลกใจที่เขาอยู่ในพระวิหารนานกว่าที่เคย 22 เมื่อเขาออกมาก็ไม่อาจเจรจาสิ่งใด ได้แต่ส่งภาษาใบ้ ทำให้ผู้คนทั้งหลายคิดไปว่า เขาเห็นภาพนิมิตในพระวิหาร 23 เมื่อทำหน้าที่อยู่จนครบกำหนด เศคาริยาห์ก็กลับบ้านไป

24 จากนั้นเอลีซาเบธผู้เป็นภรรยาก็ตั้งครรภ์ และไม่ได้ออกไปที่ไหนนานถึง 5 เดือน 25 นางพูดว่า “ในเวลานี้พระผู้เป็นเจ้าได้โปรดข้าพเจ้า พระองค์ได้กำจัดความอับอายของข้าพเจ้าท่ามกลางผู้คน”

ทูตสวรรค์ประกาศแก่มารีย์

26 เมื่อเข้าเดือนที่หก พระเจ้าได้ส่งกาเบรียลทูตสวรรค์ไปยังเมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลี 27 เพื่อพบกับพรหมจาริณีชื่อมารีย์ เธอหมั้นอยู่กับชายผู้หนึ่งคือโยเซฟผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด[g] 28 เมื่อทูตสวรรค์ไปถึงก็ได้บอกมารีย์ว่า “สันติสุขจงอยู่กับท่าน ท่านเป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่ง พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” 29 มารีย์ฉงนใจมากและครุ่นคิดว่าทำไมทูตสวรรค์ทักทายเธอเช่นนั้น 30 ทูตสวรรค์พูดต่อไปอีกว่า “อย่ากลัวเลยมารีย์ เพราะท่านเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า 31 ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย จงตั้งชื่อพระองค์ว่า เยซู[h] 32 พระองค์จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และจะได้รับพระนามว่า พระบุตรของพระเจ้าผู้สูงสุด และพระผู้เป็นเจ้า องค์พระเจ้าจะมอบบัลลังก์ของดาวิดผู้เป็นบิดาต้นตระกูลแก่พระองค์ 33 และจะครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบตลอดกาล อาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”

34 มารีย์ถามทูตสวรรค์ว่า “สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อข้าพเจ้าเป็นพรหมจาริณี”

35 ทูตสวรรค์ตอบว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสถิตกับท่าน อำนาจแห่งพระเจ้าผู้สูงสุดจะปกเหนือท่าน ด้วยเหตุนี้องค์ผู้บริสุทธิ์จะได้รับพระนามว่า พระบุตรของพระเจ้า 36 ดูเถิด เอลีซาเบธญาติผู้ชราของท่านตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนแล้ว แม้ผู้คนทั้งหลายจะกล่าวว่านางเป็นหมันก็ตาม 37 ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่พระเจ้าจะทำได้”

38 มารีย์กล่าวกับทูตสวรรค์ก่อนที่ทูตสวรรค์จะจากไปว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ขอสิ่งนั้นจงบังเกิดตามคำของท่านเถิด”

มารีย์ทักทายเอลีซาเบธ

39 มารีย์รีบเดินทางไปยังเมืองหนึ่งซึ่งตั้งอยู่แถบเทือกเขาแห่งแคว้นยูเดีย 40 ครั้นเธอเข้าบ้านของเศคาริยาห์ก็ได้ทักทายกับเอลีซาเบธ 41 เมื่อเอลีซาเบธได้ยินเสียงทักทาย ทารกในครรภ์ก็ดิ้นแรงราวกับจะโลดแล่น และทันใดนั้นเอลีซาเบธก็เปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ 42 เอลีซาเบธร้องด้วยเสียงอันดัง และกล่าวว่า “ในหมู่สตรีทั้งหลายเธอเป็นผู้ที่ได้รับพระพร และบุตรในครรภ์ของเธอก็เช่นกัน 43 เป็นไปได้อย่างไรที่มารดาของพระผู้เป็นเจ้าของฉันมาเยี่ยมฉัน 44 เมื่อได้ยินเสียงเธอทักทาย ทารกในครรภ์ของฉันจึงดิ้นด้วยความยินดี 45 เธอคือผู้ที่ได้รับพระพร เพราะเธอเชื่อว่าสิ่งทั้งหลายจะสัมฤทธิผลตามคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า”

มารีย์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

46 มารีย์พูดว่า

“จิตวิญญาณของฉันเชิดชูพระผู้เป็นเจ้า
47     วิญญาณของฉันชื่นชมยินดีในพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้นของฉัน
48 เพราะพระองค์สนใจผู้รับใช้ซึ่งเจียมตัว
    ดูเถิด ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกชั่วอายุคนจะถือว่าฉันได้รับพระพร
49 ด้วยว่าองค์ผู้มีอานุภาพกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่แก่ฉัน
    และพระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์
50 ความเมตตาของพระองค์ดำรงอยู่ทุกกาล
    หากว่ามีผู้ใดเกรงกลัวในพระองค์
51 พระองค์ก็แสดงอานุภาพด้วยแขนของพระองค์
    สำหรับผู้ที่มีความเย่อหยิ่งในหัวใจ พระองค์ทำให้แยกกระจัดกระจายไป
52 พระองค์นำให้ผู้สูงส่งลงจากบัลลังก์
    และยกผู้ถ่อมตัวขึ้นมา
53 ผู้ที่หิวกระหาย พระองค์ก็ให้จนอิ่มหนำด้วยสิ่งดี
    และผู้มั่งมี พระองค์ก็จะส่งกลับไปมือเปล่า
54 พระองค์ได้ช่วยผู้รับใช้ของพระองค์คือชาวอิสราเอล
    พระองค์ได้ระลึกถึงความเมตตาของพระองค์
55 ที่มีต่ออับราฮัม[i]และผู้สืบเชื้อสายตลอดไป
    ดังที่พระองค์กล่าวกับบรรพบุรุษของเรา”

56 มารีย์พักอยู่กับเอลีซาเบธประมาณ 3 เดือนจึงได้กลับบ้านไป

การเกิดของยอห์นผู้ให้บัพติศมา

57 เมื่อถึงกำหนดคลอด เอลีซาเบธก็ได้คลอดบุตรเป็นชาย 58 เพื่อนบ้านและญาติที่ทราบถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อนาง ก็พากันมาแสดงความยินดีกับนาง 59 เมื่อถึงวันที่แปด ผู้คนเหล่านั้นก็พากันมาร่วมในพิธีเข้าสุหนัตของทารก และจะตั้งชื่อทารกนี้ว่า เศคาริยาห์ ตามชื่อบิดา 60 แต่มารดากลับกล่าวว่า “ไม่ได้หรอก ทารกน้อยนี้จะต้องชื่อ ยอห์น” 61 ผู้คนเหล่านั้นพูดกับนางว่า “ไม่มีใครในตระกูลของท่านชื่อนี้เลย” 62 พวกเขาจึงผงกศีรษะเป็นเชิงถามเศคาริยาห์ว่าเขาจะให้ทารกชื่ออะไร 63 เศคาริยาห์เขียนลงบนแผ่นไม้ที่เขาให้คนนำมาว่า “ยอห์น คือชื่อของเขา” คนเหล่านั้นต่างประหลาดใจ 64 และทันใดนั้นปากและลิ้นของเศคาริยาห์ก็ขยับได้เป็นปกติ เศคาริยาห์จึงกล่าวสรรเสริญพระเจ้า 65 เพื่อนบ้านใกล้เคียงก็เกิดความยำเกรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถูกเล่าขานกันไปทั่วแถบเทือกเขาแห่งแคว้นยูเดีย 66 ทุกคนที่ได้ยินเรื่องเหล่านี้ล้วนแต่สงสัยและพูดว่า “แล้วทารกนี้จะเป็นอย่างไรในภายหน้า” ด้วยว่ามือของพระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเขา

เศคาริยาห์สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า

67 ส่วนเศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาเปี่ยมล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

68 “สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าแห่งอิสราเอล
    เพราะว่าพระองค์ได้มาไถ่ชนชาติของพระองค์
69 และได้ยกชูเขาแห่งความรอดพ้นสำหรับเรา[j]
    ในตระกูลของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
70 ดังที่พระองค์ได้กล่าวผ่านผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าหลายท่านที่บริสุทธิ์ในสมัยโบราณ
71 ความรอดพ้นจากหมู่ศัตรู
    และเงื้อมมือของทุกคนที่เกลียดชังเรา
72 เพื่อที่จะแสดงความเมตตาต่อบรรพบุรุษของเรา
    และเพื่อที่จะระลึกถึงพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ของพระองค์
73     พระองค์รักษาสัญญาที่ได้ปฏิญาณ[k]กับอับราฮัมบิดาของเรา
74 พระองค์ช่วยเราให้หลุดรอดจากเงื้อมมือของเหล่าศัตรู
    และรับใช้พระองค์โดยไม่มีความกลัว
75     ด้วยความบริสุทธิ์และความชอบธรรมต่อหน้าพระองค์ตลอดชีวิตของเรา

76 และเจ้าเอง ลูกยอห์น เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าผู้สูงสุด
    เพราะว่าเจ้าจะไปล่วงหน้าพระผู้เป็นเจ้า เพื่อที่จะเตรียมทางให้แก่พระองค์
77 และเพื่อบอกชนชาติของพระองค์ ให้มีความรู้ถึงความรอดพ้น
    อันเนื่องมาจากที่ได้รับการยกโทษบาปของเขา
78 เพราะว่าพระเจ้าของเรามีใจเมตตาอย่างลึกล้ำ
    โดยที่ว่าอรุณรุ่งจากสวรรค์จะมาเยือนเรา
79 เพื่อจะส่องให้ผู้ที่นั่งอยู่ในความมืด
    และในเงาแห่งความตาย
เพื่อจะนำทางให้เราพบกับทางสันติสุข”

80 ทารกก็ได้เจริญวัย สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่ปรากฏตัวกับชาวอิสราเอล

Footnotes

  1. 1:5 เฮโรด เป็นกษัตริย์ของปาเลสไตน์ตั้งแต่ 4-37 ปีก่อน ค.ศ. (พ.ศ. 506-539) ขณะที่พระเยซูคริสต์เกิดราว 5 ปีก่อน ค.ศ. (พ.ศ. 538)
  2. 1:5 ปุโรหิต ผู้ที่ทำงานประจำพระวิหาร
  3. 1:5 อาโรน เป็นปุโรหิตคนแรก ในราว 900 ปีก่อน พ.ศ.
  4. 1:11 ทูตสวรรค์ ตัวแทนหรือผู้ส่งข่าวจากสวรรค์
  5. 1:15 พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวิญญาณพระเจ้า
  6. 1:17 เอลียาห์ เป็นผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าในฉบับมาลาคี 4:5,6
  7. 1:27 ตระกูลดาวิด หรือราชวงศ์ดาวิด เมื่อสืบย้อนหลังราชวงศ์ของพระเยซูได้หลักฐานว่ามาจากราชวงศ์ดาวิด อาณาจักรของพระองค์ไม่มีวันสิ้นสุด เป็นสัญญาที่พระเจ้าได้ให้ไว้กับดาวิดในฉบับ 2 ซามูเอล 7:12-16
  8. 1:31 เยซู ภาษาฮีบรูมีความหมายว่า พระเจ้าผู้ช่วยให้รอดพ้น
  9. 1:55 อับราฮัม เป็นบิดาต้นตระกูลของชนชาติยิว
  10. 1:69 เขาสัตว์ เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความเข้มแข็ง
  11. 1:73 ฉบับปฐมกาล 22:16-18