Add parallel Print Page Options

พวกหัวหน้าวางแผนฆ่าพระเยซู

(มธ. 26:1-5; ลก. 22:1-2; ยน. 11:45-53)

14 อีกสองวันจะถึงเทศกาลวันปลดปล่อย และเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ พวกผู้นำนักบวช และพวกครูสอนกฎปฏิบัติ ก็หาทางที่จะแอบจับพระเยซูเพื่อเอาไปฆ่า พวกเขาตกลงกันว่า “อย่าเพิ่งทำในช่วงเทศกาล เพราะประชาชนจะก่อการจลาจลขึ้น”

หญิงคนหนึ่งชโลมน้ำหอมให้พระเยซู

(มธ. 26:6-13; ยน. 12:1-8)

เมื่อพระเยซูอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี ขณะที่กำลังกินอาหารอยู่ในบ้านของซีโมนคนที่เคยเป็นโรคผิวหนังร้ายแรง ก็มีหญิงคนหนึ่งถือขวด[a] น้ำมันหอมนาระดา[b] ซึ่งมีราคาแพงมากเข้ามา นางทุบปากขวดให้แตกและชโลมน้ำมันหอมนั้นลงบนศีรษะของพระเยซู

ทำให้บางคนที่อยู่ที่นั่นไม่พอใจและบ่นกันว่า “ทำไมถึงทำเสียของอย่างนี้ ถ้าเอาน้ำหอมนี้ไปขายคงได้เงินถึงสามร้อยเหรียญเงิน จะได้เอาไปแจกจ่ายให้กับคนจน” แล้วพวกเขาก็ต่อว่าเธอเป็นการใหญ่

แต่พระเยซูบอกว่า “อย่ายุ่งกับเธอเลย ไปวุ่นวายกับเธอทำไม เธอได้ทำสิ่งที่ดีงามให้กับเรา พวกคุณจะมีคนจนอยู่ด้วยเสมอ อยากช่วยเวลาไหนก็ช่วยได้ แต่เราจะไม่อยู่กับพวกคุณเสมอไป และนี่เป็นสิ่งเดียวที่เธอจะทำให้กับเราได้ ก็คือการเทน้ำมันหอมบนตัวเราเพื่อเตรียมร่างของเราล่วงหน้าก่อนการฝัง เราจะบอกให้รู้ว่า ไม่ว่าข่าวดีนี้จะประกาศไปที่ไหนๆในโลกนี้ ก็จะมีคนพูดถึงเรื่องที่เธอทำให้กับเรานี้เสมอ เพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ”

ยูดาสตกลงที่จะช่วยศัตรูของพระเยซู

(มธ. 26:14-16; ลก. 22:3-6)

10 แล้วยูดาสอิสคาริโอท ศิษย์คนหนึ่งในสิบสองคนของพระเยซูก็ได้ไปหาพวกหัวหน้านักบวช เพื่อเสนอตัวที่จะช่วยจับพระเยซูให้ 11 พวกเขาดีใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น และสัญญาว่าจะจ่ายเงินให้เป็นค่าตอบแทน ดังนั้นยูดาสจึงเริ่มหาโอกาสเหมาะที่จะส่งมอบพระเยซูให้กับพวกหัวหน้านักบวช

มื้อสุดท้ายของพระเยซูกับพวกศิษย์

(มธ. 26:17-25; ลก. 22:7-14, 21-23; ยน. 13:21-30)

12 ในวันแรกของเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ ซึ่งเป็นวันที่พวกยิวจะฆ่าลูกแกะถวายพระเจ้า สำหรับเทศกาลวันปลดปล่อย[c] ด้วย พวกศิษย์ของพระเยซูได้ถามพระองค์ว่า “จะให้พวกเราไปเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยให้กับอาจารย์ที่ไหนดีครับ”

13 พระเยซูส่งศิษย์สองคนไป พระองค์สั่งว่า “เข้าไปในเมืองแล้วจะเจอผู้ชายที่แบกเหยือกน้ำ ให้ตามเขาไป 14 ให้พูดกับเจ้าของบ้านที่ชายคนนั้นเข้าไปว่า ‘อาจารย์ให้ถามว่าห้องที่เราจะใช้กินอาหารในเทศกาลวันปลดปล่อยกับพวกศิษย์นั้นอยู่ที่ไหน’ 15 แล้วเขาจะพาคุณไปดูห้องใหญ่ชั้นบนที่เตรียมไว้พร้อมแล้ว ให้จัดอาหารที่นั่น”

16 แล้วศิษย์ทั้งสองก็เข้าไปในเมือง และมันก็เป็นไปตามที่พระเยซูบอกทุกอย่าง พวกเขาจึงจัดเตรียมอาหารสำหรับเทศกาลวันปลดปล่อยที่นั่น

17 เมื่อถึงตอนเย็น พระเยซูมาถึงบ้านหลังนั้นพร้อมกับพวกศิษย์เอกทั้งสิบสองคน 18 ในขณะที่กำลังกินอยู่นั้น พระเยซูพูดว่า “เราจะบอกให้รู้ว่า คนหนึ่งในพวกคุณจะหักหลังเรา และเขาก็นั่งกินอยู่กับเราที่นี่ด้วย”

19 พวกศิษย์รู้สึกเป็นทุกข์มาก ต่างคนต่างก็ถามพระองค์ว่า “คงไม่ใช่ผมนะอาจารย์”

20 พระเยซูจึงพูดกับพวกเขาว่า “คนหนึ่งในพวกคุณสิบสองคนนี่แหละ คนที่จุ่มขนมปังในชามเดียวกับเรา 21 บุตรมนุษย์จะต้องตายเหมือนกับที่พระคัมภีร์ ได้เขียนไว้แล้ว แต่คนที่ได้หักหลังบุตรมนุษย์นั้นน่าละอายจริงๆ ถ้าเขาไม่ได้เกิดมาก็คงจะดีกว่า”

ขนมปังและเหล้าองุ่น

(มธ. 26:26-30; ลก. 22:15-20; 1 คร. 11:23-25)

22 ขณะที่กำลังกินอาหารอยู่นั้น พระเยซูได้หยิบขนมปังขึ้นมาขอบคุณพระเจ้า จากนั้นก็หักแบ่งให้พวกศิษย์แล้วพูดว่า “รับไปกินสิ นี่คือร่างกายของเรา”

23 แล้วพระองค์หยิบถ้วยขึ้นมาขอบคุณพระเจ้าและยื่นให้กับพวกศิษย์ พวกเขาก็ได้ดื่มจากถ้วยนั้นทุกคน

24 แล้วพระองค์พูดว่า “นี่คือเลือดของเรา พระเจ้าทำสัญญาขึ้นมาด้วยเลือดนี้ มันได้หลั่งไหลออกมาเพื่อคนเป็นจำนวนมาก 25 เราจะบอกให้รู้ว่า เราจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นอีกเลยจนกว่าจะถึงวันนั้นที่เราจะดื่มเหล้าองุ่นใหม่ในอาณาจักรของพระเจ้า”

26 เมื่อพวกเขาได้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าแล้ว ก็ออกไปที่ภูเขามะกอกเทศ

พระเยซูทำนายว่าพวกศิษย์จะทิ้งพระองค์

(มธ. 26:31-35; ลก. 22:31-34; ยน. 13:36-38)

27 พระเยซูพูดกับพวกศิษย์ว่า “พวกคุณจะทิ้งเราไปกันหมดทุกคน เพราะมีคำเขียนไว้แล้วว่า

‘เราจะฆ่าคนเลี้ยงแกะ
    และแกะนั้นก็จะกระเจิดกระเจิงไป’[d]

28 แต่เมื่อเราฟื้นขึ้นจากความตาย เราจะล่วงหน้าพวกคุณไปที่แคว้นกาลิลีก่อน”

29 แต่เปโตรพูดกับพระองค์ว่า “ถึงคนอื่นจะทิ้งอาจารย์ไปหมด ผมก็จะไม่มีวันทิ้งอาจารย์ไปอย่างเด็ดขาด”

30 พระเยซูจึงพูดกับเขาว่า “เราจะบอกให้ว่า คืนนี้แหละก่อนไก่ขันครั้งที่สอง คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราสามครั้ง”

31 แต่เปโตรก็ยังยืนยันเสียงแข็งว่า “ถึงผมจะต้องตายกับอาจารย์ ผมก็ไม่มีวันพูดไม่รู้จักอาจารย์” และพวกศิษย์ทั้งหมด ก็พูดอย่างเดียวกัน

พระเยซูอธิษฐานอยู่ตามลำพัง

(มธ. 26:36-46; ลก. 22:39-46)

32 พวกเขามาถึงสถานที่แห่งหนึ่งเรียกว่า เกทเสมนี พระเยซูบอกกับพวกศิษย์ว่า “นั่งคอยอยู่ที่นี่นะ เราจะไปอธิษฐาน” 33 พระองค์พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ก็เริ่มโศกเศร้าเสียใจและเป็นทุกข์ยิ่งนัก 34 จึงบอกพวกเขาว่า “เราทุกข์ใจมากจนแทบจะตายอยู่แล้ว ให้ตื่นและเฝ้าระวังอยู่”

35 พระองค์เดินห่างออกไปอีกหน่อยหนึ่ง แล้วซบหน้าลงกับพื้นดิน อธิษฐานว่า ถ้าเป็นไปได้ขอให้เวลาแห่งความทุกข์ยากนี้ผ่านพ้นไปจากพระองค์ 36 พระองค์พูดว่า “อับบา[e] พระบิดา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้สำหรับพระองค์ ขอช่วยเอาถ้วย[f] แห่งความทุกข์ยากนี้พ้นไปจากลูกด้วยเถิด แต่ขอให้เป็นไปตามใจพระบิดา ไม่ใช่ตามใจลูก”

37 แล้วพระองค์ก็เดินกลับมา เห็นพวกศิษย์นอนหลับอยู่ พระองค์จึงพูดกับเปโตรว่า “ซีโมน ยังจะหลับอยู่อีกหรือ คุณจะตื่นเป็นเพื่อนเราสักชั่วโมงไม่ได้เลยหรือ 38 พวกคุณต้องเฝ้าระวังและอธิษฐาน จะได้ไม่แพ้ต่อการยั่วยวน ถึงแม้จิตใจอยากจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ร่างกายก็ยังอ่อนแออยู่”

39 พระองค์เดินไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่งและพูดเหมือนเดิม 40 พอเดินกลับมา ก็เจอพวกศิษย์ยังนอนหลับอยู่ เปลือกตาเขาหนักอึ้งลืมไม่ขึ้น เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับพระองค์

41 ต่อมาพระองค์ก็เดินกลับมาดูพวกเขาอีกเป็นครั้งที่สาม และพูดว่า “ยังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่อีกเหรอ นอนพอแล้ว ชั่วโมงที่บุตรมนุษย์จะถูกหักหลังให้ไปอยู่ในมือของพวกคนบาปนั้นมาถึงแล้ว 42 ลุกขึ้นไปกันเถอะ นั่นไง คนที่หักหลังเรามาถึงแล้ว”

พระเยซูถูกจับ

(มธ. 26:47-56; ลก. 22:47-53; ยน. 18:3-12)

43 พระเยซูพูดยังไม่ทันขาดคำ ยูดาส ศิษย์คนหนึ่งในสิบสองคนก็มาถึงพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่ถือดาบและไม้กระบอง คนพวกนี้ถูกส่งมาจากพวกหัวหน้านักบวช พวกครูสอนกฎปฏิบัติ และพวกผู้อาวุโส

44 ยูดาสได้ตกลงกับพวกนั้นไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า “คนที่ผมจูบคือคนๆนั้น เข้าไปจับกุมและควบคุมตัวไปเลย” 45 เมื่อยูดาสมาถึงก็เดินเข้าไปหาพระเยซูและพูดว่า “อาจารย์ครับ” แล้วจูบพระองค์ 46 พวกนั้นก็เข้ามาจับตัวพระองค์และคุมตัวไว้ 47 คนหนึ่งในพวกพระเยซูที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้น ได้ชักดาบออกมา แล้วก็ฟันถูกหูทาสคนหนึ่งของนักบวชสูงสุดขาดไป

48 พระเยซูพูดกับพวกนั้นว่า “เห็นเราเป็นโจรหรือยังไง ถึงได้ถือดาบและไม้กระบองมาจับเรา 49 เราอยู่กับพวกคุณทุกวัน สอนอยู่ในวิหาร แต่พวกคุณก็ไม่จับ แต่ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามที่ได้เขียนไว้แล้วในพระคัมภีร์” 50 ส่วนพวกศิษย์วิ่งหนีทิ้งพระองค์ไปกันจนหมด

51 มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ติดตามพระองค์มา ไม่ได้สวมใส่อะไรเลย นอกจากห่มผ้าป่านผืนหนึ่ง เมื่อพวกนั้นพยายามจะจับเขา 52 เขาก็ได้สลัดผ้าป่านทิ้งแล้วเปลือยกายวิ่งหนีไป

พระเยซูอยู่ต่อหน้าผู้นำชาวยิว

(มธ. 26:57-68; ลก. 22:54-55, 63-71; ยน. 18:13-14, 19-24)

53 พวกเขานำตัวพระเยซูไปพบนักบวชสูงสุด พวกหัวหน้านักบวช พวกผู้นำชาวยิว และพวกครูสอนกฎปฏิบัติได้อยู่ชุมนุมกันที่นั่น 54 เปโตรตามพระเยซูมาห่างๆเข้าไปยังลานบ้านของนักบวชสูงสุดด้วย เขาไปนั่งผิงไฟให้ตัวอุ่นอยู่กับพวกผู้คุม

55 พวกหัวหน้านักบวชและสมาชิกสภาแซนฮีดรินทั้งหมดพยายามหาพยานเท็จมาปรักปรำพระเยซู เพื่อจะได้ฆ่าพระองค์ แต่ก็หาไม่ได้เลย 56 ถึงแม้จะมีพยานเท็จหลายคน แต่สิ่งที่พวกเขาพูดก็ไม่ตรงกัน

57 ในที่สุดมีบางคนยืนขึ้นเป็นพยานเท็จกล่าวหาพระเยซูว่า 58 “พวกเราได้ยินเขาพูดว่า ‘เราจะทำลายวิหารนี้ ที่สร้างขึ้นมาด้วยมือมนุษย์ และภายในสามวัน เราจะสร้างวิหารอีกแห่งหนึ่งขึ้นมาใหม่ที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์’” 59 แต่คำพยานในเรื่องนี้ก็ไม่ตรงกันอีก

60 นักบวชสูงสุดจึงยืนขึ้นต่อหน้าคนทั้งหลาย และถามพระเยซูว่า “แกจะไม่แก้ตัวในสิ่งที่เขากล่าวหาแกหรือ” 61 แต่พระเยซูก็ยังคงเงียบไม่ตอบอะไร แล้วนักบวชสูงสุดจึงถามพระองค์ว่า “แกเป็นพระคริสต์ บุตรของพระเจ้าหรือ”[g]

62 พระเยซูจึงตอบว่า “ใช่ เราเป็น และพวกคุณจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่ทางขวามือของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และเสด็จมากับเมฆในท้องฟ้า”

63 นักบวชสูงสุดก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของตน และพูดว่า “เรายังต้องการพยานอะไรอีก 64 พวกคุณก็ได้ยินคำหมิ่นประมาทของมันแล้ว พวกคุณคิดว่ายังไง” พวกเขาทุกคนตัดสินว่า พระองค์มีความผิดและสมควรตาย 65 บางคนถ่มน้ำลายใส่พระองค์ บางคนปิดหน้าพระองค์ ชกหน้าพระองค์ แล้วถามพระองค์ว่า “ผู้พูดแทนพระเจ้า ทายสิว่าใครเป็นคนทำ” และพวกผู้คุมก็พาพระองค์ไปทุบตี

เปโตรพูดว่าไม่รู้จักพระเยซู

(มธ. 26:69-75; ลก. 22:56-62; ยน. 18:15-18, 25-27)

66 เปโตรยังอยู่ที่ลานบ้านข้างล่างนั้น สาวใช้คนหนึ่งในบ้านเดินผ่านมา 67 เธอเห็นเปโตรผิงไฟอยู่ แล้วก็เข้ามาดูใกล้ๆและพูดว่า “แกก็อยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธนี่นา”

68 แต่เปโตรก็ได้ปฏิเสธว่า “ผมไม่รู้ไม่เข้าใจว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไร” แล้วเปโตรก็เดินไปทางประตูเข้าบ้าน และไก่ก็ขัน

69 เมื่อสาวใช้เห็นเปโตรที่นั่นอีก เธอบอกกับคนที่ยืนอยู่แถวๆนั้นว่า “เขาเป็นคนหนึ่งในพวกนั้น” 70 เปโตรปฏิเสธอีก และอีกสักพักหนึ่งหลังจากนั้น พวกคนที่ยืนอยู่ที่นั่นก็ได้พูดกับเปโตรว่า “แกเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่ เพราะแกก็เป็นชาวกาลิลีเหมือนกัน”

71 แต่เปโตรก็เริ่มสบถ[h] โดยพูดว่า “สาบานได้เลย ว่าผมไม่เคยรู้จักชายคนที่พวกคุณพูดถึง”

72 ทันใดนั้น ไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง แล้วเปโตรก็นึกถึงคำพูดของพระเยซูได้ว่า “ก่อนไก่ขันครั้งที่สอง คุณจะพูดว่าไม่รู้จักเราสามครั้ง” แล้วเขาก็ร้องไห้โฮออกมา

Footnotes

  1. 14:3 ขวด เป็นขวดที่ทำมาจากหินที่มีความสวยงามมาก
  2. 14:3 น้ำมันหอมนาระดา เป็นน้ำมันหอมราคาแพง ที่ได้จากรากของต้นนาระดา
  3. 14:12 ฆ่าลูกแกะ … วันปลดปล่อย เป็นส่วนหนึ่งของการเลี้ยงฉลองในเทศกาลวันปลดปล่อย เป็นการฆ่าลูกแกะเพื่อมาบูชาพระเจ้า ดูจากหนังสือ อพยพ 12:3-9
  4. 14:27 อ้างมาจากหนังสือ เศคาริยาห์ 13:7
  5. 14:36 อับบา เป็นคำในภาษาอารเมคที่แปลว่า “พ่อ”
  6. 14:36 ถ้วย หมายถึง พระเยซูกำลังพูดถึงสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ ซึ่งเป็นการยากที่จะยอมรับสิ่งเหล่านี้ เปรียบเหมือนกับการดื่มอะไรสักอย่างที่มีรสชาติที่แย่มาก
  7. 14:61 แกเป็นพระคริสต์ บุตรของพระเจ้าหรือ หรือ แปลตรงๆ ได้ว่า “แกเป็นพระคริสต์ บุตรของพระองค์ผู้ที่ได้รับการสรรเสริญหรือ”
  8. 14:71 สบถ คือการสาปแช่งตัวเองถ้าหากเขาพูดโกหก

น้ำมันหอมชโลมศีรษะ

14 อีก 2 วันก็ถึงเทศกาลปัสกา[a] และเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เหล่ามหาปุโรหิตและอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติพยายามหาทางว่า จะจับกุมและฆ่าพระองค์อย่างลับๆ ได้อย่างไร พวกเขาพูดว่า “ต้องไม่ทำในระหว่างเทศกาล มิฉะนั้นจะเกิดการจลาจลในหมู่ผู้คน”

ขณะที่พระองค์เอนกายอยู่ที่บ้านของซีโมนชายโรคเรื้อนในหมู่บ้านเบธานี หญิงคนหนึ่งเอาผอบหินซึ่งบรรจุด้วยน้ำมันหอมนาราดาบริสุทธิ์ราคาแพงมากมา แล้วนางก็ทุบผอบให้เปิดออก และชโลมน้ำมันบนศีรษะของพระองค์ แต่บางคนก็พูดต่อกันและกันด้วยความโกรธว่า “ทำไมจึงทำให้น้ำหอมนี้เสียของเปล่าๆ เพราะว่าน้ำหอมนี้อาจจะขายได้มากกว่า 300 เหรียญเดนาริอัน[b] และเอาเงินไปแจกแก่ผู้ยากไร้ได้” แล้วพวกเขาก็ดุว่านาง แต่พระเยซูกล่าวว่า “ปล่อยนางเถิด ทำไมเจ้าจึงยุ่งกับนางด้วย นางได้ทำสิ่งดีให้เรา พวกเจ้ามีผู้ยากไร้อยู่ด้วยเสมอ เมื่อไรก็ตามที่เจ้าปรารถนาจะช่วยพวกเขา เจ้าก็ทำได้ แต่เราจะไม่ได้อยู่กับพวกเจ้าตลอดไป นางได้กระทำเท่าที่นางจะทำได้ นางได้ชโลมกายของเราก่อนพิธีฝังศพ เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ไม่ว่าข่าวประเสริฐนี้จะถูกประกาศไปที่ใดในโลกก็ตาม สิ่งที่นางได้ทำจะเป็นที่กล่าวขวัญถึง เพื่อเป็นการระลึกถึงนาง”

10 ครั้นแล้วยูดาสอิสคาริโอทผู้เป็นหนึ่งในสาวกทั้งสิบสอง ก็ไปหาพวกมหาปุโรหิต เพื่อที่จะมอบพระองค์ให้แก่พวกเขา 11 พวกเขายินดีเมื่อได้ยินดังนั้น และสัญญาที่จะให้เงินแก่ยูดาส และเขาก็รอโอกาสที่จะทรยศพระองค์

ฉลองวันปัสกา

12 ในวันแรกของเทศกาลขนมปังไร้เชื้อ เมื่อลูกแกะปัสกาถูกสังเวย เหล่าสาวกของพระเยซูพูดว่า “พระองค์ประสงค์จะให้พวกเราไปเตรียมอาหารวันปัสกาเพื่อให้พระองค์รับประทานที่ไหน” 13 พระองค์ส่งสาวก 2 คนไปโดยกล่าวว่า “จงเข้าไปในเมือง และจะมีชายผู้หนึ่งแบกโถน้ำมาพบเจ้า จงตามเขาไป 14 ที่ใดก็ตามที่เขาเข้าไป จงพูดกับเจ้าของบ้านว่า ‘อาจารย์ถามว่า “ห้องรับรองของเราที่เราจะรับประทานอาหารวันปัสกากับเหล่าสาวกของเราอยู่ที่ไหน”’ 15 และเขาจะชี้ให้เจ้าดูห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้พร้อมแล้ว จงเตรียมไว้ให้พวกเราที่นั่น” 16 สาวกทั้งสองจึงเดินเข้าไปในเมืองและพบสิ่งต่างๆ ตามที่พระองค์ได้บอกพวกเขาไว้ เขาจึงเตรียมอาหารวันปัสกากัน

17 เมื่อถึงเวลาเย็นพระองค์จึงมากับสาวกทั้งสิบสอง 18 ขณะที่เอนกายลงรับประทานกันที่โต๊ะ พระเยซูกล่าวว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนหนึ่งในพวกเจ้าจะทรยศเรา เขาคือคนที่กำลังรับประทานร่วมกับเรา” 19 พวกเขาเริ่มเศร้าใจและพูดกับพระองค์ทีละคนว่า “เป็นข้าพเจ้าหรือเปล่า” 20 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “เป็น 1 ใน 12 คนที่จิ้มขนมปังร่วมกับเราในถ้วยนี้ 21 เพราะว่าบุตรมนุษย์ต้องไปตามที่มีบันทึกไว้เกี่ยวกับท่าน แต่วิบัติจะเกิดกับคนที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นไม่ได้มาเกิดก็จะดีกว่า”

22 ขณะที่เขาเหล่านั้นกำลังรับประทานกันอยู่ พระองค์หยิบขนมปังมา กล่าวขอบคุณพระเจ้า แล้วก็บิเป็นชิ้น ยื่นให้แก่พวกเขาพลางกล่าวว่า “จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา” 23 เมื่อพระองค์หยิบถ้วยและกล่าวขอบคุณพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงยื่นให้แก่พวกสาวก และเขาทุกคนก็ดื่มกัน 24 และพระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “นี่เป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาของเรา ซึ่งหลั่งออกให้แก่คนจำนวนมาก 25 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีกจนกว่าจะถึงวันนั้น คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในอาณาจักรของพระเจ้า”

26 หลังจากที่ได้ร้องเพลงสรรเสริญกันแล้วก็พากันออกไปยังภูเขามะกอก

สาวกปฏิเสธคำพยากรณ์

27 พระเยซูกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าทุกคนจะละทิ้งเรา เพราะมีบันทึกไว้ว่า

‘เราจะฟาดฟันผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ
    และบรรดาแกะจะกระจัดกระจายไป’[c]

28 แต่หลังจากที่เราได้ฟื้นคืนชีวิตแล้ว เราจะไปล่วงหน้าพวกเจ้ายังแคว้นกาลิลี”

29 แต่เปโตรพูดกับพระองค์ว่า “ถึงแม้ว่าทุกคนจะละทิ้งพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ทำเช่นนั้น” 30 พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า ในคืนวันนี้เองก่อนไก่จะขัน 2 ครั้ง เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา” 31 แต่เปโตรพูดอย่างหนักแน่นว่า “ถึงแม้ข้าพเจ้าจะต้องตายไปด้วยกับพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์” และต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างนั้นทุกคน

เกทเสมนี

32 พระเยซูและเหล่าสาวกมายังที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่าเกทเสมนี พระองค์กล่าวกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “จงนั่งลงที่นี่ขณะที่เราอธิษฐาน” 33 พระองค์พาเปโตร ยากอบและยอห์นไปด้วย และพระองค์เจ็บปวดรวดร้าวและหนักใจมาก 34 พระองค์กล่าวกับพวกเขาว่า “จิตใจของเราเป็นทุกข์เจียนตาย จงอยู่ตรงนี้ และเฝ้าคอยเถิด”

35 พระองค์เดินเลยพวกเขาไปเล็กน้อยแล้วซบหน้าลงที่พื้นดิน แล้วอธิษฐานว่าถ้าเป็นไปได้ ขอให้เวลานั้นล่วงพ้นไปจากพระองค์ 36 พระเยซูกล่าวว่า “อับบา[d] พระบิดา ทุกสิ่งเป็นไปได้สำหรับพระองค์ โปรดเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพเจ้าเถิด ถึงกระนั้น ขออย่าให้เป็นไปตามความประสงค์ของข้าพเจ้า แต่ขอให้เป็นไปตามความประสงค์ของพระองค์เถิด” 37 พระองค์มาพบว่าพวกเขากำลังนอนหลับกัน จึงกล่าวกับเปโตรว่า “ซีโมน เจ้านอนหลับหรือ เจ้าจะคอยเฝ้าสักชั่วโมงเดียวไม่ได้หรือ 38 จงคอยเฝ้าและอธิษฐานเถิดว่า พวกเจ้าจะไม่ตกอยู่ในสิ่งยั่วยุ ฝ่ายวิญญาณมีความตั้งใจดี แต่ฝ่ายเนื้อหนังกลับอ่อนแอ”[e]

39 พระองค์เดินออกไปอธิษฐานอีก กล่าวคำอธิษฐานเหมือนเดิม 40 แล้วพระองค์กลับมาอีกก็พบว่าพวกเขานอนหลับกัน เพราะง่วงจนลืมตาไม่ขึ้นเลยและไม่รู้ว่าจะตอบพระองค์อย่างไร 41 พระองค์กลับมาเป็นครั้งที่สาม และกล่าวกับพวกเขาว่า “พวกเจ้ายังนอนหลับและพักผ่อนอยู่หรือ พอแล้ว ถึงเวลาแล้ว ดูเถิด บุตรมนุษย์กำลังถูกทรยศส่งมอบไว้ในมือของพวกคนบาป 42 จงลุกขึ้น ไปกันเถิด ดูสิ คนทรยศเราเข้ามาใกล้แล้ว”

พระเยซูถูกจับกุม

43 พระองค์ยังกล่าวไม่ทันขาดคำ ยูดาสหนึ่งในสาวกทั้งสิบสองก็เดินมาทันที พร้อมกับกลุ่มคนจากบรรดามหาปุโรหิต อาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติ และพวกผู้ใหญ่ ต่างก็ถือดาบและไม้ตะบองมาด้วย 44 ผู้ทรยศนั้นได้ให้สัญญาณแก่พวกเขาโดยกล่าวว่า “เป็นคนที่เราจะจูบแก้ม[f]นั่นแหละ จงจับกุมเขาได้เลย และพาเขาไปโดยคุมตัวไว้” 45 เมื่อเขามาถึงแล้วก็ไปหาพระองค์ทันที พูดว่า “รับบี” แล้วก็จูบแก้มพระองค์ 46 พวกเขาลงมือจับกุมพระองค์ 47 แต่มีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ชักดาบออกฟันหูผู้รับใช้ของหัวหน้ามหาปุโรหิตขาด 48 พระเยซูกล่าวตอบพวกเขาว่า “พวกท่านเอาดาบและไม้ตะบองแล้วพากันมาจับกุมเรา เหมือนกับว่าเราเป็นโจรอย่างนั้นหรือ 49 ทุกวันเราเคยอยู่กับท่านในบริเวณพระวิหาร และสั่งสอน แต่ท่านก็ไม่ได้จับกุมเรา แต่นี่เกิดขึ้นเพื่อเป็นไปตามพระคัมภีร์” 50 แล้วเหล่าสาวกก็ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป

51 มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามพระเยซูไป เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้า มีเพียงผ้าผืนคลุมตัวไว้ และพวกเขาก็ดึงตัวจะจับชายคนนั้น 52 แต่เขากลับสลัดผ้าทิ้งแล้วเปลือยกายหนีไป

พระเยซูถูกปรักปรำที่ศาสนสภา

53 พวกเขานำพระเยซูไปยังหัวหน้ามหาปุโรหิต ฝ่ายมหาปุโรหิตทั้งปวง พวกผู้ใหญ่ และอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติก็ชุมนุมร่วมกัน 54 แล้วเปโตรได้ติดตามพระองค์ไปอยู่ห่างๆ เปโตรอยู่ในบริเวณลานบ้านของหัวหน้ามหาปุโรหิต เขานั่งผิงไฟอยู่ร่วมกับพวกเจ้าหน้าที่ 55 พวกมหาปุโรหิตและสมาชิกทั้งหมดในศาสนสภา[g]พยายามหาพยานปรักปรำพระเยซู เพื่อทำให้พระองค์ได้รับโทษถึงตาย แต่ก็ไม่สามารถหาพยานได้ 56 มีคนจำนวนมากที่เป็นพยานเท็จต่อต้านพระองค์ แต่คำยืนยันของพวกเขาไม่ตรงกัน 57 มีบางคนที่ยืนเป็นพยานเท็จต่อต้านพระองค์ว่า 58 “พวกเราได้ยินเขาพูดว่า ‘เราจะทำลายพระวิหารที่สร้างด้วยมือมนุษย์นี้ลง และใน 3 วันเราจะสร้างอีกวิหารหนึ่งขึ้นโดยไม่ใช้มือมนุษย์เลย’” 59 แม้กระนั้น คำยืนยันของพวกเขาก็ยังไม่ตรงกัน

60 หัวหน้ามหาปุโรหิตยืนขึ้นต่อหน้าเขาเหล่านั้น และถามพระเยซูว่า “ท่านไม่ตอบอะไรหรือ ท่านจะว่าอย่างไรกับคำให้การที่กล่าวหาท่านมานี้” 61 แต่พระองค์นิ่งเงียบไม่ตอบ หัวหน้ามหาปุโรหิตจึงถามพระองค์อีกว่า “ท่านเป็นพระคริสต์บุตรขององค์ผู้ได้รับการสรรเสริญหรือ” 62 พระเยซูกล่าวว่า “เราเป็น และพวกท่านจะเห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่ ณ เบื้องขวาขององค์ผู้มีอานุภาพ และมาพร้อมเมฆแห่งสวรรค์”

63 หัวหน้ามหาปุโรหิตก็ฉีกเสื้อตัวในของตนจนขาดและกล่าวว่า “พวกเราจำต้องมีพยานอะไรมากกว่านี้ 64 พวกท่านก็ได้ยินคำพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว พวกท่านเห็นว่าอย่างไร” แล้วเขาทุกคนก็กล่าวโทษพระองค์ให้รับโทษถึงตาย 65 บางคนถ่มน้ำลายใส่พระองค์ โพกผ้าปิดตา ตบตีและพูดกับพระองค์ว่า “พยากรณ์ซิ” และพวกเจ้าหน้าที่ก็ตบพระองค์ด้วย

เปโตรปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระเยซู

66 ขณะที่เปโตรอยู่เบื้องล่างที่ลานบ้าน หญิงรับใช้คนหนึ่งของหัวหน้ามหาปุโรหิตเดินมา 67 นางเห็นเปโตรกำลังผิงไฟอยู่ก็มองดูเขา และพูดว่า “ท่านก็ด้วย ท่านอยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธ” 68 แต่เขาปฏิเสธว่า “เราไม่รู้และไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร” และเปโตรก็เดินออกไปทางลานบ้าน 69 เมื่อสาวใช้คนนั้นเห็นเขาอยู่ที่นั่นจึงพูดกับพวกที่ยืนอยู่อีกว่า “ชายคนนี้เป็นพวกเดียวกันกับเขา” 70 แต่เปโตรก็ปฏิเสธอีก และต่อมาไม่นานพวกที่ยืนอยู่จึงพูดกับเปโตรอีกว่า “ใช่แน่แล้ว ท่านเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา เพราะเป็นชาวกาลิลี” 71 แต่เปโตรก็สบถสาบานอย่างจริงจังว่า “เราไม่รู้จักชายผู้ที่ท่านพูดถึงนี้” 72 ในทันใดนั้น ไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง และเปโตรนึกถึงคำซึ่งพระเยซูได้กล่าวกับเขาไว้ว่า “ก่อนไก่จะขัน 2 ครั้ง เจ้าจะปฏิเสธ 3 ครั้งว่าเจ้าไม่รู้จักเรา” เปโตรจึงร้องไห้

Footnotes

  1. 14:1 ปัสกา เป็นเทศกาลของชาวยิวเพื่อระลึกถึงชนชาติยิวที่ได้รับการปลดปล่อยทาสออกจากประเทศอียิปต์ ฉบับอพยพ บทที่ 12
  2. 14:5 1 เดนาริอัน เป็นเงินมีค่าประมาณค่าแรงทำงาน 1 วัน
  3. 14:27 เศคาริยาห์ 13:7
  4. 14:36 อับบา เป็นภาษาอาราเมค มีความหมายว่า คุณพ่อ
  5. 14:38 ฝ่ายเนื้อหนัง ในที่นี้เป็นสิ่งตรงข้ามกับ ฝ่ายวิญญาณ คือความต้องการที่มักจะโน้มไปในทางไม่ดี ซึ่งมนุษย์ทุกคนมีโดยธรรมชาติ
  6. 14:44 จูบแก้ม เป็นธรรมเนียมการทักทายซึ่งเปรียบเทียบได้กับการไหว้ของคนไทย แต่ในบางครั้งจูบมือแทน
  7. 14:55 ศาสนสภา สภานี้เป็นศาลสูงสุดของชาวยิว มีสมาชิก 70 คนซึ่งประกอบด้วยปุโรหิต อาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติ ฟาริสี และสะดูสี