Add parallel Print Page Options

พระเยซูทำนายว่าวิหารจะถูกทำลาย

(มธ. 24:1-25; ลก. 21:5-24)

13 เมื่อพระเยซูกำลังเดินออกจากวิหาร ศิษย์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า “อาจารย์ ดูตึกพวกนี้สิครับ สวยจริงๆสร้างจากหินก้อนใหญ่ๆทั้งนั้น”

พระเยซูตอบเขาว่า “เห็นตึกใหญ่โตพวกนี้กันแล้วใช่ไหม มันจะถูกทำลายจนหมดสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ซากหินเรียงซ้อนทับกันอีกเลย”

เมื่อพระเยซูนั่งอยู่บนภูเขามะกอกเทศ ที่อยู่ตรงข้ามกับวิหารนั้น เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์ มาถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับ แล้วจะมีอะไรบอกเหตุให้รู้ก่อนไหมครับว่ามันจะเกิดขึ้นแล้ว”

พระองค์ก็ตอบว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ใครหลอกเอาล่ะ เพราะจะมีหลายคนมาแอบอ้างชื่อของเราว่าพวกเขาเป็นพระคริสต์ และจะมีหลายคนหลงเชื่อ เมื่อคุณได้ยินเสียงสงคราม หรือได้ยินข่าวลือว่าเกิดสงครามก็ไม่ต้องตกใจ เพราะมันต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่นั่นยังไม่ใช่วันสุดท้าย ชนชาติหนึ่งจะลุกฮือขึ้นต่อสู้กับอีกชนชาติหนึ่ง อาณาจักรนี้จะลุกฮือขึ้นต่อสู้กับอาณาจักรโน้น จะเกิดแผ่นดินไหวไปทั่ว และจะเกิดกันดารอาหาร นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเอง เหมือนเจ็บท้องเตือนก่อนคลอดลูก

ระวังตัวให้ดี พวกคุณจะถูกจับไปขึ้นศาล จะถูกเฆี่ยนในที่ประชุมของชาวยิว และพวกคุณจะต้องยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะคุณเป็นศิษย์ของเรา คุณจะต้องเป็นพยานเล่าเรื่องของเราให้พวกเขาฟัง 10 แต่ก่อนที่วันสุดท้ายจะมาถึง ข่าวดีจะต้องได้ประกาศออกไปทั่วทุกชนชาติเสียก่อน 11 ตอนที่พวกคุณถูกนำตัวไปขึ้นศาล ไม่ต้องห่วงว่าจะพูดแก้ตัวอย่างไร ให้พูดไปตามที่พระเจ้าบอกในเวลานั้น เพราะคนที่พูดนั้นไม่ใช่ตัวคุณเอง แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์

12 พี่น้องจะหักหลังกันเองให้ไปถูกฆ่า พ่อจะหักหลังลูกให้ไปถูกฆ่า ลูกๆจะต่อต้านพ่อแม่ และส่งพ่อแม่ให้ไปถูกฆ่า 13 ทุกคนจะเกลียดพวกคุณ เพราะคุณเป็นศิษย์ของเรา แต่ใครที่ทนได้จนถึงที่สุดก็จะได้รับความรอด

ความน่าสยดสยอง

14 เมื่อพวกคุณเห็นสิ่งที่น่าขยะแขยง[a] ที่เป็นต้นเหตุของความหายนะ อยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่ (ผู้อ่านน่าจะรู้ว่าหมายถึงอะไร) ก็ให้คนที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา 15 อย่าให้คนที่อยู่บนดาดฟ้าบ้านกลับเข้าไปเก็บของในบ้าน 16 อย่าให้คนที่อยู่ในไร่นากลับไปเอาเสื้อคลุม 17 ในวันนั้นจะน่ากลัวมากสำหรับผู้หญิงท้องและแม่ลูกอ่อนที่ให้นมลูก 18 อธิษฐานขออย่าให้เรื่องน่ากลัวนี้เกิดขึ้นในหน้าหนาวเลย 19 เพราะในเวลานั้นจะเกิดความทุกข์ยากอย่างใหญ่หลวงชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกมาจนถึงเดี๋ยวนี้ จะไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วในอนาคต 20 ถ้าองค์เจ้าชีวิตไม่ทำให้วันนั้นสั้นลงก็จะไม่มีใครรอดชีวิตเลย แต่เพราะเห็นแก่คนที่พระองค์ได้เลือกไว้ พระองค์ก็เลยทำให้วันเวลาเหล่านั้นสั้นลง 21 ถ้ามีใครมาบอกว่า ‘นี่ไง พระคริสต์’ หรือ ‘โน่นไง พระองค์’ ก็อย่าไปหลงเชื่อ 22 เพราะจะมีพวกพระคริสต์จอมปลอมและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าจอมปลอมเกิดขึ้น และพวกนี้จะทำอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ถ้าเป็นไปได้พวกนี้ก็จะหลอกแม้แต่คนที่พระเจ้าได้เลือกไว้แล้ว 23 ระวังตัวให้ดี เพราะเราได้เตือนคุณทุกสิ่งทุกอย่างไว้ล่วงหน้าเรื่องนี้

บุตรมนุษย์จะมา

(มธ. 24:29-51; ลก. 21:25-36)

24 ต่อจากความทุกข์ยากนั้น

‘ดวงอาทิตย์จะมืดมิดไป
    ดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง
25 ดวงดาวจะร่วงหล่นจากท้องฟ้า
    และพวกผู้มีอำนาจบนฟ้าสวรรค์จะถูกสั่นคลอน’[b]

26 แล้วผู้คนก็จะได้เห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆพร้อมด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ และเต็มไปด้วยสง่าราศี 27 แล้วพระองค์จะส่งหมู่ทูตสวรรค์ของพระองค์มารวบรวมผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้แล้วจากทั่วทั้งแผ่นดินโลก จากขอบโลกด้านหนึ่งไปถึงสุดขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง

บทเรียนจากต้นมะเดื่อ

28 ให้เรียนรู้จากต้นมะเดื่อกันเถอะ เมื่อต้นมะเดื่อเริ่มแตกกิ่งก้านและผลิใบอ่อน พวกคุณก็รู้ว่าใกล้ถึงหน้าร้อนแล้ว 29 เช่นเดียวกัน เมื่อพวกคุณเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้น พวกคุณก็รู้ว่าเวลา[c] นั้นใกล้มาถึงแล้ว เวลานั้นอยู่ที่หน้าประตูนี่เอง 30 เราจะบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะเกิดขึ้นก่อนที่คนในรุ่นนี้จะตาย 31 สวรรค์และโลกจะสูญสิ้นไป แต่ถ้อยคำของเราจะไม่มีวันสูญหายไป

พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อไหร่เวลานั้นจะมาถึง

32 ไม่มีใครรู้วันเวลานั้น แม้แต่หมู่ทูตสวรรค์หรือพระบุตรเองก็ไม่รู้ มีแต่พระบิดาเท่านั้นที่รู้ 33 พวกคุณไม่รู้ว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ดังนั้นให้ระวังตัวอยู่เสมอ อย่าประมาท 34 เหมือนกับที่ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินทางไปที่อื่นพร้อมกับสั่งงานให้ทาสแต่ละคนในบ้านทำ และได้สั่งยามให้เฝ้าประตูบ้านดีๆ 35 พวกคุณก็ต้องพร้อมอยู่เสมอ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะกลับมาเมื่อไหร่ อาจจะเป็นตอนเย็น ตอนเที่ยงคืน ตอนไก่ขันเช้ามืด หรือตอนสายๆ 36 เพื่อว่าเมื่อเขากลับมาอย่างกระทันหัน เขาจะได้ไม่พบว่าพวกคุณกำลังนอนหลับอยู่ 37 สิ่งที่เราสั่งพวกคุณไว้เราก็ได้สั่งกับทุกๆคนด้วย คือ ‘ให้ระวังอยู่เสมอ’”

Footnotes

  1. 13:14 สิ่งที่น่าขยะแขยง อ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ ดาเนียล 9:27; 11:31; 12:11
  2. 13:24-25 ดูที่ อิสยาห์ 13:10; 34:4
  3. 13:29 เวลา เป็นเวลาที่พระเยซูพูดถึงสำหรับเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้น ดูหนังสือลูกา 21:31 ที่พระเยซูพูดว่านี่เป็นเวลาที่อาณาจักรของพระเจ้าจะมาตั้งอยู่

พระวิหารถูกทำลาย และการสิ้นยุคนี้

13 ขณะที่พระเยซูกำลังออกไปจากพระวิหาร สาวกของพระองค์คนหนึ่งพูดกับพระองค์ว่า “อาจารย์ ดูเถิดว่าหินและตึกช่างใหญ่มหึมาอะไรเช่นนี้” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “เจ้าเห็นตึกใหญ่เหล่านี้ใช่ไหม ไม่มีหินก้อนใดซึ่งวางทับซ้อนกันอยู่ที่นี่จะรอดจากการทำลายไปได้”

ขณะที่พระองค์นั่งอยู่บนภูเขามะกอกตรงข้ามกับพระวิหาร เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์ก็ไต่ถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “โปรดบอกพวกเราเถิดว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด และปรากฏการณ์สำคัญอันใดที่จะบ่งบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ทุกประการใกล้จะบรรลุผล” พระเยซูกล่าวกับเขาว่า “จงระวัง อย่าให้ผู้ใดชักจูงเจ้าไปในทางที่ผิด จะมีคนจำนวนมากมากล่าวอ้างนามของเราโดยว่า ‘เราเป็นพระองค์’ และจะชักจูงคนจำนวนมากไปในทางที่ผิด เมื่อเจ้าได้ยินเรื่องการสงครามต่างๆ และข่าวลือเรื่องสงคราม ก็อย่าตกใจกลัว สิ่งเหล่านั้นต้องเกิดขึ้นก่อน แต่การสิ้นสุดจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที ด้วยว่าประเทศชาติต่างๆ จะต่อสู้กัน และอาณาจักรต่างๆ จะต่อสู้กัน จะเกิดแผ่นดินไหวตามที่ต่างๆ จะมีการอดอยากด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการเริ่มของความเจ็บปวดเหมือนก่อนคลอดลูก

แต่จงระวังให้ดี เพราะว่าพวกเขาจะมอบตัวเจ้าไปให้ตามศาลต่างๆ แล้วเจ้าจะถูกโบยตีตามศาลาที่ประชุม และเจ้าจะยืนต่อหน้าเหล่าผู้ว่าราชการและบรรดากษัตริย์ก็เพราะเรา ครั้นแล้วเจ้าจะได้เป็นพยานแก่พวกเขา 10 และข่าวประเสริฐจะถูกประกาศแก่ชนทุกชาติก่อน 11 เมื่อพวกเขาจับกุมเจ้าและมอบตัวเจ้าไป ก็อย่ากังวลล่วงหน้าว่าเจ้าจะต้องพูดอะไร จงพูดตามคำที่เจ้าจะได้รับให้พูดในเวลานั้น เพราะว่าไม่ใช่ตัวเจ้าเองที่พูด แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ 12 บรรดาพี่น้องต่างคนก็ต่างจะส่งตัวกันและกันไปประหาร พ่อมอบลูก และบรรดาลูกๆ จะต่อต้านพ่อแม่ และเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 13 และคนทั้งปวงจะเกลียดชังเจ้าเหตุเพราะชื่อของเรา แต่คนที่ยืนหยัดจนถึงที่สุดจะได้ชีวิตรอดพ้น

14 แต่เมื่อเจ้าเห็นสิ่งที่น่าชังซึ่งทำให้เกิดความวิบัติยืนอยู่ในที่ซึ่งไม่ควรจะอยู่ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเถิด)[a] เวลานั้นจงปล่อยให้ผู้คนในแคว้นยูเดียหนีไปยังแถบภูเขา 15 และอย่าให้คนที่อยู่บนหลังคาบ้านลงหรือเข้าไปในบ้านของเขาเพื่อขนสิ่งใดออกมา 16 และอย่าให้คนที่อยู่ในทุ่งนาหันกลับไปหยิบเสื้อตัวนอกของเขา 17 วิบัติจะเกิดแก่หญิงมีครรภ์และมารดาผู้ให้นมลูกในวันนั้น 18 แต่จงอธิษฐานเพื่อว่าจะได้ไม่เกิดขึ้นในฤดูหนาว 19 เพราะในเวลานั้นจะเป็นเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกจนถึงเวลานี้และจะไม่เป็นเช่นนั้นอีก 20 หากว่าพระผู้เป็นเจ้าไม่ลดจำนวนวันให้น้อยลงแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดรอดชีวิตได้เลย แต่เพราะเห็นแก่ผู้ที่พระเจ้าได้เลือกไว้ พระองค์จึงลดจำนวนวันลง 21 และในเวลานั้นถ้าใครพูดกับเจ้าว่า ‘ดูเถิด พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘ดูเถิด พระองค์อยู่ที่นั่น’ ก็อย่าเชื่อเขา 22 บรรดาพระคริสต์จอมปลอมและผู้เผยคำกล่าวจอมปลอมจะแสดงตน พวกเขาจะแสดงปรากฏการณ์อัศจรรย์และสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ เพื่อหากว่าเป็นไปได้ ก็จะชักจูงให้แม้ผู้ที่พระเจ้าเลือกไว้ให้หลงไปในทางที่ผิด 23 แต่จงระวังไว้ เราได้บอกทุกสิ่งล่วงหน้าไว้กับเจ้าแล้ว

24 แต่ในระยะเวลาหลังจากที่คราวทุกข์ยากลำบากผ่านพ้นไปแล้ว

‘ดวงอาทิตย์จะมืดลง
    และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง
25 บรรดาดวงดาวจะร่วงหล่นจากฟ้า
    และบรรดาสิ่งที่ทรงพลังในท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน’[b]

26 ในเวลานั้นพวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์มาในเมฆด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และสง่าราศี 27 แล้วท่านจะส่งเหล่าทูตสวรรค์ไปเพื่อรวบรวมบรรดาผู้ที่ท่านเลือกไว้จากลมทั้งสี่ คือจากสุดปลายของแผ่นดินโลกจนถึงสุดปลายฟ้าสวรรค์

28 จงเรียนเรื่องอุปมาจากต้นมะเดื่อ เมื่อกิ่งก้านเขียวสดแตกใบอ่อน เจ้าก็รู้ว่าฤดูฝนใกล้จะถึงแล้ว 29 ในทำนองเดียวกัน เมื่อเจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จงรู้เถิดว่าท่านอยู่ใกล้ประตูมากแล้ว 30 เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนในช่วงกาลเวลานี้จะไม่อาจล่วงลับไป จนกว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นก่อน 31 สวรรค์และโลกจะดับสูญไป แต่คำของเราจะไม่มีวันสูญหายไป

ใครจะหยั่งรู้อนาคต

32 แต่ไม่มีใครทราบถึงวันและเวลานั้น บรรดาทูตสวรรค์แห่งสวรรค์ หรือแม้แต่พระบุตรก็ไม่ทราบเช่นกัน ยกเว้นพระบิดาเท่านั้น 33 จงระวังและตื่นตัวไว้ เพราะเจ้าไม่รู้ว่าเวลาจะมาถึงเมื่อใด 34 เหมือนกับชายคนหนึ่งที่ออกเดินทางไป เมื่อถึงเวลาที่เขาจะจากบ้านไป เขาให้พวกทาสรับใช้ดูแล มอบหมายงานให้แต่ละคนและสั่งให้นายประตูเฝ้าไว้ 35 ฉะนั้น จงคอยระวังไว้ เพราะเจ้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าบ้านจะมา จะมาในเวลาเย็น ตอนเที่ยงคืน เวลาไก่ขัน หรือในตอนเช้าตรู่ 36 ถ้าเขาเข้ามาอย่างฉับพลัน ก็อย่าให้เขาพบว่าเจ้านอนหลับอยู่ 37 สิ่งที่เรากล่าวกับเจ้า เราได้กล่าวกับทุกคนไว้ว่า ‘จงคอยระวังไว้’”