Add parallel Print Page Options

เกียรติที่มาจากพระเจ้า

(ลก. 6:20-23)

เมื่อพระเยซูเห็นผู้คนตามมาเป็นจำนวนมาก พระองค์ได้ขึ้นไปบนภูเขาและนั่งอยู่ที่นั่น พวกศิษย์เข้ามาหาพระองค์ พระองค์จึงเริ่มสอนพวกเขาว่า

“คนที่รู้ตัวว่าต้องการพระเจ้า มีเกียรติจริงๆ
    เพราะเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรแห่งสวรรค์
คนที่โศกเศร้า มีเกียรติจริงๆ
    เพราะพระเจ้าจะปลอบโยนเขา
คนที่มีจิตใจอ่อนโยน มีเกียรติจริงๆ
    เพราะพระเจ้าจะให้โลกนี้กับเขา
คนที่หิวกระหายที่จะทำตามใจพระเจ้า
    มีเกียรติจริงๆเพราะพระเจ้าจะทำให้เขาอิ่มใจ
คนที่มีจิตใจเมตตา มีเกียรติจริงๆ
    เพราะพระเจ้าจะเมตตาเขา
คนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ มีเกียรติจริงๆ
    เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
คนที่สร้างสันติ มีเกียรติจริงๆ
    เพราะพระเจ้าจะเรียกเขาว่าเป็นลูก
10 คนที่โดนข่มเหงรังแกเพราะทำตามความต้องการของพระเจ้า
    มีเกียรติจริงๆเพราะเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในอาณาจักรแห่งสวรรค์
11 คนที่โดนดูถูก โดนข่มเหงรังแก และโดนใส่ร้ายป้ายสี
    เพราะติดตามเรา มีเกียรติจริงๆ

12 ให้ดีใจและมีความสุขเถอะ เพราะพระเจ้าได้เก็บรางวัลอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับคุณแล้วที่บนสวรรค์ เพราะพวกผู้พูดแทนพระเจ้าในสมัยก่อนก็โดนข่มเหงอย่างเดียวกับคุณนี่แหละ

เกลือและแสงสว่าง

(มก. 9:50; 4:21; ลก. 14:34-35; 8:16)

13 พวกคุณเป็นเกลือ[a]ของโลกนี้ ถ้าเกลือหมดรสเค็มแล้ว จะทำให้เค็มอีกได้อย่างไร มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว นอกจากเอาไปทิ้งให้คนเหยียบย่ำ 14 พวกคุณเป็นแสงสว่างของโลก เมืองที่สร้างอยู่บนภูเขาจะเอาไปซ่อนไว้ไม่ให้คนเห็นก็ไม่ได้ 15 เหมือนกับเมื่อจุดตะเกียง ก็ไม่มีใครเอาไปไว้ใต้ถัง แต่จะเอาไปตั้งไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อจะได้ส่องสว่างให้กับทุกคนที่อยู่ในบ้าน 16 พวกคุณก็เหมือนกัน ให้ส่องสว่างออกไปเพื่อคนจะได้เห็นความดีที่คุณทำ และจะได้สรรเสริญพระบิดาของคุณที่อยู่บนสวรรค์

พระเยซูสั่งสอนเกี่ยวกับกฎปฏิบัติ

17 อย่าคิดว่าเรามายกเลิกกฎปฏิบัติของโมเสส หรือมายกเลิกข้อความที่ผู้พูดแทนพระเจ้าเขียนไว้ เราไม่ได้มายกเลิกแต่มาทำให้มันสำเร็จ[b] 18 เราจะบอกให้รู้ว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินยังอยู่ จะไม่มีวันที่ตัวหนังสือตัวเล็กๆหรือจุดเล็กๆสักจุดเดียวจะหายไปจากกฎปฏิบัติ จนกว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นจริงตามนั้น 19 คนที่ไม่ยอมเชื่อฟังข้อเล็กๆข้อหนึ่งในกฎปฏิบัติ แล้วยังสอนให้คนอื่นไม่เชื่อฟังด้วย คนนั้นก็จะเป็นคนที่เล็กน้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่คนที่เชื่อฟังกฎปฏิบัติและสอนให้คนอื่นเชื่อฟังด้วย คนๆนั้นก็จะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์ 20 เพราะเราจะบอกให้รู้ว่า ถ้าพวกคุณไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้ามากไปกว่าที่พวกครูสอนกฎปฏิบัติและพวกฟาริสีเชื่อฟังพระองค์ คุณก็จะไม่มีวันได้เข้าไปในอาณาจักรแห่งสวรรค์

เรื่องความโกรธ

21 พวกคุณคงเคยได้ยินที่เขาพูดกับคนสมัยก่อนว่า ‘อย่าฆ่าคน’[c] แต่ถ้าใครทำ คนนั้นจะต้องถูกลงโทษ 22 แต่เราจะบอกให้รู้ว่า แค่คนที่โกรธพี่น้องของตัวเองก็ถูกตัดสินว่าผิดแล้ว และคนที่ว่าพี่น้องของตัวเองว่า ‘ไอ้ปัญญาอ่อน’ เขาจะต้องถูกสอบสวนในศาลสูง และใครก็ตามที่ว่าคนอื่น ‘ไอ้โง่’ เขาก็เสี่ยงต่อบึงไฟนรกแล้ว

23 ดังนั้นถ้าคุณนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชา และนึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีปัญหากับคุณในสิ่งที่คุณทำไป 24 ให้วางเครื่องบูชานั้นไว้ และกลับไปคืนดีกับพี่น้องคนนั้นก่อน แล้วค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชา

25 ถ้ามีใครฟ้องร้องคุณ ก็ให้รีบปรับความเข้าใจกับเขาในระหว่างทางที่กำลังไปศาล ไม่อย่างนั้นเขาจะส่งตัวคุณให้ผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะส่งคุณไปให้ผู้คุมเอาไปขังคุก 26 เราจะบอกให้รู้ว่า คุณจะถูกขังจนกว่าจะใช้หนี้ครบทุกบาททุกสตางค์

เรื่องการมีชู้

27 พวกคุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘อย่าเป็นชู้กับสามีภรรยาเขา’[d] 28 แต่เราจะบอกคุณว่า แค่มองผู้หญิงแล้วเกิดความใคร่ ก็ถือว่าคุณเป็นชู้ทางใจกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว 29 ดังนั้น ถ้าตาขวาของคุณทำให้คุณทำบาป ก็ให้ควักทิ้งไปเลย เพราะเสียอวัยวะไปส่วนหนึ่ง ก็ยังดีกว่าถูกโยนลงไปในนรกทั้งตัว 30 ถ้ามือขวาของคุณทำให้คุณทำบาป ก็ให้ตัดทิ้งไปเลย เพราะเสียอวัยวะไปส่วนหนึ่งก็ยังดีกว่าจะต้องตกนรกทั้งตัว

เรื่องการหย่าร้าง

(มธ. 19:9; มก. 10:11-12; ลก. 16:18)

31 มีคำพูดว่า ‘ถ้าใครจะหย่ากับภรรยา ก็ให้ทำหนังสือหย่า[e] ให้กับภรรยา’ 32 แต่เราจะบอกคุณว่า ใครก็ตามที่หย่ากับภรรยา ยกเว้นหย่าเพราะเรื่องการทำบาปทางเพศ ก็ทำให้ภรรยามีชู้เมื่อเธอไปแต่งงานใหม่ และผู้ชายที่มาแต่งงานกับเธอก็ถือว่ามีชู้ด้วย

เรื่องการสาบาน

33 พวกคุณคงเคยได้ยินที่เขาพูดกับคนสมัยก่อนว่า ‘อย่าผิดคำสาบาน ต้องทำตามคำสาบานที่ให้ไว้กับองค์เจ้าชีวิต[f] 34 แต่เราขอบอกว่าอย่าสาบานเลย ไม่ต้องอ้างถึงสวรรค์ เพราะสวรรค์นั้นเป็นที่นั่งของพระเจ้า 35 ไม่ต้องอ้างถึงโลกนี้ เพราะโลกนี้เป็นที่วางเท้าของพระเจ้า[g] ไม่ต้องอ้างถึงเมืองเยรูซาเล็ม เพราะเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ 36 ไม่ต้องอ้างโดยเอาหัวเป็นประกัน เพราะเส้นผมสักเส้นคุณก็ยังไม่มีปัญญาทำให้มันขาวหรือดำได้เลย 37 ถ้า ‘ใช่’ ก็บอกว่า ‘ใช่’ ถ้า ‘ไม่’ ก็บอกว่า ‘ไม่’ พูดแค่นี้พอแล้ว พูดมากกว่านี้ก็มาจากมาร

เรื่องการแก้แค้น

(ลก. 6:29-30)

38 พวกคุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’[h] 39 แต่เราขอบอกว่า อย่าคิดแก้แค้นคนที่ทำผิดต่อคุณ ถ้าใครตบแก้มขวาของคุณ ก็หันแก้มซ้ายให้เขาตบด้วย 40 ถ้าใครฟ้องร้องเอาเสื้อของคุณ ก็แถมเสื้อคลุมให้เขาไปด้วย 41 ถ้าใครบังคับให้คุณแบกของไปกับเขาหนึ่งกิโลเมตร ก็แบกไปสองกิโลเมตรเลย 42 ถ้าใครมาขออะไรจากคุณก็ให้เขาไป อย่าหันหน้าหนีไปจากคนที่มาขอยืมคุณเลย

ให้รักศัตรู

(ลก. 6:27-28, 32-36)

43 พวกคุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘รักเพื่อนบ้าน[i] และเกลียดชังศัตรู’ 44 แต่เราขอบอกคุณว่า ให้รักศัตรูของคุณ และอธิษฐานเผื่อคนที่ข่มเหงคุณ 45 เพราะถ้าทำอย่างนี้ คุณก็จะเป็นลูกที่แท้จริงของพระบิดาในสวรรค์ พระองค์ทำให้ดวงอาทิตย์ส่องสว่างให้ทั้งคนดีและคนชั่ว ให้ฝนตกกับทั้งคนที่ทำถูกและคนที่ทำผิดเหมือนกัน 46 ถ้าคุณรักแต่คนที่รักคุณ แล้วมันมีอะไรพิเศษตรงไหน แม้แต่คนเก็บภาษี ก็ยังรักคนที่รักเขาเหมือนกัน 47 ถ้าทักทายแต่เพื่อน คุณได้ทำอะไรพิเศษไปกว่าคนอื่นๆหรือ เพราะคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า[j] ก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน 48 ดังนั้นพระบิดาของพวกคุณบนสวรรค์ดีพร้อมขนาดไหน ก็ให้พวกคุณดีพร้อมขนาดนั้นด้วย

Footnotes

  1. 5:13 เกลือ ในสมัยพระเยซู คนใช้เกลือหมักเนื้อไม่ให้เน่า
  2. 5:17 แต่มาทำให้มันสำเร็จ ในภาษาเดิม ประโยคนี้อาจจะแปลได้หลายอย่าง เช่น “เกิดขึ้นจริงตามนั้น” หรือ “ทำให้เห็นถึงความหมายที่แท้จริงของมัน” หรือ “ทำให้บรรลุถึงเป้าหมาย”
  3. 5:21 อ้างมาจากหนังสือ อพยพ 20:13 และ เฉลยธรรมบัญญัติ 5:17
  4. 5:27 อ้างมาจากหนังสือ อพยพ 20:14 และ เฉลยธรรมบัญญัติ 5:18
  5. 5:31 อ้างมาจากหนังสือ เฉลยธรรมบัญญัติ 24:1
  6. 5:33 ต้องทำตาม … องค์เจ้าชีวิต ดูที่ เลวีนิติ 19:12 กันดารวิถี 30:2 และ เฉลยธรรมบัญญัติ 23:21
  7. 5:35 ในหนังสืออิสยาห์ 66:1 พระเจ้าบอกว่าสวรรค์เป็นที่นั่งของพระองค์ และโลกเป็นที่วางเท้าของพระองค์ ถ้าสาบานโดยอ้างถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็เท่ากับว่าอ้างถึงพระเจ้าด้วย ซึ่งคนยิวในสมัยพระเยซูถือว่าไม่ให้เกียรติกับชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ดูได้จากหนังสือมัทธิว 23:22
  8. 5:38 อ้างมาจากหนังสือ กันดารวิถี 21:24 และ เฉลยธรรมบัญญัติ 24:20
  9. 5:43 อ้างมาจากหนังสือ เลวีนิติ 19:18
  10. 5:47 คนที่ไม่รู้จักพระเจ้า ในภาษาเดิมใช้คำว่า คนที่ไม่ใช่ยิว

หนทางที่นำไปสู่ความสุข

เมื่อพระองค์เห็นฝูงชนแล้วก็ขึ้นไปบนภูเขา และเมื่อนั่งลงแล้วเหล่าสาวกจึงมาหาพระองค์ พระองค์เริ่มกล่าวสั่งสอนพวกเขาว่า

“ผู้ที่ยอมรับว่าตนบกพร่อง[a]ฝ่ายวิญญาณจะเป็นสุข
    เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา
ผู้ที่เศร้าโศกจะเป็นสุข
    เพราะว่าพระเจ้าจะปลอบประโลมเขา
ผู้มีใจอ่อนน้อมจะเป็นสุข
    เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดกจากพระเจ้า
ผู้ที่หิวกระหายความชอบธรรมจะเป็นสุข
    เพราะเขาจะอิ่มหนำ
ผู้มีความเมตตาจะเป็นสุข
    เพราะเขาจะได้รับความเมตตา
ผู้มีใจบริสุทธิ์จะเป็นสุข
    เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ผู้สร้างสันติจะเป็นสุข
    เพราะพระเจ้าจะเรียกเขาว่า บรรดาบุตรของพระองค์
10 ผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะเห็นแก่การกระทำที่เป็นไปตามความชอบธรรมจะเป็นสุข
    เพราะว่าอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นของเขา

11 พวกท่านที่ถูกเหยียดหยาม ถูกข่มเหง และถูกกล่าวหาว่าร้ายเหตุเพราะเรา ท่านก็จะเป็นสุข 12 จงชื่นชมยินดีและดีใจเถิด เพราะรางวัลอันเลิศของท่านอยู่ในสวรรค์ เพราะว่าพวกเขาได้ข่มเหงผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าที่มาล่วงหน้าท่านด้วยวิธีเดียวกัน

เกลือและแสงสว่าง

13 พวกท่านเป็นเสมือนเกลือของแผ่นดินโลก แต่ถ้าเกลือสิ้นความเค็มแล้ว จะกลับมาเค็มอีกได้อย่างไร ในเมื่อหมดประโยชน์แล้ว รังแต่จะถูกทิ้งและถูกคนเหยียบย่ำ

14 ท่านเป็นเสมือนแสงสว่างของโลก เมืองที่ตั้งอยู่บนเขาไม่อาจปกปิดซ่อนเร้นไว้ได้ 15 คนที่จุดตะเกียงก็เช่นกัน จะไม่วางไว้ใต้ภาชนะ แต่จะตั้งไว้บนขาตั้งตะเกียงให้แสงส่องถึงทุกคนที่อยู่ในบ้าน 16 จงให้แสงสว่างของท่านส่องให้คนทั้งปวงเห็น เพื่อเขาจะได้เห็นการกระทำที่ดีของท่าน และสรรเสริญพระบิดาของท่านในสวรรค์

สิ่งที่เกี่ยวกับกฎบัญญัติ

17 อย่าคิดว่าเรามาเพื่อล้มล้างกฎบัญญัติหรือคำสั่งสอนของผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า เรามิได้มาเพื่อล้มล้างสิ่งเหล่านั้น แต่เพื่อเป็นไปตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ 18 เราขอบอกความจริงกับท่านว่า ตราบที่สวรรค์และโลกคงอยู่ แม้แต่ตัวหนังสือเล็กสุดหรือจุดๆ หนึ่งจะไม่ถูกตัดออกไปจากกฎบัญญัติ จนกว่าทุกสิ่งที่บันทึกไว้จะสัมฤทธิผล 19 ฉะนั้นผู้ใดก็ตามที่ฝ่าฝืนพระบัญญัติข้อเล็กน้อย ข้อหนึ่งข้อใดและสอนผู้อื่นให้ทำตามด้วย จะได้ชื่อว่าเป็นผู้น้อยที่สุดในอาณาจักรแห่งสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามและสอนพระบัญญัติ ผู้นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์ 20 เราขอบอกท่านว่า ถ้าการกระทำของท่านที่เป็นไปตามความชอบธรรมไม่เหนือไปกว่าของพวกอาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติและฟาริสีแล้ว ท่านจะไม่มีวันเข้าสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์ได้

21 พวกท่านได้ยินคำที่กล่าวไว้กับคนในสมัยโบราณว่า ‘อย่าฆ่าคน[b] ผู้ใดที่ฆ่าคนก็จะถูกพิพากษาลงโทษ’ 22 แต่เราขอบอกท่านว่า ทุกคนที่โกรธพี่น้องของตนจะถูกพิพากษาลงโทษ และผู้ที่กล่าวกับพี่น้องของตนว่า ‘เจ้าคนไร้ค่า’ ก็จะถูกพิพากษาที่ศาสนสภา[c] และผู้ที่กล่าวว่า ‘เจ้าคนโง่’ ก็จะมีโทษพอที่จะตกลงสู่ไฟนรก 23 ฉะนั้นถ้าท่านถวายเครื่องบูชาที่แท่นบูชา และท่านระลึกขึ้นได้ ณ ที่นั้นว่า พี่น้องคนหนึ่งมีเรื่องขัดเคืองต่อท่าน 24 ก็จงวางเครื่องบูชาของท่านไว้ที่แท่นบูชา และกลับไปคืนดีกับพี่น้องของท่านก่อน แล้วจึงค่อยย้อนกลับมาถวายเครื่องบูชา 25 จงตกลงกับโจทก์ของท่านระหว่างทางโดยเร็ว เพื่อว่าเขาจะได้ไม่ส่งตัวท่านให้กับผู้พิพากษา และผู้พิพากษาส่งต่อให้ผู้คุมและโยนท่านเข้าคุก 26 เราขอบอกความจริงกับท่านว่า ท่านจะออกจากที่นั่นไม่ได้จนกว่าท่านจะจ่ายเงินเหรียญสุดท้ายเสียก่อน

27 ท่านได้ยินคำที่กล่าวไว้ว่า ‘อย่าผิดประเวณี’[d] 28 แต่เราขอบอกท่านว่า ทุกคนที่มองผู้หญิงด้วยกามกิเลสก็นับว่าผิดประเวณีทางใจกับเธอแล้ว 29 และถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป ก็จงควักทิ้งเสีย เพราะให้ส่วนหนึ่งของร่างกายของท่านเสียไป ก็ยังจะดีกว่าให้ทั้งกายของท่านถูกโยนลงนรก 30 และถ้ามือขวาเป็นเหตุให้ท่านทำบาปก็จงตัดมือทิ้งเสีย เพราะให้ส่วนหนึ่งของร่างกายของท่านเสียไป ก็ยังจะดีกว่าให้ทั้งกายของท่านถูกโยนลงนรก

31 มีคำที่กล่าวไว้ว่า ‘ผู้ใดที่หย่าร้างจากภรรยาของตน จำต้องให้เธอมีใบหย่าร้าง’[e] 32 แต่เราขอกล่าวกับท่านว่า ทุกคนที่หย่าร้างจากภรรยาของตน ย่อมเป็นเหตุให้เธอผิดประเวณี นอกจากว่าเธอเป็นผู้ประพฤติผิดทางเพศก่อน และผู้ที่สมรสกับหญิงที่หย่าร้างแล้วก็เป็นผู้ผิดประเวณี

33 พวกท่านได้ยินคำที่กล่าวไว้กับคนในสมัยโบราณอีกว่า ‘อย่าเสียคำมั่นสัญญา แต่จงทำตามที่ได้สัญญาไว้กับพระผู้เป็นเจ้า’ 34 แต่เราขอบอกท่านว่า อย่าสบถสาบานเลย แม้ว่าจะเป็นการสาบานต่อสวรรค์ เพราะว่าสวรรค์เป็นบัลลังก์ของพระเจ้า 35 หรือแม้แต่สาบานต่อแผ่นดินโลก เพราะว่าโลกเป็นที่วางเท้าของพระองค์ หรือการสาบานต่อเมืองเยรูซาเล็ม เพราะว่าเยรูซาเล็มเป็นเมืองของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ 36 หรือสาบานต่อศีรษะของท่าน เพราะว่าท่านไม่สามารถกำหนดผมเส้นหนึ่งให้ขาวหรือดำได้ 37 แต่จงให้สิ่งที่ท่านพูดเป็นเพียง ใช่ก็ว่าใช่ ไม่ก็ว่าไม่ และสิ่งใดที่เกินกว่านี้มาจากมารร้ายทั้งนั้น

38 ท่านได้ยินคำที่กล่าวไว้ว่า ‘ตาต่อตา ฟันต่อฟัน’[f] 39 แต่เราขอบอกท่านว่า อย่าแก้แค้นคนประพฤติชั่ว ถ้าใครตบแก้มขวาของท่าน ท่านก็จงหันให้เขาตบอีกข้างด้วย 40 ถ้ามีคนต้องการเรียกร้องเอาเงินจากท่าน แล้วเอาเสื้อตัวในของท่านไป ท่านก็จงให้เขาเอาเสื้อตัวนอกไปด้วย 41 ใครก็ตามที่บังคับให้ท่านเดินไปไกล 1 กิโลเมตร ท่านก็จงไปกับเขา 2 กิโลเมตร 42 จงให้แก่คนที่ขอจากท่าน และอย่าหนีหน้าไปจากคนที่ต้องการขอยืมจากท่าน

43 ท่านได้ยินคำที่กล่าวไว้ว่า ‘จงรักเพื่อนบ้านของเจ้า[g] และเกลียดชังศัตรูของเจ้า’ 44 แต่เราขอบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และอธิษฐานให้บรรดาคนที่กดขี่ข่มเหงท่าน 45 เพื่อว่าท่านจะได้เป็นบรรดาบุตรของพระบิดาในสวรรค์ของท่าน เพราะว่าพระองค์เป็นผู้ที่ให้ดวงอาทิตย์ของพระองค์ขึ้นส่องยังคนชั่วและคนดี และโปรดให้ฝนโปรยลงบนคนที่มีความชอบธรรมและคนที่ไม่มีความชอบธรรม 46 ถ้าหากว่าท่านรักบรรดาผู้ที่รักท่าน แล้วท่านจะได้รางวัลอะไรเล่า พวกคนเก็บภาษีมิได้ทำเช่นนั้นด้วยหรือ 47 ถ้าท่านพูดทักทายกับพี่น้องของท่านเท่านั้น ท่านทำอะไรเกินกว่าคนอื่นๆ เล่า แม้แต่บรรดาคนนอกก็ยังทำอย่างนั้นมิใช่หรือ 48 ฉะนั้นท่านจงเป็นคนดีเพียบพร้อมทุกประการ เช่นเดียวกับพระบิดาในสวรรค์ของท่านที่ดีเพียบพร้อมทุกประการ

Footnotes

  1. 5:3 ศัพท์ภาษากรีกใช้คำว่า ยากไร้
  2. 5:21 อพยพ 20:13
  3. 5:22 ศาสนสภา สภานี้เป็นศาลสูงสุดของชาวยิว มีสมาชิก 70 คนซึ่งประกอบด้วยปุโรหิต อาจารย์ฝ่ายกฎบัญญัติ ฟาริสี และสะดูสี
  4. 5:27 อพยพ 20:14
  5. 5:31 เฉลยธรรมบัญญัติ 24:1
  6. 5:38 อพยพ 21:24
  7. 5:43 เลวีนิติ 19:18