ชาวอิสราเอลรบกับพวกเบนยามิน

20 จากนั้นชาวอิสราเอลทั้งหมดจากดานจดเบเออร์เชบาและจากดินแดนกิเลอาด มาชุมนุมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่มิสปาห์อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน บรรดาผู้นำของเผ่าต่างๆ ในอิสราเอลทั้งหมดเข้าประจำที่ในการชุมนุมประชากรของพระเจ้า มีทหารสี่แสนคนถือดาบครบมือ (คนเผ่าเบนยามินได้ยินว่าคนอิสราเอลทุกเผ่าได้ขึ้นไปยังมิสปาห์) แล้วชนอิสราเอลกล่าวว่า “จงเล่าให้เราฟังว่าเรื่องเลวร้ายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร”

ดังนั้นชายเลวีสามีของหญิงที่ถูกฆ่ากล่าวว่า “ข้าพเจ้ากับภรรยาน้อยมาค้างคืนที่กิเบอาห์ในเขตเบนยามิน คืนนั้นชาวกิเบอาห์มาล้อมบ้าน คิดจะฆ่าข้าพเจ้า พวกเขาข่มขืนภรรยาน้อยของข้าพเจ้าจนตาย ข้าพเจ้าจึงฟันร่างของนางเป็นสิบสองท่อน ส่งไปทั่วแดนอิสราเอล เพราะว่าคนพวกนั้นได้ทำสิ่งที่เลวทรามต่ำช้ามากในอิสราเอล บัดนี้พี่น้องอิสราเอลทั้งหลาย โปรดแถลงข้อวินิจฉัยของท่านแก่ข้าพเจ้าด้วย”

คนทั้งหมดก็ลุกขึ้นตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราจะไม่ยอมกลับบ้านสักคน จะไม่มีพวกเราแม้แต่คนเดียวกลับไปบ้านของตน เราจะจัดการกับกิเบอาห์ดังนี้คือ เราจะขึ้นไปต่อสู้กับกิเบอาห์ตามการชี้นำของสลากที่จับได้ 10 เราจะคัดเอาชายสิบคนจากทุกร้อยคนของทุกเผ่าในอิสราเอล และร้อยคนจากพันคน และพันคนจากหมื่นคนให้เป็นกองกำลังคอยส่งเสบียงให้กองทัพ และเมื่อกองทัพมาถึงกิเบอาห์ในเบนยามินก็จะเข้าทำลายกิเบอาห์[a] ให้สาสมกับการกระทำอันเลวทรามที่ทำในอิสราเอลครั้งนี้” 11 ดังนั้นคนอิสราเอลทั้งปวงจึงชุมนุมและผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวเข้าสู้กับเมืองนั้น

12 เผ่าต่างๆ ของอิสราเอลส่งผู้สื่อสารไปทั่วเขตแดนเบนยามินและแจ้งว่า “จะว่าอย่างไรกับอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่เกิดขึ้นในหมู่พวกท่าน? 13 จงมอบตัวผู้กระทำผิดจากกิเบอาห์มาให้เราประหาร เพื่อขจัดมลทินชั่วร้ายจากอิสราเอล”

แต่ชาวเบนยามินไม่ฟังพี่น้องอิสราเอล 14 พวกเขามาจากเมืองต่างๆ ของตน มารวมตัวกันที่กิเบอาห์เพื่อสู้รบกับคนอิสราเอล 15 ชาวเบนยามินระดมพลดาบ 26,000 คนจากเมืองต่างๆ ของเขาอย่างรวดเร็ว มาสมทบกับชาย 700 คนที่คัดเลือกมาจากกิเบอาห์ 16 ในจำนวนทหารเหล่านี้มี 700 คนซึ่งเป็นนักเหวี่ยงสลิงถนัดซ้าย แต่ละคนสามารถเหวี่ยงก้อนหินใส่เส้นผมเส้นเดียวโดยไม่พลาด

17 ส่วนกองทัพอิสราเอล ไม่นับคนเบนยามิน มีพลดาบ 400,000 คนล้วนเป็นนักรบ

18 กองทัพอิสราเอลไปยังเบธเอล[b]และทูลถามพระเจ้าว่า “ควรให้เผ่าใดออกไปรบกับเผ่าเบนยามินก่อน?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ให้ยูดาห์ไปก่อน”

19 รุ่งขึ้นชาวอิสราเอลยกมาตั้งค่ายใกล้กิเบอาห์ 20 ชาวอิสราเอลออกมาเพื่อสู้รบกับชาวเบนยามินและตั้งทัพเผชิญหน้ากันที่กิเบอาห์ 21 ชาวเบนยามินออกมาจากกิเบอาห์และฆ่าชาวอิสราเอลไป 22,000 คนในการรบวันนั้น 22 แต่ชาวอิสราเอลให้กำลังใจกันและกัน และออกมาตั้งแนวรบที่เดิมเช่นวันก่อน 23 ชาวอิสราเอลขึ้นมาร่ำไห้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจนถึงเวลาเย็น และทูลถามว่า “พวกข้าพระองค์ควรสู้รบกับชาวเบนยามินพี่น้องของพวกข้าพระองค์อีกหรือไม่?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงไปสู้รบกับพวกเขาเถิด”

24 ชาวอิสราเอลจึงยกพลมาประชิดเบนยามินอีกเป็นวันที่สอง 25 ครั้งนี้เมื่อชาวเบนยามินออกจากกิเบอาห์มาสู้รบ ก็ฆ่าฟันชาวอิสราเอลตายไป 18,000 คน ล้วนแต่เป็นพลดาบ

26 จากนั้นชาวอิสราเอลทั้งหมดก็ขึ้นไปที่เบธเอลร่ำไห้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และถืออดอาหารจนถึงเย็นวันนั้น แล้วถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 27 และชาวอิสราเอลทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้า (ในสมัยนั้นหีบพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่ที่เบธเอล 28 ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์หลานของอาโรนปฏิบัติหน้าที่อยู่หน้าหีบนั้น) พวกเขาทูลถามว่า “พวกข้าพระองค์ควรออกไปสู้รบกับชาวเบนยามินซึ่งเป็นพี่น้องของพวกข้าพระองค์อีกหรือไม่?”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “จงไปเถิด วันพรุ่งนี้เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า”

29 ฉะนั้นชาวอิสราเอลจึงซุ่มกำลังรอบกิเบอาห์ 30 และออกไปสู้กับชาวเบนยามินอีกในวันที่สาม ตั้งแนวรบต่อสู้กับกิเบอาห์เหมือนที่เคยทำ 31 คนเบนยามินออกมาประจันหน้าและถูกล่อให้ห่างออกไปจากตัวเมือง พวกเขาเริ่มฆ่าฟันคนอิสราเอลเช่นครั้งก่อน มีราวสามสิบคนล้มตายกลางทุ่งโล่งและตามหนทาง ซึ่งสายหนึ่งไปยังเบธเอล อีกสายหนึ่งไปยังกิเบอาห์

32 ชาวเบนยามินตะโกนว่า “เรากำลังจะชนะพวกเขาอย่างครั้งก่อน” ส่วนชาวอิสราเอลกล่าวว่า “ให้เราถอยทัพและล่อพวกเขาออกจากตัวเมืองไปตามทาง”

33 ชาวอิสราเอลทั้งปวงได้เคลื่อนทัพออกจากที่มั่นไปตั้งที่บาอัลทามาร์ แต่กองกำลังของอิสราเอลที่ซุ่มอยู่ทางทิศตะวันตก[c]ของกิเบอาห์[d]ก็ออกมาจากที่มั่น 34 จากนั้นนักรบชั้นยอดของอิสราเอลหนึ่งหมื่นคนก็บุกโจมตีทัพหน้าของกิเบอาห์ สู้รบกันอย่างดุเดือด จนชาวเบนยามินไม่ตระหนักว่าภัยพิบัติมาใกล้ตัวมากเพียงใด 35 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ชาวเบนยามินพ่ายแพ้ชาวอิสราเอล ในวันนั้นชาวอิสราเอลฆ่าฟันพลดาบชาวเบนยามิน 25,100 คน 36 คนเบนยามินจึงเห็นว่าตนแพ้แล้ว

ทัพอิสราเอลทำทีว่าถอยทัพจากชาวเบนยามิน เพื่อเปิดช่องให้กองกำลังที่ซุ่มอยู่ใกล้ๆ กิเบอาห์ 37 คนที่ซุ่มอยู่จู่โจมบุกเข้าไปในเมืองกิเบอาห์ กระจายกำลังฆ่าฟันชาวเมืองทั้งหมด 38 ชาวอิสราเอลนัดหมายกับพวกที่ซุ่มอยู่ ให้ส่งอาณัติสัญญาณเป็นควันกลุ่มใหญ่พุ่งขึ้นจากในเมือง 39 เมื่อนั้นชาวอิสราเอลจะหันกลับมาสู้รบ

ชาวเบนยามินเริ่มฆ่าฟันชาวอิสราเอล (ราวสามสิบคน) เขาพูดกันว่า “เรากำลังจะพิชิตพวกเขาเช่นเดียวกับการรบครั้งแรก” 40 แต่เมื่อควันไฟพุ่งขึ้นจากในเมือง ชาวเบนยามินเหลียวกลับมาดูเห็นควันไฟพุ่งขึ้นฟ้าจากทั่วเมือง 41 จากนั้นชาวอิสราเอลหันกลับมาสู้ ชาวเบนยามินหวาดกลัวมาก เพราะตระหนักว่าภัยพิบัติมาถึงตนแล้ว 42 ดังนั้น พวกเขาก็พ่ายหนีต่อหน้าชาวอิสราเอลไปทางถิ่นกันดาร แต่พวกเขาหนีไม่พ้นแนวรบ และชาวอิสราเอลที่โจมตีเมืองออกมาสังหารพวกเขา 43 อิสราเอลโอบล้อมทัพเบนยามิน และรุกไล่มาทันพวกเขาอย่างง่ายดายที่บริเวณใกล้กับกิเบอาห์ทางตะวันออก 44 ชาวเบนยามินเสียชีวิตในสนามรบ 18,000 คน ทั้งหมดล้วนเป็นทหารกล้า 45 ที่เหลือหนีเข้าไปในถิ่นกันดารทางจะไปศิลาแห่งริมโมน แต่ถูกฆ่าระหว่างทาง 5,000 คน ชาวอิสราเอลไล่ฆ่าชาวเบนยามินไปถึงกิโดมและฆ่าตายไปอีก 2,000 คน

46 ในวันนั้นคนเบนยามินสูญเสียพลดาบไป 25,000 คน ทั้งหมดล้วนเป็นนักรบแกล้วกล้า 47 แต่เหลืออีก 600 คนหนีเข้าไปในถิ่นกันดารสู่ศิลาแห่งริมโมน และอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสี่เดือน 48 ส่วนชาวอิสราเอลหวนกลับไปฆ่าคนเบนยามิน ทั้งชายและหญิง เด็ก ฝูงสัตว์ และเผาทุกเมืองทุกหมู่บ้านทั่วดินแดนนั้น

Footnotes

  1. 20:10 สำเนาต้นฉบับภาษาฮีบรูส่วนมากว่าเกบาเป็นอีกรูปหนึ่งของกิเบอาห์เช่นเดียวกับข้อ 33
  2. 20:18 หรือพระนิเวศของพระเจ้าเช่นเดียวกับข้อ 26
  3. 20:33 ในภาษาฮีบรูคำนี้มีความหมายไม่ชัดเจน
  4. 20:33 ภาษาฮีบรูว่าเกบาเป็นอีกรูปหนึ่งของกิเบอาห์

สงครามของอิสราเอลกับเผ่าเบนยามิน

20 ครั้นแล้วชาวอิสราเอลทั้งปวงจากดานถึงเบเออร์เช-บา รวมถึงดินแดนกิเลอาดก็ออกมา และร่วมใจกันชุมนุม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าที่เมืองมิสปาห์ บรรดาหัวหน้าประชาชนทั้งปวง คือของเผ่าทั้งปวงของอิสราเอลก็ปรากฏตัวในที่ประชุมของชนชาติของพระเจ้า มีพลดาบจำนวน 400,000 คน (ชาวเบนยามินได้ยินว่าชาวอิสราเอลได้ขึ้นไปยังมิสปาห์แล้ว) และชาวอิสราเอลพูดว่า “บอกพวกเราเถิดว่า เรื่องชั่วร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร” ชาวเลวีผู้เป็นสามีของหญิงที่ถูกฆ่าตอบว่า “ข้าพเจ้ากับภรรยาน้อยมาที่เมืองกิเบอาห์ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของเบนยามิน เพื่อจะค้างแรม และบรรดาผู้นำของเมืองกิเบอาห์ก็ไล่ตามข้าพเจ้า และล้อมรอบบ้านหวังจะฆ่าข้าพเจ้าในยามค่ำ พวกเขาข่มขืนภรรยาน้อยของข้าพเจ้าจนตาย ข้าพเจ้าจึงเอาตัวนางมาตัดออกเป็นชิ้นๆ แล้วส่งไปให้ทั่วดินแดนของอิสราเอล เพราะว่าพวกเขากระทำสิ่งที่มักมากในกามและน่าอับอายในอิสราเอล ดูเถิด พวกท่านชาวอิสราเอลทุกท่าน จงให้คำแนะนำและคำปรึกษาเถิด”

ครั้นแล้วประชาชนทั้งปวงก็ลุกขึ้นพร้อมกันและกล่าวว่า “พวกเราจะไม่ไปที่กระโจมของเรา จะไม่มีใครกลับไปยังบ้านของตน แต่สิ่งที่เราจะกระทำต่อกิเบอาห์เวลานี้คือ พวกเราจะใช้วิธีจับฉลากเพื่อดูว่า ใครจะขึ้นไปสู้รบกับพวกเขา 10 เราจะให้ชาย 10 คนจากจำนวนร้อยคนของทุกๆ เผ่าของอิสราเอล และ 100 คนจากจำนวน 1,000 คน และ 1,000 คนจากจำนวน 10,000 คน เพื่อเตรียมเสบียงอาหารให้พวกทหาร เมื่อทหารมาถึง เขาจะได้ตอบโต้กิเบอาห์ในอาณาเขตเบนยามิน ในความทารุณทุกประการที่พวกเขาได้กระทำในอิสราเอล” 11 ดังนั้นชายทั้งปวงของอิสราเอลจึงได้ร่วมใจกันต่อสู้เมืองนั้น

12 เผ่าต่างๆ ของอิสราเอลได้ส่งพวกผู้ชายไปทั่วเผ่าเบนยามิน และบอกว่า “เรื่องชั่วๆ อะไรเช่นนี้เกิดขึ้นในหมู่ท่าน 13 บัดนี้จงมอบตัวเหล่าชายชั่วในกิเบอาห์ให้แก่พวกเรา เราจะได้ฆ่าเขา และกำจัดคนชั่วร้ายออกไปจากอิสราเอล” แต่ชาวเบนยามินไม่ฟังเสียงพี่น้องชาวอิสราเอล 14 แล้วชาวเบนยามินก็พากันออกมาจากเมืองของตน ไปยังกิเบอาห์เพื่อต่อสู้กับชาวอิสราเอล 15 ชาวเบนยามินต่างก็ออกไปจากเมืองของตนในวันนั้น มีพลดาบ 26,000 คน นอกจากชายชาวกิเบอาห์ที่เลือกสรรไว้แล้ว 700 คน 16 ในจำนวนทหารทั้งหมดมี 700 คนที่ถนัดมือซ้าย แต่ละคนมีความสามารถขนาดใช้สลิงเหวี่ยงก้อนหินถูกเส้นผมไม่พลาด 17 ฝ่ายชายชาวอิสราเอลก็ได้เลือกสรรพลดาบ 400,000 คน ทั้งนี้ไม่รวมชาวเบนยามิน และล้วนแต่เป็นชายนักรบทั้งสิ้น

18 ชาวอิสราเอลก็ขึ้นไปยังเบธเอล และถามพระเจ้าว่า “ใครควรจะขึ้นไปต่อสู้กับชาวเบนยามินให้พวกเราก่อน” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ให้ยูดาห์ขึ้นไปก่อน”

19 ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงลุกขึ้นแต่เช้า และไปตั้งค่ายใกล้เมืองกิเบอาห์ 20 ชายชาวอิสราเอลขึ้นไปต่อสู้กับชาวเบนยามิน และเตรียมพลพร้อมรบกับพวกเขาที่เมืองกิเบอาห์ 21 ชาวเบนยามินออกมาจากกิเบอาห์ ฆ่าฟันชายชาวอิสราเอลจนล้มตายไป 22,000 คนในวันนั้น 22 แต่ชายชาวอิสราเอลทำใจกล้าหาญ และเตรียมพลพร้อมรบอยู่ที่เดิมอีก ที่เดียวกับที่พวกเขารบในวันแรก 23 และชาวอิสราเอลขึ้นไปร้องไห้ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้าจนถึงเย็น และถามพระผู้เป็นเจ้าว่า “พวกเราควรเข้าไปปะทะกับชาวเบนยามิน พี่น้องของพวกเราหรือ” และพระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ขึ้นไปสู้รบกับพวกเขาเถิด”

24 ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงเข้าประชิดตัวชาวเบนยามินในวันที่สอง 25 ชาวเบนยามินก็ออกไปจากกิเบอาห์ต่อสู้กับชาวอิสราเอลในวันที่สอง ฆ่าฟันชายอิสราเอล 18,000 คนซึ่งเป็นพลดาบทั้งสิ้น 26 ชาวอิสราเอลทุกคนในกองทัพจึงขึ้นไปยังเมืองเบธเอลและร้องไห้ พวกเขานั่งอยู่ ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า และอดอาหารจนถึงเย็นวันนั้น และมอบสัตว์ที่ใช้เผาเป็นของถวาย และของถวายเพื่อสามัคคีธรรม ณ เบื้องหน้าพระผู้เป็นเจ้า 27 แล้วชาวอิสราเอลถามพระผู้เป็นเจ้า (เนื่องจากหีบพันธสัญญาของพระเจ้าอยู่ที่นั่นในสมัยนั้น 28 และฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ผู้เป็นบุตรอาโรน รับใช้อยู่หน้าหีบในสมัยนั้น) ว่า “พวกเราควรไปสู้รบกับชาวเบนยามินพี่น้องของพวกเราอีกครั้งหนึ่ง หรือว่าเราควรจะหยุดไป” พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ขึ้นไปอีก เพราะว่าพรุ่งนี้เราจะมอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า”

29 ดังนั้น อิสราเอลจึงให้คนดักซุ่มอยู่รอบกิเบอาห์เพื่อโจมตี 30 และชาวอิสราเอลก็ขึ้นไปสู้รบกับชาวเบนยามินในวันที่สาม พวกเขาเตรียมกำลังให้พร้อมเพื่อต่อสู้เมืองกิเบอาห์ เหมือนครั้งก่อน 31 ชาวเบนยามินจึงออกไปสู้รบกับชาวอิสราเอล และต้องถอยออกไปไกลจากเมือง แต่ก็เหมือนกับคราวก่อนๆ คือเขาเริ่มโจมตีและฆ่าชาวอิสราเอล 30 คนที่ถนนสายใหญ่และตามทุ่งโล่ง ถนนสายหนึ่งไปทางเบธเอล และอีกสายหนึ่งไปทางกิเบอาห์ 32 ชาวเบนยามินพูดว่า “พวกเรากำลังตีพวกเขาให้พ่ายไปเหมือนกับคราวก่อน” แต่ชาวอิสราเอลพูดว่า “พวกเรารีบถอยไป และทำให้พวกเขาขยับรุกมาไกลจากเมือง แล้วให้เข้าสู่ถนนสายใหญ่” 33 และชายชาวอิสราเอลทุกคนจึงขยับตัวออกไปจากที่ของตน ไปเตรียมกำลังให้พร้อมที่บาอัลทามาร์ และชาวอิสราเอลที่ดักซุ่มอยู่ก็รีบออกมาจากที่ของตนที่มาอาเรเก-บา 34 ครั้นแล้วชายอิสราเอลที่เลือกสรรไว้ทั้งหมด 10,000 คนก็มาโจมตีกิเบอาห์ การต่อสู้ครั้งนี้ทรหด ชาวเบนยามินไม่ทราบว่าความวิบัติอยู่ใกล้ตัวพวกเขา 35 พระผู้เป็นเจ้าทำให้ชาวเบนยามินพ่ายแพ้ต่อหน้าชาวอิสราเอล และชาวอิสราเอลฆ่าชายชาวเบนยามิน 25,100 คนในวันนั้น ชายเหล่านั้นเป็นพลดาบทั้งสิ้น 36 ดังนั้นชาวเบนยามินเห็นแล้วว่าพวกเขาพ่ายแพ้

ชายชาวอิสราเอลถอยทัพให้เบนยามิน เพราะไว้ใจในกองซุ่มเตรียมรบกับกิเบอาห์ 37 แล้วกองซุ่มจึงรีบออกมาโจมตีกิเบอาห์ เหล่ากองซุ่มได้ออกมาต่อสู้และฆ่าคนทั้งเมือง 38 ชายชาวอิสราเอลตกลงกับกองซุ่มว่าจะส่งสัญญาณให้ควันกลุ่มใหญ่พลุ่งขึ้นจากตัวเมือง 39 แล้วชายชาวอิสราเอลก็จะต่อสู้ ขณะนั้นชาวเบนยามินโจมตีและฆ่าชายชาวอิสราเอลได้ 30 คน และพูดกันว่า “พวกเขากำลังพ่ายแพ้พวกเราอีกแล้ว เหมือนกับสงครามครั้งก่อน” 40 แต่เมื่อสัญญาณเป็นกลุ่มควันดั่งเสาหลักเริ่มพลุ่งออกจากตัวเมือง ชาวเบนยามินหันกลับไปดู เห็นว่าควันจากทั่วทั้งเมืองพลุ่งขึ้นสู่ฟ้า 41 ชายชาวอิสราเอลจึงหันไปต่อสู้ ชาวเบนยามินตกใจ เพราะทราบว่าพวกตนถึงความวิบัติแล้ว 42 ดังนั้นพวกเขาจึงหันหลังหนีไปต่อหน้าชาวอิสราเอลไปทางถิ่นทุรกันดาร แต่ก็ไม่สามารถหนีสงครามไปได้ และชายชาวอิสราเอลที่ออกมาจากเมืองต่างๆ ก็ฆ่าฟันชาวเบนยามินที่อยู่ท่ามกลางพวกเขาจนล้มตาย 43 เขาล้อมชาวเบนยามิน ไล่ล่าอย่างไม่หยุดยั้ง และเหยียบย่ำพวกเขาลงที่ตรงข้ามเมืองกิเบอาห์ทางตะวันออก 44 ชายชาวเบนยามินจำนวน 18,000 คนที่ล้มตายล้วนเป็นชายผู้กล้าหาญทั้งสิ้น 45 พวกเขาหันหลังหนีกลับไปยังถิ่นทุรกันดาร ไปยังศิลาริมโมน ชาย 5,000 คนถูกฆ่าตามถนนสายใหญ่ และถูกไล่ล่าอย่างไม่ลดละไปจนถึงกิโดม ชายอีก 2,000 คนถูกฆ่าตาย 46 ดังนั้นรวมชาวเบนยามินที่เป็นพลดาบล้มตายในวันนั้นมีจำนวน 25,000 คน ล้วนเป็นชายผู้กล้าหาญทั้งสิ้น 47 มีชาย 600 คนที่หนีไปทางถิ่นทุรกันดารยังศิลาริมโมน และอยู่ที่นั่นนานถึง 4 เดือน 48 ชายชาวอิสราเอลกลับไปยังทุกๆ เมือง และฆ่าฟันชาวเบนยามินตาย รวมถึงสัตว์เลี้ยงและทุกสิ่งที่พบ และเผาเมืองทุกเมืองที่ผ่านไป