Add parallel Print Page Options

เยรูซาเล็มถูกโจมตีอย่างสยดสยอง

แย่แล้ว แย่แล้ว ดูสิ ทองคำสูญเสียประกายอันเจิดจ้าของมันขนาดไหน
    ดูสิ ทองคำอย่างดีสูญเสียประกายระยิบระยับขนาดไหน
เพชรพลอยศักดิ์สิทธิ์ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดตามท้องถนน
แย่แล้ว แย่แล้ว พวกลูกๆของศิโยนมีค่ามาก
    พวกเขามีค่ามากกว่าทองคำบริสุทธิ์
แต่ทำไมตอนนี้คนถึงคิดว่าพวกเขาเป็นแค่หม้อดินกระจอกๆ
    ที่นักปั้นหม้อปั้นขึ้นมาเท่านั้น
ขนาดหมาไนยังเลี้ยงนมลูกของมัน
    แม้แต่แม่หมายังให้ลูกของมันดูดนมจากเต้า
แต่ทำไมคนของเราถึงโหดร้าย
    เหมือนนกกระจอกเทศที่ทิ้งลูกของมันในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
ลิ้นของเด็กที่ยังไม่หย่านมติดอยู่ที่เพดานปากเพราะกระหายจัด
พวกเด็กเล็กๆร้องขออาหาร
    แต่ไม่มีใครให้อาหารกับพวกเขา
คนพวกนั้นที่เคยกินอย่างหรูหรา
    ตอนนี้ยากจนข้นแค้นอยู่ตามท้องถนน
คนพวกนั้นที่เคยสวมใส่เสื้อผ้าราคาแพง
    ตอนนี้เก็บของอยู่ตามกองขยะ
ดังนั้นความชั่วร้ายของคนของผมนั้น
    ยิ่งใหญ่กว่าความบาปของเมืองโสโดมเสียอีก[a]
เมืองโสโดม ถูกทำลายไปชั่วพริบตา
    ทั้งๆที่ไม่ได้ถูกโจมตี
พวกนาสีร์[b] ของเยรูซาเล็มนั้นเคยขาวกว่าหิมะ
    พวกเขาเคยขาวกว่าน้ำนม
ร่างกายของพวกเขาเคยแดงเปล่งปลั่งเหมือนปะการัง
    หนวดเคราของพวกเขาเคยเหมือนพลอยสีน้ำเงินเข้ม
แต่ตอนนี้พวกเขาดำยิ่งกว่าขี้เขม่า
    ไม่มีใครจำพวกเขาได้ตามท้องถนน
มีหนังเหี่ยวหุ้มกระดูก
    และเหี่ยวแห้งเหมือนไม้ฟืนแห้ง
คนที่ตายด้วยดาบในสงคราม
    ก็ยังดีกว่าอดอยากตาย
คนที่ถูกดาบแทงตาย
    ก็ยังดีกว่าคนเหล่านั้นที่มีไร่นาที่ไม่เกิดผล
10 พวกแม่ที่เต็มไปด้วยความรัก
    เอาลูกของตัวเองมาต้มกิน
พวกลูกๆได้กลายเป็นอาหารสำหรับพวกเขา
    ตอนที่คนของผมถูกทำลาย
11 พระยาห์เวห์แสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างไม่อั้น
    พระองค์เทความโกรธของพระองค์ออกมา
พระองค์จุดไฟในศิโยน
    และมันเผาผลาญลงไปถึงราก
12 พวกกษัตริย์ของโลกนี้ไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
    รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ด้วย
พวกเขาไม่เชื่อว่าคู่อริและศัตรูจะฝ่าเข้าไปในประตูเมืองเยรูซาเล็มได้
13 เป็นเพราะความบาปต่างๆของพวกผู้พูดแทนพระเจ้าและความชั่วช้าของพวกนักบวช
คนพวกนี้แหละที่เป็นต้นเหตุทำให้คนบริสุทธิ์ต้องมาสูญเสียเลือดเนื้อ
14 ทั้งพวกผู้พูดแทนพระเจ้าและพวกนักบวชเดินไปมาตามท้องถนนเหมือนคนตาบอด
    เสื้อผ้าเปื้อนเลือดไม่มีใครกล้าแตะต้องเสื้อผ้าพวกเขา
15 คนได้ร้องตะโกนว่า “ไปให้พ้น พวกไม่บริสุทธิ์
    ไปให้พ้น ไปให้พ้น อย่าเข้ามาใกล้เรา”
พวกนั้นได้หนีและเดินเร่ร่อนไป
    คนที่อาศัยอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย พูดว่า
“พวกเขาจะอยู่ร่วมกับพวกเราไม่ได้อีกแล้ว”
16 พระยาห์เวห์เองเป็นผู้ทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป
    พระองค์ไม่ดูแลพวกเขาอีกต่อไป
ไม่มีใครให้เกียรติพวกนักบวช
    และไม่มีใครไว้ชีวิตของพวกคนแก่
17 ดวงตาของพวกเราอ่อนล้าไปหมด
    เพราะเฝ้ามองหาความช่วยเหลือแต่ก็เสียเวลาเปล่า
เราได้แต่มองแล้วมองอีกจากหอคอย หวังว่าจะมีชนชาติหนึ่งมาช่วย
    แต่ก็ไม่มีชนชาติไหนมาช่วยกู้พวกเราเลย
18 พวกเขาสะกดรอยพวกเรามา
    ดังนั้น พวกเราก็เลยไม่กล้าเดินตามถนนใหญ่
จุดจบของเราใกล้เข้ามาแล้ว หมดเวลาของเราแล้ว
    จุดจบของเรามาถึงแล้ว
19 คนที่ไล่ล่าเรานั้นว่องไวยิ่งกว่าเหยี่ยวในท้องฟ้า
พวกเขาไล่กวดเราตามภูเขาต่างๆ
    พวกเขาซุ่มโจมตีเราในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้ง
20 กษัตริย์ที่พระยาห์เวห์เป็นผู้แต่งตั้งที่เป็นเหมือนลมหายใจของเรา
    ได้ตกลงไปในกับดักของพวกเขา
เราเคยพูดถึงกษัตริย์องค์นี้ว่า
    “พวกเราจะอยู่ใต้ร่มเงาของพระองค์ท่ามกลางชนชาติต่างๆนี้”
21 นางสาวเอโดมที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินอูส
    ร้องเพลงและเฉลิมฉลองไปเลยในช่วงนี้
แต่ให้รู้ว่าถ้วยแห่งความทุกข์ยากจะเวียนมาถึงเจ้า
    เจ้าจะเมาและจะเปลื้องผ้าตัวเองให้เปลือยเปล่า
22 นางสาวศิโยนเอ๋ย การลงโทษของเจ้าครบถ้วนแล้ว
    พระยาห์เวห์จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นเชลยอีกต่อไป
นางสาวเอโดมเอ๋ย พระองค์จะลงโทษต่อความผิดของเจ้า
    พระองค์จะเปิดโปงความบาปต่างๆของเจ้า

Footnotes

  1. 4:6 ดังนั้นความ … โสโดมเสียอีก ประโยคนี้อาจแปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ดังนั้นการลงโทษคนของผมนั้น ยิ่งใหญ่กว่าการลงโทษของเมืองโสโดมเสียอีก”
  2. 4:7 นาสีร์ หมายถึงผู้ชายที่อุทิศตนเองให้กับพระเจ้า จะไม่ดื่มเหล้าองุ่น จะไม่ตัดผม