บนเกาะมอลตา

28 เมื่อขึ้นฝั่งโดยปลอดภัยแล้วเราจึงรู้ว่าเกาะนั้นชื่อเกาะมอลตา ชาวเกาะกรุณาเราเป็นพิเศษพวกเขาก่อไฟต้อนรับเราทุกคนเพราะฝนตกและหนาว เปาโลเก็บกิ่งไม้มาหอบหนึ่งขณะเขากำลังเอาไม้หอบนั้นใส่ไฟมีงูพิษตัวหนึ่งถูกความร้อนจึงพุ่งออกมากัดติดที่มือของเขา เมื่อชาวเกาะเห็นงูห้อยอยู่ที่มือของเปาโลก็พูดกันว่า “คนนี้ต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ เพราะถึงแม้ว่าเขารอดตายจากทะเลเจ้าแห่งความยุติธรรมก็ยังไม่ปล่อยให้มีชีวิต” แต่เปาโลสะบัดงูทิ้งลงในไฟและไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด พวกเขาคาดว่าเปาโลจะบวมขึ้นหรือล้มตายทันทีแต่หลังจากคอยดูอยู่นานและไม่เห็นเขาเป็นอะไรจึงเปลี่ยนความคิดและพูดว่าเปาโลเป็นเทพเจ้า

มีที่ดินแปลงหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ที่นั่นเป็นของปูบลิอัสหัวหน้าชาวเกาะ เขาต้อนรับขับสู้เราอย่างดีตลอดสามวัน บิดาของปูบลิอัสป่วยมีไข้และเป็นบิดนอนซมอยู่ เปาโลเข้าไปเยี่ยม หลังจากอธิษฐานแล้วก็วางมือบนเขา รักษาเขาให้หาย เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นคนป่วยอื่นๆ ที่เกาะนั้นก็มาและรับการรักษาให้หาย 10 พวกเขาให้เกียรติเราหลายๆ ด้านและเมื่อเราพร้อมที่จะออกเรือเขาก็นำสิ่งของที่จำเป็นมาให้เรา

ถึงกรุงโรม

11 สามเดือนต่อมาเราลงเรือซึ่งมาพักหนาวอยู่ที่เกาะนี้ เรือนั้นมาจากเมืองอเล็กซานเดรีย มีรูปแกะสลักเทพเจ้าแฝด คือคาสเตอร์และพอลลักซ์ที่หัวเรือ 12 เราจอดแวะที่เมืองไซราคิวส์สามวัน 13 จากที่นั่นเราแล่นเรือมาถึงเมืองเรยีอูม วันรุ่งขึ้นลมใต้พัดมาและในวันต่อมาก็ถึงเมืองโปทิโอลี 14 เราพบพี่น้องบางคนที่นั่น เขาเชิญให้เราพักอยู่ด้วยหนึ่งสัปดาห์แล้วเราก็มากรุงโรม 15 พวกพี่น้องที่กรุงโรมได้ข่าวว่าเราจะมาจึงออกมารับเราไกลถึงย่านอัปปีอัสและบ้านสามโรงแรม เมื่อได้เห็นคนเหล่านี้เปาโลก็ขอบพระคุณพระเจ้าและมีกำลังใจขึ้น 16 เมื่อเรามาถึงกรุงโรมเปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำพังโดยมีทหารคนหนึ่งคอยคุมเขาไว้

เปาโลเทศนาในกรุงโรม

17 สามวันต่อมาเปาโลเชิญบรรดาผู้นำชาวยิวมาประชุม เมื่อพวกเขามาพร้อมหน้ากันเปาโลก็กล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดอะไรต่อพี่น้องร่วมชาติของเราหรือผิดธรรมเนียมของเหล่าบรรพบุรุษ ข้าพเจ้าก็ถูกจับกุมในกรุงเยรูซาเล็มและส่งตัวให้พวกโรมัน 18 พวกเขาไต่สวนข้าพเจ้าแล้วก็ต้องการจะปล่อยตัวไปเพราะข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดสมควรแก่โทษประหาร 19 แต่เมื่อพวกยิวคัดค้านข้าพเจ้าจึงจำต้องถวายฎีกาถึงซีซาร์ไม่ใช่ว่ามีข้อหาอะไรจะฟ้องร้องพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้า 20 ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงเชิญท่านทั้งหลายมาพูดคุยกันเพราะที่ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่อยู่นี้ก็เนื่องด้วยความหวังของชนชาติอิสราเอล”

21 พวกเขาตอบว่า “เราไม่ได้รับจดหมายใดๆ จากแคว้นยูเดียพาดพิงถึงท่านและก็ไม่มีพี่น้องคนใดที่มาจากที่นั่นได้รายงานหรือพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับท่าน 22 แต่เราอยากฟังความคิดเห็นของท่านเพราะเรารู้อยู่ว่าผู้คนทุกแห่งหนพูดติเตียนนิกายนี้”

23 พวกเขานัดหมายวันที่จะพบกับเปาโลและคนเป็นอันมากพากันมายังที่พักของเขา ตั้งแต่เช้าจดเย็นเปาโลอธิบายและประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าแก่พวกเขาและพยายามยกเหตุผลจากหนังสือบทบัญญัติของโมเสสและหนังสือผู้เผยพระวจนะมาทำให้พวกเขาเชื่อพระเยซู 24 สิ่งที่เขากล่าวทำให้บางคนเชื่อแต่บางคนก็ไม่เชื่อ 25 พวกเขาไม่เห็นพ้องกันและเริ่มจากไปหลังจากที่เปาโลกล่าวทิ้งท้ายว่า “เป็นจริงตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับบรรพบุรุษของพวกท่านผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า

26 “ ‘จงไปหาชนชาตินี้และบอกพวกเขาว่า
“เจ้าจะฟังแล้วฟังเล่าแต่จะไม่มีวันเข้าใจ
เจ้าจะดูแล้วดูเล่าแต่จะไม่มีวันประจักษ์”
27 เพราะจิตใจของชนชาตินี้ดื้อด้านไป
พวกเขาแทบจะไม่เอียงหูฟัง
และพวกเขาได้ปิดตาตนเองเสีย
มิฉะนั้นแล้วพวกเขาจะได้เห็นกับตา
ได้ยินกับหู
เข้าใจด้วยจิตใจ
และหันกลับมา แล้วเราจะรักษาพวกเขา
ให้หาย’[a]

28 “ฉะนั้นข้าพเจ้าอยากให้ท่านรู้ว่าความรอดของพระเจ้าได้แผ่ไปถึงชาวต่างชาติแล้วและพวกเขาจะฟัง!”[b]

30 ตลอดสองปีเต็มเปาโลพักอยู่ในบ้านซึ่งเขาเช่าไว้และต้อนรับคนทั้งปวงที่มาหาเขา 31 เขาประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้าและสอนเรื่ององค์พระเยซูคริสต์เจ้าอย่างกล้าหาญโดยไม่ถูกขัดขวาง

Footnotes

  1. 28:26,27 อสย.6:9,10
  2. 28:28 สำเนาบางต้นบางสำเนาว่าฟัง!29 หลังจากเปาโลกล่าวเช่นนี้แล้ว พวกยิวก็จากไปและโต้เถียงกันเองเป็นการใหญ่

เปาโลที่เกาะมอลตา

28 ครั้นรอดชีวิตกันแล้วพวกเราจึงรู้ว่าเกาะนั้นชื่อมอลตา ชาวเกาะแสดงความกรุณาต่อพวกเราอย่างผิดปกติ และได้ก่อไฟต้อนรับพวกเราทุกคน เพราะว่าฝนตกและอากาศหนาวเย็น เปาโลเก็บกิ่งไม้แห้งได้กองหนึ่งมาใส่ไฟ งูพิษตัวหนึ่งหนีออกมาเพราะความร้อนจากไฟ แล้วกัดติดอยู่ที่มือของเปาโล เมื่อชาวเกาะเห็นงูห้อยอยู่ที่มือของท่านจึงพูดกันว่า “ชายผู้นี้ต้องเป็นฆาตกรแน่ เพราะถึงแม้ว่าเขาพ้นจากทะเลมาได้ เจ้าแห่งความยุติธรรมก็ยังไม่ยอมให้เขามีชีวิตอยู่” แต่ว่าเปาโลสะบัดมือให้งูตกเข้ากองไฟ และไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด คนทั้งหลายคิดว่าแผลของท่านจะบวมขึ้นหรือล้มตายทันที แต่หลังจากที่ได้รอเป็นเวลานานก็เห็นว่าท่านไม่เป็นอะไรเลย เขาจึงเปลี่ยนใจพูดว่าท่านเป็นเทพเจ้า

มีที่ดินแห่งหนึ่งใกล้บริเวณนั้น เป็นที่ดินของปูบลิอัสหัวหน้าใหญ่ของเกาะนั้น ท่านได้ต้อนรับพวกเราอย่างเป็นกันเองถึง 3 วัน ขณะนั้นบิดาของปูบลิอัสนอนป่วยอยู่ เป็นไข้และโรคบิด เปาโลเข้าไปหาท่าน และหลังจากที่ได้อธิษฐานแล้ว ก็วางมือทั้งสองบนตัวท่านและรักษาให้หายจากโรค จากนั้นบรรดาคนป่วยที่อยู่บนเกาะก็พากันมารับการรักษาให้หาย 10 ชาวเกาะให้เกียรติแก่พวกเราหลายประการ เมื่อพวกเราพร้อมที่จะแล่นเรือจากไป เขาทั้งหลายจึงนำสิ่งที่จำเป็นสำหรับเรามาให้

เปาโลที่เมืองโรม

11 สามเดือนผ่านไป พวกเราลงเรือซึ่งได้จอดพักในฤดูหนาวที่เกาะนั้น เรือที่มาจากเมืองอเล็กซานเดรียมีรูปปั้นเทพเจ้าแฝด 2 รูป 12 พวกเราจอดแวะที่เมืองไซราคิ้วส์ 3 วัน 13 เราออกเรือจากที่นั่นไปจนถึงเมืองเรยีอูม วันรุ่งขึ้นลมทิศใต้พัดมา พออีกวันต่อมา พวกเราก็ถึงเมืองปูทีโอลิ 14 เราพบพวกพี่น้องที่นั่นซึ่งได้เชิญเราให้อยู่ด้วย 7 วัน แล้วเราก็ไปยังเมืองโรม 15 พวกพี่น้องที่นั่นได้ข่าวว่าพวกเรากำลังจะมา จึงได้เดินทางไปพบถึงตลาดอัปปีอัสและย่านสามโรงเตี๊ยม เมื่อเปาโลเห็นเหล่าพี่น้องแล้วก็ขอบคุณพระเจ้า ท่านก็มีกำลังใจดีขึ้น 16 เมื่อพวกเรามาถึงเมืองโรมแล้ว เปาโลจึงได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำพังได้โดยมีทหารคนหนึ่งคุมไว้

17 สามวันต่อมาท่านเรียกบรรดาผู้นำชาวยิวมาประชุม เมื่อพวกเขาเข้าประชุมแล้วเปาโลกล่าวว่า “พี่น้องเอ๋ย ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดที่ผิดต่อคนของพวกเรา หรือผิดต่อประเพณีนิยมของบรรพบุรุษของเราเลย แต่ข้าพเจ้าก็ถูกจับกุมในเมืองเยรูซาเล็ม และมอบตัวให้แก่พวกชาวโรมัน 18 พวกเขาไต่สวนข้าพเจ้า และอยากจะปลดปล่อยเพราะว่าข้าพเจ้าไม่มีความผิดที่ต้องโทษถึงตาย 19 แต่เมื่อชาวยิวคัดค้าน ข้าพเจ้าจำต้องถวายฎีกาถึงซีซาร์ ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าฟ้องร้องชนชาติของข้าพเจ้า 20 ด้วยเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงได้ขอพบกับท่านและพูดกับท่าน ข้าพเจ้าถูกล่ามโซ่เช่นนี้ก็เพื่อความหวังของชนชาติอิสราเอล” 21 เขาเหล่านั้นตอบว่า “พวกเราไม่ได้รับจดหมายจากแคว้นยูเดียเกี่ยวกับท่านเลย และไม่มีพี่น้องคนใดที่มาจากที่นั่นได้บอกหรือพูดสิ่งใดเลวร้ายเกี่ยวกับท่าน 22 แต่พวกเราอยากจะฟังว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เพราะพวกเราทราบว่าผู้คนทุกแห่งหนกำลังพูดคัดค้านพรรคนี้”

23 พวกเขานัดวันมาพบกับเปาโล และมีคนจำนวนมากที่มาหาท่านยังที่พัก ท่านได้อธิบายและประกาศถึงอาณาจักรของพระเจ้าแก่เขาทั้งปวง ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็น และพยายามจะชักชวนให้เขาเหล่านั้นเชื่อในพระเยซู โดยอ้างถึงหมวดกฎบัญญัติของโมเสส และจากหมวดผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้า 24 บางคนก็เชื่อเนื่องจากสิ่งที่ท่านกล่าว แต่บางคนก็ไม่เชื่อ 25 พวกเขามีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน และต่างก็ทยอยจากไปหลังจากที่เปาโลได้กล่าวข้อความสุดท้ายว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้กล่าวความจริงแก่เหล่าบรรพบุรุษของท่าน ครั้งที่พระองค์กล่าวผ่านอิสยาห์ผู้เผยคำกล่าวของพระเจ้าว่า

26 ‘จงไปบอกชนชาตินี้ว่า
พวกเจ้าจะได้ยินเรื่อยไป แต่ไม่มีวันที่จะเข้าใจ
    และพวกเจ้าจะมองดูเรื่อยไป แต่ไม่มีวันที่จะเห็น
27 เพราะว่าใจของคนเหล่านี้แข็งกระด้าง
    และหูของเขาก็แทบจะไม่ได้ยิน
    เขาปิดตาของตนเอง
มิฉะนั้นแล้วตาของเขาจะมองเห็น
    หูจะได้ยิน
และจิตใจของเขาจะเข้าใจ และหันกลับมา
    แล้วเราจะรักษาเขาให้หายขาด’[a]

28 ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงทราบว่า ความรอดพ้นที่มาจากพระเจ้าได้ไปยังพวกคนนอก และเขาก็จะฟัง”

[29 ครั้นเปาโลกล่าวเช่นนั้นแล้ว ชาวยิวก็จากไปและเถียงกันไป][b]

30 เปาโลได้อาศัยอยู่ในบ้านเช่า[c]ของท่านเป็นเวลา 2 ปีเต็ม และต้อนรับทุกคนที่มาหาท่าน 31 ท่านประกาศอาณาจักรของพระเจ้าและสั่งสอนเรื่องของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจกล้าหาญ และไม่มีผู้ใดยับยั้งได้

Footnotes

  1. 28:27 อิสยาห์ 6:9,10
  2. 28:29 […] มีหนังสือฉบับแรกๆ บางฉบับที่บันทึกไว้ครั้งโบราณ มีข้อความบันทึกตามนี้
  3. 28:30 หรือ “เช่าบ้านอยู่ด้วยเงินของท่านเอง”

เปาโลบนเกาะมอลตา

28 หลังจากทุกคนมาถึงฝั่งอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเราถึงรู้ว่าเกาะแห่งนี้ชื่อว่ามอลตา คนพื้นเมืองที่นี่ใจดีกับพวกเราเหลือเกิน พวกเขาก่อไฟต้อนรับพวกเราทุกคน เนื่องจากฝนเพิ่งตกและอากาศหนาว เปาโลได้เก็บกิ่งไม้กองหนึ่งมาสุมไฟ มีงูพิษตัวหนึ่งเลื้อยออกมาเพราะถูกความร้อน มันกัดติดอยู่กับมือของเปาโล เมื่อพวกคนพื้นเมืองเห็นงูห้อยอยู่ที่มือของเปาโล พวกเขาก็พูดกันว่า “คนผู้นี้ต้องเป็นฆาตกรแน่ๆถึงแม้เขาจะรอดตายจากทะเล แต่เจ้าแม่แห่งความยุติธรรม[a] ไม่ยอมให้เขารอดตายไปได้” แต่เปาโลสะบัดงูตกลงไปในกองไฟ โดยที่ตัวเขาไม่เป็นอันตรายแม้แต่นิดเดียว พวกเขาคาดว่าเปาโลคงจะต้องบวม หรือไม่ก็ล้มลงขาดใจตายทันที แต่หลังจากที่ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเปาโล พวกเขาก็เปลี่ยนใจและพูดว่า เปาโลเป็นเทพเจ้า

ใกล้ๆแถวนั้น มีทุ่งหญ้าของหัวหน้าเกาะที่ชื่อว่า ปูบลิอัส เขาเชิญพวกเราเข้าไปในบ้าน และเลี้ยงดูปูเสื่อพวกเราเป็นอย่างดีถึงสามวัน พ่อของปูบลิอัสนอนป่วยเป็นไข้ และเป็นโรคบิด[b] อยู่บนเตียง เปาโลจึงเดินเข้าไปหา หลังจากที่เปาโลอธิษฐานแล้วก็วางมือบนตัวเขา แล้วเขาก็หาย เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น คนป่วยคนอื่นๆที่อยู่บนเกาะนี้ ต่างก็พากันมาให้เปาโลรักษาจนหายหมดทุกคน 10 คนบนเกาะนับถือพวกเรามาก เมื่อถึงเวลาที่จะแล่นเรือต่อไป พวกเขาจัดแจงหาสิ่งของต่างๆที่จำเป็นสำหรับการเดินทางมาให้

เปาโลเดินทางไปที่กรุงโรม

11 สามเดือนหลังจากเรือแตก พวกเราได้ลงเรือที่มาแวะพักอยู่ที่เกาะนี้ในช่วงฤดูหนาว เป็นเรือที่มาจากเมืองอเล็กซานเดรีย มีรูปพระแฝด[c]แกะสลักอยู่ที่หัวเรือ 12 พวกเรามาถึงเมืองไซราคิวส์ และพักอยู่ที่นี่สามวัน 13 จากที่นั่น พวกเราแล่นเรือต่อไปที่เมืองเรอียูม ในวันรุ่งขึ้นก็มีลมพัดมาจากทางทิศใต้ วันที่สองพวกเราก็มาถึงเมืองโปทิโอลี 14 เราพบพี่น้องบางคนที่นั่น และพวกเขาชวนให้พวกเราพักอยู่ด้วยเป็นเวลาเจ็ดวัน ต่อจากนั้นพวกเราก็เดินทางไปโรม 15 เมื่อพวกพี่น้องในกรุงโรม ได้รับข่าวเรื่องพวกเรา พวกเขาอุตส่าห์เดินทางออกมาพบพวกเราถึงตลาดอัปปีอัส[d]และโรงแรมสามหลัง[e] เมื่อเปาโลเห็นพวกเขา ก็ขอบคุณพระเจ้าและมีกำลังใจมากขึ้น

เปาโลอยู่ในกรุงโรม

16 เมื่อพวกเรามาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่คนเดียวต่างหาก โดยมีทหารคนหนึ่งคอยเฝ้าเขาไว้ 17 หลังจากผ่านไปสามวัน เปาโลเรียกประชุมผู้นำของชาวยิว เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว เปาโลจึงพูดขึ้นว่า “พี่น้องทั้งหลาย ผมได้ถูกจับที่เมืองเยรูซาเล็มแล้วถูกส่งไปให้กับพวกโรมันเหมือนกับนักโทษ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ต่อต้านคนของพวกเรา หรือต่อต้านประเพณีของบรรพบุรุษของพวกเราเลย 18 เมื่อพวกโรมันไต่สวนผมแล้ว ก็จะปล่อยตัวผมไป เพราะผมไม่ได้ทำอะไรผิดถึงกับต้องตาย 19 แต่ชาวยิวไม่ยอม ผมจึงจำเป็นต้องขอให้ซีซาร์สอบสวน ไม่ใช่เพราะผมมีเรื่องจะฟ้องร้องคนร่วมชาติของผมเอง 20 นี่เป็นเหตุที่ผมขอพบเพื่อพูดคุยกับพวกท่าน ความจริงแล้วที่ผมต้องถูกล่ามโซ่อยู่นี้ ก็เพราะเห็นแก่ความหวังของชาวอิสราเอล[f]

21 พวกผู้นำชาวยิวจึงพูดกับเปาโลว่า “พวกเรายังไม่ได้รับจดหมายอะไรเกี่ยวกับท่าน ที่มาจากแคว้นยูเดียเลย และยังไม่มีพี่น้องคนไหนที่เดินทางมาจากที่นั่น เพื่อรายงานหรือให้ร้ายเกี่ยวกับตัวท่าน 22 แต่พวกเราอยากจะได้ยินสิ่งที่ท่านคิด เพราะพวกเรารู้ว่าทุกหนแห่งต่อต้านลัทธินี้”

23 พวกเขาจึงนัดวันพบกับเปาโลอีก เมื่อถึงวันนัดพบ ก็มีคนมากกว่าเดิมมาหาเปาโลในที่พักของเขา เปาโลได้อธิบายและเป็นพยานถึงอาณาจักรของพระเจ้า พยายามชักจูงพวกนั้นให้เชื่อในพระเยซู โดยอ้างจากกฎของโมเสสและจากสิ่งที่พวกผู้พูดแทนพระเจ้า เขียนไว้ เปาโลได้ทำอย่างนี้ตั้งแต่เช้าจนเย็น 24 บางคนเชื่อในสิ่งที่เขาพูด บางคนก็ไม่เชื่อ 25 เกิดการขัดแย้งกันเองในหมู่พวกเขา บางคนเริ่มเดินหนีไปหลังจากที่เปาโลพูดว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์พูดไว้ถูกต้องเลย เมื่อพูดกับบรรพบุรุษของพวกท่านผ่านทางอิสยาห์ ผู้พูดแทนพระเจ้าว่า

26 ‘ให้ไปหาคนพวกนี้ และพูดกับเขาว่า
ท่านจะฟังแล้วฟังอีก
    แต่จะไม่เข้าใจ
ท่านจะมองแล้วมองอีก
    แต่จะไม่เห็นจริงๆ
27 เพราะจิตใจของคนพวกนี้ดื้อด้าน
    หูของเขาไม่เต็มใจที่จะฟัง และพวกเขาก็ปิดตาของตนเอง
ไม่อย่างนั้น พวกเขาจะได้เห็นกับตา และได้ยินกับหู
    และเข้าใจด้วยจิตใจ และหันกลับมาหาเรา
เพื่อให้เรารักษาพวกเขา’[g]

28 ดังนั้นพวกท่านควรรู้ไว้ว่า เรื่องความรอดจากพระเจ้านี้ได้ส่งไปให้คนที่ไม่ใช่ยิวแล้ว และพวกเขาจะฟัง” 29 [h]

30 เปาโลได้อยู่ในห้องที่เขาได้เช่าไว้เป็นเวลาถึงสองปีเต็ม และต้อนรับทุกคนที่มาหาเขา 31 เขาประกาศเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า และสั่งสอนเกี่ยวกับองค์เจ้าชีวิตพระเยซูผู้เป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่[i] อย่างเปิดเผย โดยไม่มีใครขัดขวาง

Footnotes

  1. 28:4 เจ้าแม่แห่งความยุติธรรม ผู้คนคิดว่ามีเจ้าแม่ชื่อว่าความยุติธรรมมีหน้าที่ลงโทษคนไม่ดี
  2. 28:8 โรคบิด โรคที่มีอาการคล้ายกับโรคท้องร่วง
  3. 28:11 พระแฝด รูปปั้นของคาสเตอร์และโพลลักซ์ พระสององค์ของกรีก
  4. 28:15 ตลาดอัปปีอัส เป็นเมืองที่อยู่ห่างจากกรุงโรมไปประมาณ 69 กิโลเมตร
  5. 28:15 โรงแรมสามหลัง เป็นเมืองที่อยู่ห่างจากกรุงโรมไปประมาณ 48 กิโลเมตร
  6. 28:20 อิสราเอล คือ ชนชาติยิว
  7. 28:26-27 อ้างมาจากหนังสือ อิสยาห์ 6:9-10
  8. 28:29 ข้อนี้ สำเนากรีกช่วงหลัง พูดว่า “หลังจากเปาโลกล่าวสิ่งนี้แล้ว ชาวยิวทั้งหลายก็จากไป พวกเขาต่างโต้เถียงกันเองอย่างหนัก”
  9. 28:31 ผู้เป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่ หรือ พระคริสต์